เหนือภูเขารอบๆ เมฆปีศาจเห่อเหิมขึ้นมาจากวิหารทั้งหลาย หลวงจีนปีศาจชั้นสูงทั้งหมดเหาะขึ้นไปบนเมฆของพวกเขามุ่งไปยังยอดเขาทองคำ คุกรุ่นไปด้วยจิตสังหาร
รัศมีของซิงอ้านนั้นแข็งแกร่งพอที่หลวงจีนเกือบทั้งวัดน้อยฟ้าคำรามจะรับรู้การมาเยือนของเขา
ซิงอ้านยืนอยู่บนยอดเขาทองคำของวัดน้อยฟ้าคำรามราวกับว่าเขามาพิชิตแดนรกร้าง เขาไม่สนใจหลวงจีนปีศาจทั้งหลายที่กรูกันเข้ามาและฉีกยิ้ม “ทำไมใครๆ ก็รนหาที่ตาย คนเดียวที่จะต้องตายบนภูเขานี้ก็มีเพียงยอดหมอเทวดาฉิน พวกเรามาสะสางความแค้นกันก่อนดีกว่า”
ผานกงสั่วดีใจจนเนื้อเต้นและก้าวข้างหน้าไปสองก้าวด้วยมือของเขา เขาเงยหน้าขึ้นมาและกล่าวอย่างดุร้าย “หมอเทวดาฉิน ศิษย์พี่ซิงอ้านเรียกหาเจ้า ทำไมเจ้ายังไม่รีบไสหัวมาตาย”
จิงเอี้ยนมองไปที่ซวีเซิงฮวาและกล่าวด้วยเสียงแผ่ว “คุณชาย…”
ซวีเซิงฮวาขมวดคิ้ว เขาก็นึกอะไรดีๆ ไม่ออกในสถานการณ์เช่นนี้ ยูไลน้อยคงมิอาจเสียสละยอดฝีมือทั้งหมดของวัดน้อยฟ้าคำราม ดังนั้นคงไม่ช่วยอย่างแน่นอน ส่วนตัวเขานั้นวรยุทธต่ำกว่าซิงอ้านไปมาก และไม่อาจช่วยเหลือได้โดยสิ้นเชิง
ฉินมู่ยกมือขึ้นและยับยั้งลิงยักษ์อสูรที่กำลังจะพุ่งถลันเข้าไป เขาก้าวออกไปข้างหน้าและถามหยั่ง “ศิษย์พี่ซิงอ้าน หากว่าข้าสามารถช่วยให้ท่านพ้นจากอาการป่วยไข้แฝงเร้นของท่านได้ ข้าจะสามารถรอดชีวิตได้หรือไม่”
ผานกงสั่วราวกับได้ยินเรื่องที่น่าขำที่สุดในโลกและระเบิดหัวเราะออกมา “ไอ้เด็กผีแซ่ฉิน เจ้านั้นฝันกลางวั–”
“ตกลง” ซิงอ้านยินดีเป็นอย่างยิ่งและกล่าว “หากว่าเจ้าทำให้ข้าเป็นอิสระจากความป่วยไข้นี้ได้ ปล่อยเจ้าไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
ผานกงสั่วอ้าปากค้าง เขาหันกลับไปและตะกุกตะกัก “ศิษย์พี่ซิงอ้านล้อเล่น ชะ…ใช่ไหม”
ซวีเซิงฮวาก็อ้าปากค้าง สักพักเขาถึงค่อยได้สติ
“ข้าไม่จำเป็นต้องสังหารเขาจริงๆ นี่ สำหรับข้าแล้ว เป็นเรื่องปกติที่เหยื่อจะสู้กลับ ผู้คนของเขาได้ต่อสู้โต้กลับมาและทำให้ข้าบาดเจ็บ บีบให้ข้าไร้ทางเลือกอื่นนอกจากล่าถอย ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าก็นับถือคนพวกนั้นเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หากว่าหมอเทวดาฉินไม่ต้องการจะตาย เขาก็จะต้องคืนชิ้นส่วนอวัยวะทั้งหมดให้กับข้า” ซิงอ้านกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
“ตกลง! แต่บางชิ้นส่วนข้าได้คืนไปให้กับเจ้าของเดิมแล้ว” หลังจากกล่าวเช่นนั้น เขาก็นำรังมังกรแท้ออกมา และนำชิ้นส่วนร่างกายทั้งหมดที่เขาครอบครองอยู่ออกมากอง
“ไม่มีปัญหา ในเมื่อเจ้าคืนไปแล้ว ข้าก็แค่ต้องไปฉวยมาใหม่จากพวกเขาเท่านั้น”
ซิงอ้านเดินตรงไปและตรวจตราดูมันทีละชิ้นๆ เมื่อเขาตรวจมาถึงขาข้างที่ฉินมู่แพร่พิษเอาไว้ เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเขาเงยหน้ามองฉินมู่ ประกายตาของเขาก็วูบวาบ “ขาข้างนี้ดูจะแตกต่างออกไปจากเมื่อก่อน หมอเทวดาฉิน ข้าเองก็เชี่ยวชาญวิชาแพทย์ และขาข้างนี้จะต้องมีเล่ห์กลอะไรอย่างแน่นอน”
ฉินมู่ก้าวเข้าไปดูและเกาหัวแกรกๆ “ข้าได้ต่อขานี้เข้ากับใครบางคนมาก่อน ดูสิ ข้าทำรอยบากไว้ตรงนี้”
ซิงอ้านหรี่ตาและสำรวจดูสีหน้าของเขา แต่ไม่พบพิรุธใดๆ แต่กระนั้น เขาก็ยังคงขยาดความสามารถในวิชาชีพหมอของฉินมู่
“ผู้สูงศักดิ์ ข้ายังติดข้างเจ้าอยู่หนึ่งขา ดังนั้นเชื่อมต่อข้างนี้กลับไปก่อนล่ะกัน” เขาโยนขาข้างที่มียาพิษไปให้ผานกงสั่วผู้ซึ่งหน้าซีดเหลือง “ไอ้เด็กแซ่ฉิน เจ้าวางยาพิษไว้ในขาใช่ไหม บอกข้ามาอย่าโกหก! ศิษย์พี่ซิงอ้าน ข้าไม่รับขานี้ได้หรือไม่ ถ้าข้าต่อมันข้าจะต้องตายอย่างแน่แท้! อย่าพูดถึงรอยบากเลย ข้าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นที่เขาเฉียดมือเข้าใกล้!”
ซิงอ้านรับขากลับไปและกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “ข้ายกให้เจ้า แต่เจ้าไม่ต้องการมัน เช่นนั้นตอนนี้ข้าก็ติดข้างเจ้าอีกแค่ข้างเดียว”
ผานกงสั่วครางหนัก ขัดแย้งในใจ จากนั้นเขาก็กล่าว “ยกให้ข้าละกัน ให้ข้าดูก่อนว่ามันมีพิษหรือเปล่า…”
ซิงอ้านโยนขาให้กับเขาและเปิดหีบอันเขากวาดชิ้นส่วนร่างกายที่เหลือทั้งหมดเข้าไป จากนั้นเขาก็มองไปยังฉินมู่ ตามด้วยซวีเซิงฮวา และสุดท้ายก็ลิงยักษ์อสูร สายตาเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม “ทุกคนที่นี่ล้วนแต่เป็นผู้มีพรสวรรค์ เช่นนั้นหากข้ามาเก็บเกี่ยวหลังจากที่พวกเจ้าประสบความสำเร็จแล้ว นั่นจะไม่น่าสนุกหรอกหรือ ผู้สูงศักดิ์ เจ้าก็ต้องขยันฝึกปรือเช่นกัน อย่าปล่อยให้ชนรุ่นหลังขี่หัวเจ้าเอาได้”
ผานกงสั่วมีเพลิงโทสะสุมเต็มอก แต่ไม่มีที่ระบาย เขาได้แต่รับคำเสียงชืดชาและหุบปากเงียบ
ซิงอ้านมองไปยังบาตรทองคำอันถูกนำออกมาจากภาพวาดของฉินมู่แล้วโดยยูไลน้อยและหลวงจีนคนอื่นๆ มันแขวนห้อยอยู่กลางอากาศอันมีเทพหมอผีขุยยืนอยู่บนเมฆมารเล็กๆ เขากอดอกยืน ร่างท่อนล่างของเขาเป็นเมฆทะมึนอันถูกสะกดข่มเอาไว้ในบาตร
เทพหมอผีขุยมองไปที่ซิงอ้านและยิ้มหยัน
“เทพหมอผีขุย ครั้งหนึ่งผู้สูงศักดิ์ได้ใช้จิตวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าเพื่อมาสักการะข้า” ซิงอ้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ลองสักการะข้าดูอีกที ให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าจะสังหารข้าด้วยการสักการะดวงวิญญาณได้หรือไม่”
“ชื่อที่แท้จริงของเจ้าปรากฏออกมาแล้ว จะสักการะเจ้าให้ตกตายไปมันก็ไม่ยากเท่าไร แต่ทว่า ข้าไม่มีอารมณ์จะรีบร้อน ข้ายังอยากเห็นเจ้ากระโดดไปๆ มาๆ และเผยความอัปลักษณ์ทั้งหมดของเจ้าเสียก่อน ทุกคนบนภูเขาหนีคงยากจะรอดชีวิตออกไป ดังนั้นทำไมข้าต้องร้อนรนด้วย”
ซิงอ้านยิ้มน้อยๆ และมองไปยังยูไลน้อย “อาหารจานหลักควรทานท้ายสุด ส่วนยูไลเหยียนติ้งนั้นเป็นจานเรียกน้ำย่อย ยูไล เจ้าจะสู้กลับหรือไม่”
ยูไลน้อยประนมมือเข้าด้วยกันและกล่าว “ศิษย์พี่ซิงอ้านได้กล่าวชื่อทางธรรมของข้าต่อหน้าเทพหมอผีขุย ดังนั้นข้าชะตาข้าย่อมถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าจะต้องมุ่งหน้าไปแดนสุขาวดี หากว่าข้าไม่ตายภายใต้น้ำมือของศิษย์พี่ซิงอ้าน ข้าก็ยังคงจะต้องตายภายใต้การสักการะดวงวิญญาณของเทพหมอผีขุย สำหรับภิกษุแล้ว ธาตุทั้งสี่เป็นเพียงความว่างเปล่า ดังนั้นท่านจะนำวรยุทธของช้าไปก็มิใช่เรื่องใหญ่ เพียงแต่ว่าหากข้าตายลงไป วัดน้อยฟ้าคำรามก็คงจะถูกขจัดกวาดล้าง ข้ามิอาจทนดูเผ่าปีศาจของข้าถูกทำลายล้างไปเช่นนี้ ดังนั้นศิษย์พี่ซิงอ้าน เชิญลงมือเถอะ”
รัศมีของเขาพลันแผ่พุ่งอย่างดุเดือด และร่างกายของเขาก็สั่นเทิ้ม แสงพุทธธรรมฉายฉานจากด้านหลังของเขา ก่อขึ้นมาเป็นวงแหวนอันมีสวรรค์ยี่สิบชั้นอยู่ในนั้น
ในเวลานี้ รัศมีของยูไลน้อยราวกับขุนเขาอันเต็มไปด้วยของวิเศษพุทธอันหนักอึ้งอย่างอัศจรรย์ ข้างหลัง จิตวิญญาณดั้งเดิมทะยานออกมา มันมีศีรษะใหญ่โตและเรือนกายเล็ก บนหัวของมันมีก้อนเนื้อโหนกนูนเต็มไปหมด และมีดวงตากลมดิกเป็นประกายเจิดจ้าจ้องเขม็งออกมา มันยังมีเขาแพะเดี่ยวที่ม้วนบิดขึ้นไปบนหน้าผากของเขาอีกด้วย
จิตวิญญาณดั้งเดิมนี้มีกีบเท้าแพะ แต่หัวของเขากลับดูเหมือนกิเลน มันเคร่งขรึมสำรวมและเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ แผ่กลิ่นอายอันเหนือธรรมดา
เมื่อพบสายตาของมัน หัวใจของทุกคนก็เต็มไปด้วยความสำนึกบาป และไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ
เขายาวนั้นเหยียดตรงและคมกล้าอย่างมหันต์ เมื่อผานกงสั่วมองเห็นมัน สีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนอย่างรุนแรงจากความกลัวที่ท่วมท้นขึ้นมาในจิตใจ เขารีบหลบไปจากสายตาของจิตวิญญาณดั้งเดิมนี้
เขาได้ก่อกรรมทำชั่วมามาก และรู้สึกราวกับว่าจะถูกเขานั้นเสียบได้ตลอดเวลา
“ที่แท้ไต้ซือก็คือสัตว์ในตำนานเซี่ยจื้อที่บรรลุเต๋า” ซิงอ้านแช่มชื่นยินดีเมื่อมองเห็นเหยื่อของเขาและกล่าวชม “มิน่าล่ะวรยุทธของเจ้าถึงแข็งแกร่งนัก! เจ้านับได้ว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตนหนึ่ง! แม้ว่าข้าจะมีของสะสมกว้างขวาง แต่ข้าก็ไม่เคยครอบครองปีศาจศักดิ์สิทธิ์เช่นเจ้ามาก่อน”
ยูไลน้อยกู่ร้องตะโกนและปราณชีวิตของเขาก็ระเบิดออกมา สายฟ้ารวบรวมกันในนภากาศและระเบิดปะทุท่ามกลางเมฆปีศาจที่เหิมขึ้น ก่อเป็นสะพานเทวะอันส่องประกายด้วยรังสีแสงอันอาบย้อมไปทั่วทั้งเทือกเขา
จิตวิญญาณดั้งเดิมเซี่ยจื้อของเขาทะยานขึ้นไป และไปยังปลายสุดสะพานเทวะเพื่อยืนอยู่ท่ามกลางเมฆปีศาจ สายฟ้าอาบทั่วกายของมัน ดังนั้นมันจึงดูเหมือนครึ่งพุทธเจ้าและครึ่งเซี่ยจื้อ ราวกับว่ามันคือเซี่ยจื้อเทพยดา จิตวิญญาณดั้งเดิมนี้ขยายใหญ่ขึ้นทุกทีๆ หัวของมันก้มลงมาก็ครอบงำไปครึ่งเขาพระสุเมรุน้อยแห่งนี้
ซิงอ้านไม่เคลื่อนไหวร่างกายเมื่อสะพานเทวะของเขาพาดข้ามนภากาศ จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก้าวไปบนสะพานเทวะและพุ่งทะยานไปยังจิตวิญญาณดั้งเดิมพุทธเจ้าอันใหญ่มหึมากลางอากาศ
หางตาของฉินมู่กระตุก จิตวิญญาณดั้งเดิมของซิงอ้านเปลี่ยนแปลงไปอีกแล้ว มันแตกต่างจากอันที่เขาใช้ในการต่อสู้ที่สถาบันนักบุญสวรรค์
ในคราวนี้ จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาเป็นนักพรตหลังเต่าที่มีงูเหินหาวกระหวัดพันรอบๆ กาย
ตูม!
สายฟ้านับหมื่นฟาดลงมา และจิตวิญญาณดั้งเดิมทั้งสองก็ปะทะกันกลางอากาศ สายฟ้าขาวเจิดจ้าราวหิมะฟาดเปรี้ยงปร้างไปทั่วสารทิศ แต่ละการโจมตีสร้างตาข่ายอสุนีบาต อันมีคุณสมบัติธาตุแตกต่างกันชัดเจนสองฝั่งฝ่าย
ความมืดนั้นเป็นเงาของเงื้อมเขา ต้นไม้ และโถงวังต่างๆ ส่วนความสว่างนั้นเป็นแสงของสายฟ้า
ยูไลน้อยลงมือ และซิงอ้านก็ไม่งอมือรับฝ่ายเดียว สะพานเทวะทั้งสองในท้องฟ้าได้เคลื่อนคล้อยไปตามพวกเขา จิตวิญญาณดั้งเดิมก็ขยับเปลี่ยนตำแหน่งไปมา
สักครู่หนึ่ง เสียงระเบิดกึกก้องก็เลื่อนลั่นมา และเซี่ยจื้อเทพยดาก็ร่วงลงมาจากสะพานเทวะ ตกลงปะทะกับยอดเขาทองคำ กระแสอากาศน่าสะพรึงกลัวซัดถล่มไปทั่วทิศทางและเขย่าทุกๆ คนให้ยืนไม่มั่น
โลหิตหลั่งไหลจากมุมปากยูไลน้อย และเขาเขย่าจีวรของตนเพื่อดึงลมเหล่านั้นกลับเข้าไปในแขนเสื้อ มิให้หลวงจีนปีศาจทั้งหลายบนภูเขาได้รับบาดเจ็บ
“ข้าพ่ายแพ้ ศิษย์พี่ซิงอ้าน เชิญนำพลังวัตรข้าไป”
ยูไลน้อยดึงเอาจิตวิญญาณดั้งเดิมและสะพานเทวะของเขากลัวไป ใบหน้าของเขาซีดเผือด และหลวงจีนปีศาจในวิหารก็รีบเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้า และกรูกันไปยังยอดเขาทองคำด้วยจิตสังหารอันเดือดพล่าน
ยูไลน้อยนั่งในท่าขัดสมาธิดอกบัว และกายเนื้อของเขาก็พลันขยายใหญ่ขึ้นมาเพื่อยับยั้งทุกๆ คนเอาไว้ “ศิษย์น้องทั้งหลาย หลังจากที่สมบัติเทวะของข้าถูกนำออกไปแล้ว ก็คงยากที่ข้าจะหลบหนีจากความตาย หลังจากที่ข้าสิ้นชีวิต ไปยังวัดใหญ่ฟ้าคำราม ยูไลหม่าแห่งวัดใหญ่ฟ้าคำรามเป็นศิษย์หลานของข้า เขามีจิตใจเปิดกว้างและจะรับพวกเจ้าไปอย่างแน่นอน”
หลวงจีนปีศาจทั้งหลายรู้สึกเศร้าสลดและสะอึกสะอื้นด้วยความขมขื่น พลางโยนตัวหมอบร่ำไห้อยู่กับพื้น
ซิงอ้านดึงจิตวิญญาณดั้งเดิมและสะพานเทวะของของเขากลับไปพลางกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ทำไมทุกคนต้องเศร้าโศกกันด้วย ข้าไม่ได้ชมชอบการฆ่า ข้าเพียงแต่จะนำพลังวัตรของยูไลเหยียนติ้งไปเท่านั้น มิใช่ชีวิตของเขา ดังนั้นไม่ต้องเศร้าใจไปหรอก ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็จะนำจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุยไปด้วย ไม่ต้องกังวล ยูไลของเจ้าไม่ตายหรอก ยูไลเหยียนติ้ง โปรดเปิดสมบัติเทวะของเจ้าด้วย”
ยูไลน้อยน้อยนิ่งสงบขณะที่ร่างกายของเขาไหวสะท้านอย่างต่อเนื่องเมื่อเสียงครืนครันดังมาจากจากในร่างของเขา สมบัติเทวะเปิดออกมาตามๆ กัน และแสงสมบัติอันเจิดจ้าบาดตาก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างกาย ส่องสว่างไปทั่วทั้งภูเขา เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ศิษย์พี่ซิงอ้าน เชิญนำมันไปเถอะ”
เมื่อซิงอ้านเดินไป ท้องฟ้าก็เริ่มกลายเป็นสีดำเมื่อความมืดท่วมท้นมาจากทิศตะวันตก มันโถมซัดมายังภูเขาอันสูงตระหง่านและหน้าผาอันถากชัน กลืนกินแดนโบราณวินาศ
ซิงอ้านมองไปยังความมืดเหนือวัดน้อยฟ้าคำรามและกล่าว “แดนโบราณวินาศนี่ช่างลึกลับเสียจริง”
เขาเดินไปข้างหน้าด้วยมือของเขาที่ดึงไปข้างๆ อย่างแผ่วเบา แสงกระบี่พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขาและกำลังจะเฉือนตัดสมบัติเทวะของยูไลน้อย แต่ทันใดนั้นเทพหมอผีขุยก็หัวเราะด้วยเสียงอันดัง “เหยียนติ้ง รับการสักการะของข้า!”
เมฆมารเล็กๆ เหนือบาตรทองคำพลันแปรเปลี่ยนเป็นแท่นสังเวย จิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุยพลันโค้งกายน้อมคำนับ
ยูไลน้อยสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง ส่วนซิงอ้านยิ้มหยัน “คิดจะฆ่าเขาต่อหน้าข้างั้นหรือ ฝันเฟื่อง!”
แสงกระบี่ในมือของเขาตัดลงไป และร่างของยูไลน้อยพลันถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยริ้วแสงอันลึกลับ มันก่อขึ้นมาเป็นชั้นของเวทปิดผนึก และอักษรรูนจำนวนนับไม่ถ้วนก็แปรเปลี่ยนเป็นสิ่งปิดกั้นยูไลน้อยเอาไว้
เมื่อเทพหมอผีขุยโค้งสักการะบนแท่นสังเวย ยูไลน้อยก็ครางกระอัก แม้ว่าจะมีผนึกของซิงอ้าน แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็เกือบจะถูกสักการะออกไปจากร่าง จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาแตกร้าวเป็นรอยแยก และดวงวิญญาณเขาก็แทบกระเจิดกระเจิด
ซิงอ้านสีหน้าแปรเปลี่ยน เขาผลักฝ่ามือไปข้างหน้าและฟาดลงบนแท่นสังเวย
เทพหมอผีขุยหัวร่อด้วยเสียงอันดังและผงาดลอยขึ้นมาเพื่อสักการะเขา จิตวิญญาณดั้งเดิมของซิงอ้านสั่นเทิ้ม และดวงวิญญาณของเขาแหลกสลายไปอย่างรวดเร็ว เขาล้มคว่ำลงไปกับพื้นโดยปราศจากลมหายใจ
บาตรทองคำแตกเปรี้ยะกระเด็นออกเป็นชิ้นๆ จิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุยกระโดดออกมาพลางหัวเราะร่า “พวกมนุษย์ต่ำชั้น เป็นแค่ไก่ดินเผาสุนัขกระเบื้อง ทนรับการโจมตีสักครั้งก็ยังไม่ได้เลย เจ้าคิดว่าข้าหมายจะสังหารเหยียนติ้งเพื่อตบหน้าเจ้า แต่จริงๆ เป็นเจ้าต่างหากที่ข้าต้องการจะสังหาร! ศิษย์รัก ไสหัวมานี่!”
ผานกงสั่วกอดขาข้างที่เขาได้รับมาและตัวสั่นเทา
ในตอนนั้นเอง หีบของซิงอ้านก็ขยับ และดวงตาของเขาลืมขึ้นมา เขาลุกขึ้นยืนตัวตรงด้วยรอยยิ้ม “เวทมนตร์หมอผีเลิศล้ำจริงๆ!”
………………………..