ตำนานเทพกู้จักรวาล – ตอนที่ 516 บังคับ

“นี่คือซิงอ้าน อัจฉริยะศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนราชครู” ฉินมู่แนะนำซิงอ้านแก่ทุกคนโดยสังเขป พวกเขากระวนกระวาย โดยเฉพาะพวกผู้หญิง ซีอวิ๋นเซี่ยง ฮู่หลิงเอ๋อ และหลิงอวี้จิวเคยเห็นซิงอ้านมาก่อน และรู้ว่าเขาทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวมากแค่ไหน

พวกนางเห็นเขาในการต่อสู้ที่คฤหาสน์ท่านยายซี สถานที่อันปัจจุบันนี้คือสถาบันนักบุญสวรรค์ ยอดฝีมือขั้นสุดเกือบครึ่งหนึ่งของโลกหล้าได้รับบาดเจ็บในน้ำมือของซิงอ้าน รวมทั้งจักรพรรดิเอี้ยนเฝิง!

เขานับว่าได้ต่อยตียอดฝีมือทั้งหลายจนหมอบราบคาบ แม้ว่าจะมียอดฝีมือมากมายเข้ากลุ้มรุม แต่ก็ไม่มีใครจัดการซิงอ้านได้เลย ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องพึ่งพิงยาบำรุงขนานนั้นของฉินมู่ เพื่อที่จะบีบให้ซิงอ้านล่าถอยอย่างไร้ทางเลือกอื่น

และบัดนี้ บุคคลร้ายกาจโหดเหี้ยมก็มานั่งอยู่ข้างๆ พวกเขา ดังนั้นจะไม่ให้พวกเขากระวนกระวายก็คงเป็นไปไม่ได้ แม้ว่ามหาวิทยาลัยจักรวรรดิจะรวบรวมตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในสันตินิรันดร์เอาไว้ และก็มีสองสามคนที่ซ่อมแซมสะพานเทวะแล้วในหมู่ขุนนางชั้นหนึ่ง ซิงอ้านก็ยังคงเป็นตัวตนอันแข็งแกร่งที่สุดในโลกหล้า!

หากว่าเขาต้องการสังหารพวกเขา ก็ไม่มีใครยับยั้งเขาได้ ไม่แม้แต่เทพเจ้าในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ!

ฉินมู่แย้มยิ้ม “ในฐานะอัจฉริยะศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏทุกๆ ห้าร้อยปี ซิงอ้านนั้นเป็นผู้อาวุโสท่านหนึ่ง และก็เป็นเรื่องดีที่จะอยากจะรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพันธมิตรสวรรค์ของเรา ทุกๆ คน ไม่ต้องกระวนกระวายไปหรอก”

แม้เขาจะกล่าวเช่นนั้น สีหน้าของฉินมู่ก็ซีดขาวราวกระดาษ เห็นได้ชัดว่าตัวเขาเองนี่แหละที่ว้าวุ่นอย่างสุดๆ

เป้าหมายของซิงอ้านคือตัวเขาชัดๆ ในฐานะยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคก่อนหน้า ซิงอ้านมีหลักการของตนเองในการกระทำเรื่องราวต่างๆ และเขาไม่เคยลงมือกับชนรุ่นเยาว์ แม้ว่าเขาอยากจะทำ เขาก็จะรอให้รุ่นเยาว์เหล่านั้นเติบโตจนไปถึงเขตขั้นเทวะในด้านใดด้านหนึ่งเสียก่อน ถึงค่อยลงมือเพื่อช่วงชิงชิ้นส่วนอวัยวะนั้น

แต่ฉินมู่เป็นข้อยกเว้น ในเมื่อได้ล่วงเกินเขาไปหลายครั้งหลายหน

ครั้งแรก ก็เป็นการศึกที่สถาบันนักบุญสวรรค์ที่ซึ่งฉินมู่ใช้ยาบำรุง อันทำให้เขาหนีเปิดเปิงจากการไล่ล่าของคนแล่เนื้อ ซิงอ้านถูกบีบให้หนีเข้าไปในแดนโบราณวินาศและใช้เวลาที่นั่นอยู่นานเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บ

ครั้งที่สอง ชิ้นส่วนสะสมของเขาหลายชิ้นฉินมู่แย่งชิงไป ซึ่งนั่นคือประเด็นที่กวนใจซิงอ้านที่สุดในศึกนั้น

หลังจากนั้น ก็เป็นการต่อสู้ที่วัดน้อยฟ้าคำราม อันฉินมู่ถึงกับขโมยหีบทั้งใบของเขาไป และปล้นชิงทรัพย์สินทั้งหมดของเขา!

หากว่านั่นยังไม่พอ ฉินมู่ยังได้นำเขาเข้าไปในยมโลก และทำให้เขาเสียหน้าโดยสิ้นเชิงภายใต้อิทธิพลแดนเป็นของคนตาย เขาเกือบจะเอาชีวิตกลับมาไม่รอด

ทั้งหมดนั่นย่อมนับไว้บนหัวของฉินมู่!

นี่ก็เหลือเชื่อเกินคาดแล้วที่เขาไม่เด็ดหัวฉินมู่โดยไม่พูดพล่ามทำเพลงตั้งแต่แรก

ใครก็คงจะต้องทึ่งในความสำเร็จของการขัดเกลากรอบคิดจิตใจของเขา ที่ทำให้ซิงอ้านสามารถรักษากิริยาอันสง่างามเอาไว้ได้แม้แต่หลังจากที่พบกับฉินมู่ การเดินทางไปยมโลกได้บดขยี้จิตเต๋าของเขา และกรอบคิดจิตใจของเขาก็เปราะบางเป็นอย่างยิ่ง แต่กระนั้น มันก็ยังเหนือล้ำกว่าผู้คนมากมากที่อยู่ตรงนี้

ฉินมู่ หวางมู่หรัน ซวีเซิงฮวา และเจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียน ช่วยกันอธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง บรรยายว่าพวกเขาได้คำนวณปรากฏการณ์บนฟากฟ้าได้อย่างไร และคำนวณว่าความหนาของท้องฟ้ามีเท่าใด รอบข้างกองไฟตกลงไปในความเงียบ แม้แต่ซิงอ้านก็อึ้งไม่พูดจาพลางจ้องมองไปยังกองไฟ

กองไฟนั้นย่างราชาปลามังกรแดงจนน้ำมันปลาตกลงไปในเพลิงเสียงดังฉี่ๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปในอากาศ ทำให้พวกเขาน้ำลายสอมากขึ้น

“ขุนนางฉินที่รัก เจ้ามาที่นี่เพื่อลงโทษพวกเขาให้เข็ดหลาบจริงน่ะหรือ ทำไมเจ้าก็มาร่วมวงกินอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ เจ้ามีโทษที่เพ็ดทูลเท็จแก่ผู้ครองแผ่นดินของเจ้า เอาเจ้าไปตัด–”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงเดินเข้ามาพร้อมกับไหสุรา เสียงของเขามีกลิ่นอายของความเมามาย แต่เมื่อเขาเห็นซิงอ้านที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉินมู่ เขาก็สร่างเมาทันทีและหันกายเดินกลับไป!

ซิงอ้านมองไปที่เขาอย่างไม่ยินดียินร้าย “จักรพรรดิ นั่งลงสนทนากันสักหน่อยจะดีกว่านะ ไม่เช่นนั้นชีวิตของอธิการบดีและองค์หญิงของเจ้าคงดับวูบ”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงถือไหสุราและปลุกปลอบใจตนเองเพื่อหันกายกลับมา เขาจึงนั่งลงข้างๆ กองไฟและเค้นรอยยิ้ม “พี่ซิงอ้าน เจ้านั้นได้จากไปอย่างเร่งร้อนในคราวก่อน และข้านอนติดเตียงอยู่เกือบยี่สิบวัน”

ซิงอ้านสีหน้านิ่งสงบ “ข้านอนซมอยู่สี่เดือน”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงส่งไหสุราไปให้เขา ประกายตาของเขาวูบวาบ “แต่ถึงอย่างไร หลายวันที่ไม่ได้พบพาน ข้าได้ข้ามพ้นสะพานเทวะและบรรลุเป็นเทพเจ้า พี่ซิงอ้านคงยังไปไม่ถึงขั้นนั้นหรอกใช่ไหม”

ซิงอ้านรับไหสุรามาและกล่าว “ข้าได้ซุ่มตัวอยู่ในเรือนบันทึกสวรรค์ ศึกษาตัวแบบพีชคณิตห้วงมิติของยอดหมอเทวดาฉินซ้ำแล้วซ้ำอีก การฝึกปรือบรรลุเป็นเทพนั้นมิใช่ปัญหาสำหรับข้า แต่ก็ยังต้องใช้เวลาสักปีหนึ่ง”

เขาเงยหัวขึ้นดื่มสุราขณะที่จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงจ้องมองไปที่คอหอยของเขาเขม็ง เขาอยากจะโจมตี แต่เขาไม่พบโอกาสเลยสักนิด

ฉินมู่และคนอื่นๆ ตกตะลึง ซิงอ้านได้ซ่อนตัวอยู่ในเรือนบันทึกสวรรค์ในช่วงเวลาสองวันมานี้ แต่ไม่มีใครสังเกตพบ นี่ทำให้พวกเขาหลั่งเหงื่อเย็นเหยียบออกมาเต็มหน้าผาก

ซิงอ้านวางไหสุราลงและกล่าว “แต่ทว่า ฝ่าบาทจะฝึกปรือจนถึงเขตขั้นเทวะหรือไม่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้า แม้ว่าเจ้าจะฝึกไปถึงขั้นเทวะ ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี และเป็นเพียงแต่เทพปลอม อย่างมากพลังวัตรของเจ้าก็คงเข้มข้นกว่าแต่ก่อน แต่เจ้าไม่มีความรุดหน้าในมรรคา วิชา และทักษะเทวะ”

“หากว่าเรียกขุนนางบุ๋นและบู๊ของเจ้ามา เจ้านครเว่ย และจอมทัพแผนสวรรค์ผู้ซึ่งบรรลุเป็นเทพเจ้า เจ้าก็ยังพอมีโอกาสต่อกรกับข้าได้บ้าง แต่ถ้าทำเช่นนั้น มหาวิทยาลัยจักรวรรดิและเมืองหลวงของเจ้าก็คงถึงจุดจบ”

เส้นเลือดผุดปุดๆ ขึ้นที่หน้าผากจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงก่อนจะจางหายไป เขาแย้มยิ้มแล้วกล่าว “แล้วพวกเจ้ากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่”

“พันธมิตรสวรรค์” ซิงอ้านกล่าว “พวกเขาค้นพบว่าท้องฟ้าสูงหมื่นห้าพันลี้ และหนาหมื่นห้าพันวา ดังนั้นจึงก่อตั้งพันธมิตรสวรรค์ขึ้นมา พวกเขากะที่จะไขปริศนาและแทงทะลุท้องฟ้าจอมปลอมผืนนี้”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงดุด่าพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “เล่นคะนองไปทั่ว พวกเจ้าล้วนแต่เป็นเด็กซุกซนที่ชอบก่อเรื่อง ข้าก็รู้เรื่องนี้เมื่อหัวซานลิ่งได้รายงานแก่ข้า เมื่อข้าได้ยินคำว่าพันธมิตรสวรรค์ ข้าก็เกือบกระโดดโหยงด้วยความตกใจ คิดว่าพวกเจ้าจะล้มล้างบัลลังก์ข้า!” เมื่อเขากล่าวจบ เขาก็หัวเราะด้วยเสียงอันดัง

เสียงของเขาส่งไปได้ไม่ไกล มันกลับก้องสะท้อนไปมาในพื้นที่รอบข้าง ๆ และทำให้ปราณและโลหิตของทุกๆ คนรอบกองไฟแล่นพล่าน

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงตกตะลึงและรีบหยุด เขากะที่จะใช้เสียงหัวเราะของเขาเพื่อเรียกจอมทัพแผนสวรรค์และคนอื่นๆ มา แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าแม้หลังจากที่เขาฝึกปรือจนถึงเขตขั้นเทวะ พลังวัตรของซิงอ้านก็ยังคงเหนือล้ำกว่าเขามากขนาดนี้ และสามารถสร้างอาณาเขตพลังพิสดาร เสียงหัวเราะของเขาถูกกักเอาไว้ในพื้นที่แคบๆ ทำให้เขายากจะส่งเสียงใดออกไปข้างนอก

วรยุทธของเขาเข้มข้นมหาศาล ดังนั้นเสียงหัวเราะของเขาเพียงอย่างเดียวก็ได้เขย่าฉินมู่และหลิงอวี้จิวจนกระทั่งพวกเขากระอักเลือดออกมา เขาจึงต้องหยุด

ซิงอ้านปรายตามองไปที่หลิงอวี้จิวและกล่าว “จักรพรรดิอย่าเพิ่งลำพองใจเร็วไปนัก อย่างที่ว่าใต้ตะเกียงย่อมมีเงามืด องค์หญิงของเจ้าเป็นผู้ห้าวหาญและผูกมิตรไปทั่ว เป็นผู้นำท่ามกลางชนรุ่นเยาว์จากค่ายสำนักและตระกูลต่างๆ นางจะกลายเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลอำนาจในแดนดิน”

“จ้าวลัทธิมารฟ้า เจ้าสำนักเต๋า เหนือฟ้า นครหยกน้อย ลัทธิพุทธ–ผู้นำในอนาคตเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสหายกับนาง และเมื่อใดที่อิทธิพลอำนาจของนางเข้าที่ลงตัว ท่านก็จะมองเห็นแต่โลกข้างนอก แต่ไม่มองเห็นนางซึ่งอยู่ข้างกาย”

จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงไม่ยี่หระ “ศิษย์พี่โปรดลืมไปได้เลยถ้าจะยุแยงให้พวกเราสองพ่อลูกร้าวฉาน ว่าแต่ศิษย์พี่ซิงอ้านสนใจในพันธมิตรสวรรค์หรือ”

ซิงอ้านส่ายหัว และกล่าว “ข้าเพียงแต่สนใจในท้องฟ้าที่หนาเพียงหนึ่งพันห้าร้อยวา มิได้สนใจพันธมิตรสวรรค์”

“ถ้าเช่นนั้น หรือว่าศิษย์พี่ซิงอ้านมาที่นี่เพื่อสังหารข้า” ฉินมู่ถาม

ซิงอ้านส่ายหัวอีกครา “เดิมทีแล้ว ข้าก็ต้องการจะปลิดชีวิตยอดหมอเทวดาฉินอยู่หรอก ก็ในเมื่อข้าได้เจ็บช้ำจากน้ำมือของเจ้ามาซ้ำแล้วซ้ำอีก หีบของข้าถูกขโมย ทรัพย์สินของข้าถูกปล้นชิง และแน่นอนว่าข้าก็เกลียดเจ้าจนเข้ากระดูกดำ แต่ทว่า เมื่อข้าได้อ่านหนังสือในเรือนบันทึกสวรรค์ เห็นตัวแบบพีชคณิตห้วงมิติของเจ้า ได้ยินเจ้าบรรยายความรู้ในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิเมื่อเจ้าถ่ายทอดเพลงกระบี่ของตนเอง และถึงกับคิดค้นเคล็ดลับสามมหาสมาคมจิตวิญญาณดั้งเดิมภายในเวลาไม่กี่วัน จู่ๆ ข้าก็หมดความตั้งใจที่จะฆ่าเจ้า ในทางกลับกัน ข้ารู้สึกนับถือเจ้าขึ้นมาบ้าง”

สายตาของเขาสว่างกระจ่างราวหิมะ และสีหน้าของเขาก็สงบนิ่ง เขาจ้องตรงไปยังฉินมู่ขณะที่เอ่ยปากชม “ทุกคนที่นี้ล้วนแต่เป็นวีรชนผู้กล้า และมรรคา วิชา ทักษะเทวะอันคิดค้นขึ้นมาในช่วงเวลาไม่กี่วันนี้กลับเหนือล้ำยิ่งกว่าความรุดหน้าของมรรคา วิชา และทักษะเทวะตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีก่อน ข้าคิดถนอมพรสวรรค์ของเจ้า ดังนั้นข้าจะปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่ โลกในกาลข้างหน้าจะต้องน่าสนใจมากอย่างแน่นอน ข้าลุ้นรอดูพวกเจ้าเติบโต แล้วข้าค่อยไปไล่ล่าพวกเจ้าในตอนนั้น นั่นถึงจะค่อยมีความหมายหน่อย”

สีหน้าของซวีเซิงฮวา หวางมู่หรัน และคนอื่นๆ วูบไหว

หวางมู่หรันจึงกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “ผู้อาวุโสซิงอ้านดูจะมองตัวเขาสูงส่งอยู่นะ และเห็นพวกเขาเป็นสิ่งของในครอบครองของเขา แต่ภายใต้วรยุทธขั้นเดียวกัน เจ้าก็มีแต่จะต่ำต้อยกว่าพวกเรา! ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมีกึ๋นกล้าพอที่จะสู้กับพวกเราในวรยุทธขั้นเดียวกันหรือไม่?”

สายตาของซิงอ้านประหลาดพิกล แต่เขาก็ส่ายหัว “ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าในวรยุทธขั้นเดียวกัน บางทีคงมีแต่ยอดหมอเทวดาฉิน และซวีเซิงฮวาแห่งเหนือฟ้าเท่านั้นที่สามารถทำได้ นอกจากทั้งสองคนแล้ว อีกผู้เดียวที่สามารถทัดเทียมข้าในขั้นวรยุทธเดียวกันในสันตินิรันดร์ ก็มิใช่ใครอื่น นอกเสียจากราชครูสันตินิรันดร์”

สีหน้าของหวางมู่หรันกลายเป็นซีดเผือด

ราชครูสันตินิรันดร์เป็นคู่ต่อสู้ที่เขาหมายจะเอาชนะ และชำระแค้นให้แก่ความตายของอาจารย์ เมื่อเขาได้ยินซิงอ้านกล่าวว่า มีเพียงสามคนเท่านั้นที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขา และหวางมู่หรันมิได้อยู่ในสามคนนั้น ความสิ้นหวังอันช่วยไม่ได้ก็แผ่ขยายขึ้นมาในหัวใจ

ในทางกลับกัน ฉินมู่กลับโล่งใจ แม้ว่าซิงอ้านจะประหลาดพิกล และนิสัยใจคอของเขาไม่มีเหตุผล เขาก็ยังคงรักษาคำพูด อันควรแก่การนับถือยิ่ง เมื่อเขากล่าวว่าจะไม่ลงมือ ตราบใดที่ไม่มีใครไปตอแยเขา เขาก็จะไม่ลงมือ ชีวิตของฉินมู่ปลอดภัยแล้ว

“หรือว่าศิษย์พี่ซิงอ้านคิดจะขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อดูสักหน่อย” ฉินมู่ถาม “ท่านปู่คนแล่เนื้อของข้าเคยขึ้นไปครั้งหนึ่ง แต่เขาไปที่นั่นอย่างรีบร้อน จึงได้แต่เหลือบแลมองกระบวนพยุหะต่างๆ และทวยเทพเท่านั้น ศิษย์พี่ ชิ้นส่วนอวัยวะที่ท่านสะสมมาไม่สามารถเอากลับคืนและหล่นหายไปในยมโลก ทั้งในหีบก็ไม่มีชิ้นส่วนใดอีกต่อไป แต่ทว่า บนท้องฟ้านั่นยังมีเทพเจ้าอีกมากมาย ดังนั้นท่านสามารถขึ้นไปเก็บสะสมแขนขาได้”

ซิงอ้านไม่หวั่นไหว “ข้าจะต้องไปบนท้องฟ้าไม่ช้าก็เร็ว แต่ข้ามิได้มาเพื่อสรวงสวรรค์แต่มาเพื่อบุคคลหนึ่ง ลัทธิมารฟ้า สำนักเต๋า ลัทธิพุทธ นครหยกน้อย เหนือฟ้า และกระทั่งสภาราชสำนักสันตินิรันดร์–พวกเจ้าทุกคนมีอิทธิพลกว้างขวางดังนั้นพวกเจ้าจะต้องช่วยข้าตามหาตัวคนผู้นั้นได้”

เขาไม่ปล่อยให้ผู้อื่นมีโอกาสปฏิเสธและกล่าวต่อ “บุคคลที่ข้าต้องการหานั้นเกิดในวันที่แปดเดือนจันทรคติที่สิบสองเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน เป็นปีแรกของรอบหกสิบปี เดือนสุริยคติที่สิบสองเวลาเที่ยงคืน ด้วยความสามารถของทุกคน โดยเฉพาะจักรพรรดิ มันคงไม่ยากที่จะสืบหาและเลือกเฟ้นกลุ่มคนที่ตรงตามเงื่อนไข ใช่ไหม? เมื่อทุกคนตกลงที่จะทำเรื่องนี้ให้ข้า ก็ไม่จำเป็นต้องมีใครตาย”

เขายิ้มและฉีกเนื้อปลาออกมาอีกชิ้น เอามันไปแกว่งในไหสุราก่อนที่จะยกขึ้นมาใส่ปาก เขากล่าวด้วยสีหน้าเยือกเย็น “มิเช่นนั้น ก็คงยากที่จะบอกว่าจะมีคนเหลือรอดสักกี่คนในเมืองหลวง ข้าไม่สังหารทุกๆ คนที่อยู่ที่นี่ แต่ชีวิตของคนอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิและเมืองหลวงก็จะขึ้นอยู่กับความจริงใจของทุกๆ คน”

เหงื่อเย็นเยียบไหลลงมาจากหน้าผากของจักรพรรดิเอี้ยนเฝิง และเขากล่าว “ตกลง! ข้าจะช่วยเจ้าตามหาทุกๆ คนในจักรวรรดิที่ถือกำเนิดมาในช่วงเวลานั้น! หลังจากเรื่องนี้เสร็จสิ้น ข้าหวังใจว่าศิษย์พี่ซิงอ้านคงจะอยู่เงียบๆ ไม่ข้องเกี่ยวกับพวกเราสักพัก!”

ซิงอ้านมองไปรอบๆ และยิ้มน้อยๆ “นอกจากจักรพรรดิ คนอื่นๆ ไม่คิดจะพยายามอย่างดีที่สุดหรอกหรือ”

ฉินมู่ระบายลมหายใจสะท้านและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ลัทธินักบุญสวรรค์ก็จะช่วยศิษย์พี่ซิงอ้านตามหาตัวคนผู้นั้น”

เจ้าสำนักเต๋าหลินเสวียนผงกหัวแล้วกล่าว “สำนักเต๋าของข้าจะรับผิดชอบอาณาเขตที่อยู่ภายใต้สำนักเต๋า”

ลิงยักษ์อสูรก็ไม่เบื้อใบ้ “เยี่ยม!”

ซวีเซิงฮวาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกล่าว “ในเมื่อแผ่นดินตะวันตกถูกผนวกเข้าเป็นดินแดนสันตินิรันดร์ ข้าก็สามารถกลับไปที่เหนือฟ้าเพื่อดูๆ สักหน่อย แต่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ข้าไม่อาจรับประกัน”

ซิงอ้านปรบมือและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเช่นนั้น เรื่องก็คงจะง่ายขึ้น จ้าวลัทธิฉินผู้ยิ่งใหญ่ หากว่าเจ้าไม่มีอะไรทำ ทำไมเจ้าไม่คอยอยู่ข้างๆ ข้าและช่วยบำรุงร่างกายข้าเสียล่ะ”

ฉินมู่เหงื่อตก และเขารีบกล่าว “ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ! ข้าต้องไปทำธุรกิจใหญ่!”

ซิงอ้านไม่ใส่ใจและยังคงแย้มยิ้ม “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ตามติดเจ้าก็ได้เหมือนกัน ฝ่าบาท เจ้ากลับไปได้แล้วตอนนี้”

……………………

Related

ตำนานเทพกู้จักรวาล

ตำนานเทพกู้จักรวาล

ในดินแดนรกร้าง ยังมีหมู่บ้านประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยผู้เฒ่าพิการ ขาเป๋ เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก เหล่าคนชราเก็บทารกแรกคลอดที่ลอยน้ำผ่านมาได้ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่และตั้งชื่อให้ว่า… ฉินมู่ ฉินมู่ หนุ่มน้อยหน้าซื่อตาใสเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจ ‘พี่สาว’ ทั้งหลาย แต่ทำให้ศัตรูเดือดแค้นเจียนตาย บางคนก็เรียกเขาว่ากวางน้อยเซ่อซ่าที่เห็นเรื่องตื่นเต้นที่ไหนก็โดดไปมุงดู ไม่ว่าเทพกับมารตีกัน ใครจะยกทัพไปยึดโลกมิติใด หลวงจีนคนนั้นจะกิ๊กกับราชาสวรรค์องค์ไหน เป็นต้องเห็นเงาร่างหมอนี่ตลอด พับผ่าสิ! ความอยากรู้อยากเห็นไร้สิ้นสุดของฉินมู่จะคลายปริศนาลึกลับของจักรวาลได้หรือไม่ ความลับของเทพเจ้าโบราณคืออะไร ใครคือเงามืดที่คอยเก็บเกี่ยวต้นอ่อนของยอดยุทธ์วิชาเทวะตลอดหลายแสนปีที่ผ่านมา… เด็กหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นผู้กอบกู้จักรวาลให้รอดพ้นจากการถูกทำลายล้างได้หรือไม่ นี่คือการผจญภัยของฉินมู่ผู้เจียมตัวว่าเก่งเป็นอันดับสองของทุกศาสตร์วิชาในโลก! ‘ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างใสซื่อ…แต่ผู้อื่นเห็นแล้วขนหัวลุกแทบตาย’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset