ตำนานเทพกู้จักรวาล – ตอนที่ 642 แบบแผนอันอำมหิต

ถึงอย่างไร วรยุทธของชื่อซีก็ลึกล้ำ ดังนั้นเขาจึงพยายามต้านทานการถูกวงแหวนเทวะเสกสรรแทรกซึมในทันใด แต่ทว่าสำนึกรู้ของเขาค่อยๆ เลือนรางลงไปทีละน้อย และปราณชีวิตของเขาก็มิอาจใช้สอยได้

ร่างกายที่มีสามเศียรหกกรเป็นสัญลักษณ์ของการมีกายเนื้ออันแข็งแกร่งเหมาะแก่การต่อสู้ในระหว่างยุคสมัยแสงฉาน แต่เมื่อเผชิญกับพลังแห่งการเสกสรร เขานั้นก็ทำอะไรไม่ได้โดยสิ้นเชิง ไม่นานนัก เขาก็แปรเปลี่ยนไปเป็นปลาใหญ่ที่มีสามหัวและหกครีบ ดีดตัวไปมาอยู่กับพื้น

ในตอนนั้น นอกจากฉินมู่ที่อยู่ใจกลางวงแหวนเทวะ มีก็แต่กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกที่ไม่ได้รับผลกระทบจากพลังเสกสรร เขายังคงรักษาสำนึกรู้ของตนเองเอาไว้

ทุกหนทุกแห่งในอุทยาน สัตว์ทะเลและพืชทะเลหลากหลายชนิดได้ป่วนอุทยานให้เลอะเทอะไปหมด

โชคดีที่ว่า ก่อนฉินมู่จะทดสอบวงแหวนเทวะเสกสรร เขาได้สั่งให้ผู้คนก่อสร้างกำแพงสูงรอบๆ พวกเขา เพื่อขัดแสงรังสีจากวงแหวนเทวะ ดังนั้น พลังเสกสรรจึงไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นที่อยู่ข้างนอก

“กษัตริย์มนุษย์ฉิน พอแล้ว!”

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกรีบตะโกนไป “พลานุภาพของสมบัติชิ้นนี้เหนือธรรมดา ไม่มีความจำเป็นต้องทดสอบต่อไปแล้ว ระวังจะสร้างความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้แก่จิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขา!”

ในวงแหวนกลม ฉินมู่หยุดขับเคลื่อนวงแหวนเทวะเสกสรร และวงแหวนก็หยุดหมุน

เกล็ดและเหงือกบนตัวบรรพชนแรกค่อยๆ จางหายไป ขณะที่คนอื่นๆ ในสวนยังคงดีดพลิกไปมาบนพื้น พวกเขาไม่ฟื้นคืนร่างที่แท้จริงกลับมา

ฉินมู่รออยู่พักหนึ่ง แต่ผู้คนเหล่านั้นก็ยังคงไม่กลับร่างเดิม เขาครุ่นคิดและกล่าว “นี่เป็นเวทปิดผนึกแบบหนึ่ง มันจะปิดผนึกกายเนื้อและจิตวิญญาณดั้งเดิมเมื่อส่องต้องร่างของพวกเขา และพวกเขาก็ไม่อาจคลายผนึกออกมาได้ด้วยตนเอง…”

เขานำเอาพู่กันและกระดาษมาจดความคิดของตน

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกเร่งเร้าเขา “รีบๆ คลายผนึกให้พวกเขาเร็วเข้า ยิ่งถ่วงเวลานานเท่าไร ทั้งดวงวิญญาณและจิตวิญญาณดั้งเดิมก็จะถูกแทรกซึม!”

ฉินมู่เก็บกระดาษและพู่กัน และให้วงแหวนเทวะเสกสรรหมุนไปในทิศทางที่ถูกต้อง อักษรรูนสำหรับคลายผนึกฉายส่องไปทั่วทุกทิศทาง และพวกมันก็ลบล้างผนึกเสกสรรที่อยู่บนร่างกายของทุกคน

ปัง ปัง ปัง

เสียงระเบิดดังออกมาเมื่อกายเนื้อของทุกคนกลับมาเป็นปกติ แม้แต่จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงก็มองมายังสมบัติชิ้นนี้ด้วยความหวาดกลัว

เทพชื่อซีเต็มไปด้วยความเสียใจราวกับว่าหัวใจเขากำลังถูกกรีดเลือดออกมา เขามองไปยังวงแหวนเทวะเสกสรร และอยากที่จะไปเอามันคืนมาเป็นอย่างยิ่ง เขาก็ตระหนักแล้วว่านี่อาจจะเป็นเป้าหมายของฉินมู่มาตั้งแต่แรก ไม่ใช่พวกเทพศาสตรานับแสนในรายการ!

ฉินมู่จะไม่มีทางคืนวงแหวนเทวะนี้ให้กับเขาอย่างแน่นอน ต่อให้เขาเอาตึกแสงฉานสยบสวรรค์ไปแลกก็ตาม!

มูลค่าของวงแหวนเทวะได้เหนือล้ำไปกว่าตึกแสงฉานสยบสวรรค์ไปไกล!

“โจรเฒ่าคร่ำหวอด…นี่มันโจรเฒ่าคร่ำหวอดชัดๆ…”

หัวขโมยเฒ่าอันเปี่ยมประสบการณ์ จะมีดวงตาอันร้ายกาจหนึ่งคู่ที่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรคือสมบัติล้ำค่าและอะไรไม่ใช่ แม้แต่สมบัติที่เจ้าของไม่รู้ตัวว่ามีอยู่ในบ้าน ก็จะถูกเขาขุดขึ้นมา และถูกแลกเปลี่ยนไปด้วยมูลค่าอันต่ำเตี้ยเรี่ยดิน หรือไม่อย่างนั้นก็ขโมยไปตรงๆ

โจรเฒ่าเช่นนั้นมักจะมีกระบวนความคิดที่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ด้วยผัสสะอันเฉียบไวของเขาพวกเขา พวกเขาสามารถเสาะพบสถานที่ที่คนอื่นมองไม่เห็น และโจรเฒ่าก็จะทำให้สมบัติอันชืดแสง กลับมาเปล่งประกายได้อีกครั้ง

ในสายตาของชื่อซี ฉินมู่นั้นคือโจรเฒ่าคร่ำหวอดอย่างไม่ผิดเพี้ยน!

ตัวเขาเองมองไม่เห็นประโยชน์ใช้สอยอันวิเศษของวงแหวนเทวะเสกสรร เขาเข้าใจแค่ว่ามันคือกุญแจที่เอาไว้ปลุกผู้คนของเขา แต่ทว่า ฉินมู่ได้คิดไปในอีกทิศทาง และถือว่าวงแหวนเทวะคือของที่ใช้ปิดผนึก!

ในความเป็นจริงแล้ว ฉินมู่ไม่ต่างอะไรกับเด็กหนุ่มรุ่นกระทงโดยทั่วไป เขานั้นขี้เล่นและเต็มไปด้วยความซุกซน แต่ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นคือเขาเติบโตมากับหัวขโมยเฒ่าที่ไม่เคยพลาดการโจรกรรมมาก่อน

เฒ่าเป๋นั้นคุ้นเคยกับการพบเห็นสมบัติทุกชนิดประเภท และกระบวนความคิดของเขาก็แตกต่างจากคนทั่วไป เขาสามารถคิดในสิ่งที่คนอื่นๆ คิดไปไม่ถึง และในเมื่อฉินมู่ได้รับการสั่งสอนจากเขาตั้งแต่ยังเล็กๆ เขาก็ย่อมดูไม่ต่างอะไรกับหัวขโมยเฒ่าเปี่ยมประสบการณ์

หลังจากทดสอบสมบัติวิเศษ ทุกคนก็เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน ดังนั้นพวกเขาจึงรีบจากไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ไม่นานนัก จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงก็กลับมา เขาถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านที่นับถือชื่อซีวางแผนว่าจะกลับไปที่โลกลอยเลื่อนอย่างนั้นหรือ ที่ถูกควรนั้น ข้าจะต้องส่งคณะทูตติดตามเจ้าไปด้วยกับการเดินทางครั้งนี้ ท่านที่นับถือโปรดรอสักครู่”

ชื่อซีผงกหัว และสายตาของเขาวูบไหว “ฝ่าบาท ข้าใคร่จะแลกตึกแสงฉานสยบสวรรค์กับวงแหวนเทวะเสกสรร ไม่ทราบว่าพอจะเป็นไปได้หรือไม่”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงหัวเราะ “วันนี้อากาศดีจริงๆ…ขุนนางฉิน เจ้าทำอุทยานหลวงของข้าเละเทะไปหมด ข้าจะตัดหัวเจ้า!”

ผานกงสั่วเผยสีหน้ากระตือรือร้น แต่จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงก็ยังคงแย้มยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขาแค่พูดไปงั้นๆ และจริงๆ เขากำลังรู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง

ผานกงสั่วผิดหวัง ชื่อซีมองไปที่ฉินมู่และกล่าว “ข้ารู้สึกว่าสหายน้อยฉินฉลาดเฉียบแหลม ดังนั้นข้าอยากให้เขาคิดตามข้าไปยังโลกลอยเลื่อน”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงหัวใจสั่นไหวเล็กน้อย และหันไปมองยังฉินมู่ ฉินมู่ส่ายหัวทันที “ต่อให้เจ้าอัดข้าให้ตายข้าก็ไม่ไป ถ้าข้าไปข้าก็ถูกเจ้าอัดจนตาย”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าต้องการทูตที่ควบคุมสถานการณ์ได้หลังจากที่ไปยังโลกลอยเลื่อนจริงๆ นั่นแหละ หากว่าราชครูอยู่ที่นี่ ข้าก็คงจะขอให้เขาเดินทางไป แต่เขายังคงต้องรับหน้าที่ดูแลการศึกที่สวรรค์ไท่หวง นอกจากราชครูแล้ว ผู้ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมในสันตินิรันดร์ของข้าก็คงเป็นขุนนางฉิน แม้แต่ข้าก็ยังคงด้อยกว่าขุนนางฉิน”

ฉินมู่รู้สึกสดชื่นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ไป”

ข้างๆ เขา ขันทีน้อยถือพู่กันมาและยื่นสมุดน้อยให้ จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงยกพู่กันขึ้น จุ่มลงไปในหมึก เพิ่มขีดเข้าไปอีกจำนวนหนึ่งในสมุด “ขนาดข้าเยินยอเจ้า เจ้าก็ยังไม่ไปหรือ”

“ฝ่าบาทเขียนอะไรน่ะ”

ฉินมู่เดินเข้าไปและเห็นชื่อคนมากมายในสมุดน้อย ส่วนใหญ่แล้วเป็นชื่อของขุนนาง และชื่อของเขาก็อยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น ชื่อของเขามีขีดตั้งอยู่หกเจ็ดขีด และยังมีอีกชุดหนึ่งที่ขีดสี่ขีด

ท่ามกลางชื่อทั้งหลายในหน้านี้ ชื่อของเขามีขีดตั้งเยอะที่สุด

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงรีบปิดสมุดน้อย แต่มือของฉินมู่ไหวกว่า เขาขโมยสมุดน้อยมาและพลิกดูมัน ในสมุดน้อยนี้มีสิบกว่าหน้า และชื่อที่มีขีดตั้งเยอะที่สุดไม่ใช่ของเขา แต่เป็นของจักรพรรดินี นางมีขีดตั้งอยู่หลายสิบชุด

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงรีบแย่งสมุดกลับมา เขาตวาดไป “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาขโมยของของข้า ตัดหัวเจ้า!” หลังจากกล่าวเช่นนั้น เขาก็เพิ่มไปอีกขีดบนชื่อของฉินมู่

ฉินมู่กระจ่างขึ้นมาทันที เขาปรายตามองจักรพรรดินีที่อยู่ข้างๆ พลางคิดในใจ พวกเขาทั้งสองคงจะทะเลาะกันบ่อยครั้ง ดังนั้นจักรพรรดิจึงตัดหัวจักรพรรดินีไปหลายร้อยครั้งแล้ว ข้ามีสังหรณ์ว่าจักรพรรดินีคงไม่รู้เรื่องนี้ หากว่านางรู้ ตำหนักในคงอึกทึกไม่สงบเป็นแน่

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงเก็บสมุดน้อยนั้นเอาไว้อย่างระมัดระวัง และเขากล่าวกับชื่อซี “ขุนนางฉินที่รักเป็นมือขวาของข้า เขาไม่อาจออกไปจากสภาราชสำนักโดยง่าย ดังนั้นข้าจึงขอถามท่านที่นับถือชื่อซีสักหน่อยว่า จะใช้เวลานานเท่าใด หากว่าเวลาที่เจ้าใช้เดินทางมันนานเกินไป ข้าก็คงไม่อาจหักใจให้ขุนนางฉินไปได้”

ชื่อซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทไม่ต้องกังวล ตอนแรกที่ข้านำพาสหายร่วมเผ่าของข้าควบคุมดาวเคราะห์เดินทางมา พวกข้าล่องลอยในอวกาศ และไม่รู้ว่าแผ่นดินบรรพชนอยู่ที่ใด นั่นจึงเป็นเหตุให้พวกข้าใช้เวลาหลายพันปีเพื่อเสาะหาแผ่นดินบรรพชน แต่หากว่าข้านำไปเพียงสหายน้อยฉินในคราวนี้ พวกเราสามารถไปและลกับมาได้ภายในหนึ่งปี”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงถามด้วยความใคร่รู้ “ทำไมครั้งก่อนเจ้าถึงใช้เวลามากนัก และก็เร็วอย่างมากในครั้งนี้”

ชื่อวีตอบ “ครั้งก่อนนั้น มีเพียงแผนที่หมู่ดาวที่กาตำแหน่งแผ่นดินบรรพชนเอาไว้ ดังนั้นพวกเราจึงต้องคิดคำนวณวงโคจรของดาวต่างๆ พวกเรายังต้องหลบหลีกการไล่ล่าของศัตรู เช่นนี้ พวกเราจึงเสียเวลามาก บัดนี้เมื่อข้ารู้เส้นทาง และก็มีเรือเหาะเร็วในวังสวรรค์ใต้น้ำจากยุคสมัยแสงฉานของข้า ความเร็วของมันเร็วยิ่งกว่าดาวเคราะห์หลายเท่า ดังนั้นความเร็วในการเดินทางจึงเร็วกว่าครั้งขามาได้หลายพันเท่า”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงวางใจลง และเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านที่นับถือชื่อซีโปรดรอสักสองสามวัน ขุนนางฉินจะออกเดินทางไปกับเจ้า”

ฉินมู่รีบส่ายหัว “ฝ่าบาท–”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงกล่าวอย่างจริงใจ “บุรุษหนึ่งควรอ่านหนังสือร้อยหมื่นเล่ม และเดินทางหมื่นหมื่นลี้ บุคคลเดียวที่จะไม่ทำให้จักรวรรดิของเราเสื่อมเสียหน้าตาก็มีเพียงขุนนางฉิน ภารกิจของเจ้าในโลกลอยเลื่อนแสงฉานนั้นสำคัญอย่างถึงที่สุด พวกเราจะได้เป็นพันธมิตรกับซากทัพจากยุคสมัยแสงฉานได้หรือไม่ก็ขึ้นกับฝีมือความสามารถของเจ้าแล้ว ไม่มีใครที่เหมาะสมไปยิ่งกว่าเจ้า ข้าเองก็รู้ว่ามันจะต้องมีอันตรายมากมายและยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มีแต่เจ้าที่มีความสามารถมากพอ”

ใบหน้าของฉินมู่เผยคิ้วขมวดอย่างหนักเมื่อเขามองไปยังชื่อซี ชื่อซีแย้มยิ้มและไม่กล่าวอะไร

ข้างหลังชื่อซี ผานกงสั่วทำท่าปาดคอมา

ผ่านไปสักพัก ทั้งสองคนก็จากไป

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงเห็นพวกเขาเดินจากไปและกล่าว “ขุนนางฉินที่รัก ชื่อซีไม่ใช่เจ้าบ้าน โอรสเทพแสงฉานต่างหากคือผู้มีอำนาจตัดสินใจ และสัตยาบันที่ชื่อซีได้ลงนามไว้กับสันตินิรันดร์ของข้าไม่สำคัญแม้ขี้เล็บ โอรสเทพจะต้องพยักหน้าเสียก่อน สัตยาบันพันธมิตรจึงจะมีผล ตอนนี้สันตินิรันดร์อาจจะดูมั่นคงสถาวร แต่จริงๆ แล้วมันเต็มไปด้วยภัยซุ่มซ่อน นั่นจึงเป็นเหตุให้พวกเราจะต้องยืนยันสัตยาบันพันธมิตรนี้กับโลกลอยเลื่อนให้จงได้! เมื่อเจ้าไปถึงโลกลอยเลื่อน โอรสเทพแสงฉานคงจะหาเรื่องสร้างความลำบากให้แก่คณะทูตแห่งสันตินิรันดร์ และข้าไม่อาจหาใครอื่นที่สามารถจัดการสถานการณ์เช่นนี้ได้ดีไปกว่าเจ้า! นี่คือถ้อยคำจากใจจริงของข้า! ข้าไม่อาจไปที่นั่นด้วยตนเองได้ แต่ข้าจะให้องค์หญิงจิวไปกับเจ้า หากว่าเกิดอะไรขึ้น องค์หญิงของข้าก็จะตายไปด้วยกันกับเจ้า!”

ฉินมู่กะพริบตาปริบ “ข้าจะไป ตกลงไหม”

เขามองไปยังกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก บรรพชนแรกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าว “ข้าสามารถไปด้วยกันกับเจ้าได้”

ฉินมู่คลายใจลง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรต้องกังวล ฝ่าบาท ท่านสามารถวางใจได้”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงระบายลมหายใจสะท้าน และทอดถอนใจ “ข้าเองก็ยังไม่มั่นใจดีนักที่จะให้พวกเจ้าไป เมื่อพวกเจ้าผ่านไปทางสวรรค์ไท่หวง ไปเยี่ยมเยือนราชครูและถามความคิดเห็นของเขา ข้าจะเตรียมของบรรณาการจำนวนหนึ่งเพื่อให้พวกเจ้ามอบแก่โอรสสวรรค์แสงฉานในการเยี่ยมเยือน”

ฉินมู่พยักหน้า

สองวันถัดมา จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงเตรียมของบรรณาการ พวกมันคือท่วงท่ากระบี่พื้นฐานสามท่าที่ถูกเรียบเรียงเป็นหนังสือ ฉินมู่เป็นผู้ถือมันเอาไว้ ส่วนหลิงอวี้จิวรับหน้าดูแลของขวัญสวยงามแปลกประหลาด

ฉินมู่ กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก และหลิงอวี้จิวเตรียมที่จะออกเดินทาง ชื่อซีและผานกงสั่วได้เตรียมเรือเหาะเรียบร้อยแล้ว มันเป็นเรือขนาดใหญ่ที่อยู่ในเมืองใต้น้ำแห่งทะเลใต้ ชื่อซีนำมันออกมาจากผนึกและมันเป็นเรือเหาะโบราณอันมีหกปีก เรือนี้เต็มไปด้วยอักษรรูนอันวิจิตรตระการ ที่หัวเรือนั้นเป็นศีรษะนกหงส์เพลิง ขณะที่ตัวเรือนั้นจารึกอักษรรูนปักษามากมายเต็มไปหมด

ฉินมู่ศึกษาดูเรือนี้อย่างละเอียด และเขาก็ตกตะลึง หัวเรือนั้นเป็นหัวนกหงส์เพลิงของจริง และมันมีเลือดเนื้อ ปีกและขนก็เป็นขนนกหงส์เพลิงของจริงด้วย!

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเรือที่ประทับรอยอักษรรูนปักษามากมายนั้นถึงกับเป็นผืนหนังของสัตว์เทพและปักษาเทพของจริง บนผืนหนังนั้นเป็นอักษรรูนธรรมชาติของสัตว์เทพและปักษาเทพ!

“ถ้าอย่างนั้น ปีกทั้งหก…”

หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความพิศวง และตื่นตระหนก เมื่อตระหนักว่าปีกทั้งหกนั้นเป็นปีกของเทพเจ้า และพวกมันไม่ได้มาจากเทพเจ้าธรรมดาอย่างแน่นอน!

ยุคสมัยแสงฉานได้ใช้ร่างกายของเทพเจ้าเพื่อหลอมสร้างเทพศาสตรา จากจุดนี้ ก็คงเห็นถึงแบบแผนของยุคสมัยดังกล่าวในประวัติศาสตร์ของมัน!

ดิบ เถื่อน และรุนแรง!

ไม่เพียงแต่เรือนี้ แม้แต่มีดปริศนาประหารเทพ ก็แสดงให้เห็นแบบแผนอันอำมหิตของยุคสมัยแสงฉาน!

มีดปริศนาประหารเทพสร้างขึ้นมาจากศีรษะของจ้าวแดนดินบนบัลลังก์จักรพรรดิ!

การเดินทางไปยังโลกลอยเลื่อนแสงฉาน จะต้องไม่ใช่การเดินทางอันง่ายดายอย่างแน่นอน!

ตำนานเทพกู้จักรวาล

ตำนานเทพกู้จักรวาล

Status: Ongoing
ในดินแดนรกร้าง ยังมีหมู่บ้านประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยผู้เฒ่าพิการ ขาเป๋ เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก เหล่าคนชราเก็บทารกแรกคลอดที่ลอยน้ำผ่านมาได้ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่และตั้งชื่อให้ว่า… ฉินมู่ ฉินมู่ หนุ่มน้อยหน้าซื่อตาใสเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจ ‘พี่สาว’ ทั้งหลาย แต่ทำให้ศัตรูเดือดแค้นเจียนตาย บางคนก็เรียกเขาว่ากวางน้อยเซ่อซ่าที่เห็นเรื่องตื่นเต้นที่ไหนก็โดดไปมุงดู ไม่ว่าเทพกับมารตีกัน ใครจะยกทัพไปยึดโลกมิติใด หลวงจีนคนนั้นจะกิ๊กกับราชาสวรรค์องค์ไหน เป็นต้องเห็นเงาร่างหมอนี่ตลอด พับผ่าสิ! ความอยากรู้อยากเห็นไร้สิ้นสุดของฉินมู่จะคลายปริศนาลึกลับของจักรวาลได้หรือไม่ ความลับของเทพเจ้าโบราณคืออะไร ใครคือเงามืดที่คอยเก็บเกี่ยวต้นอ่อนของยอดยุทธ์วิชาเทวะตลอดหลายแสนปีที่ผ่านมา… เด็กหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นผู้กอบกู้จักรวาลให้รอดพ้นจากการถูกทำลายล้างได้หรือไม่ นี่คือการผจญภัยของฉินมู่ผู้เจียมตัวว่าเก่งเป็นอันดับสองของทุกศาสตร์วิชาในโลก! ‘ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างใสซื่อ…แต่ผู้อื่นเห็นแล้วขนหัวลุกแทบตาย’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset