บทที่ 237คุณชายสามเย่มีอาการหึงรุนแรง ผลที่ได้รับจากการที่คุณชายสามเย่โกรธ (2)
คุณชายสามเย่มีอาการหึงรุนแรง ผลที่ได้รับจากการที่คุณชายสามเย่โกรธ (2)
คนที่กล้าทำอย่างนี้กับพี่สาม ที่เขาเคยเห็นก็มีแต่ซ้อสามคนเดียวนี่แหละ
ซ้อสามกล้าหาญจริงๆ แต่ว่า เขาก็ยังเป็นกังวลแทนซ้อสามเหมือนกัน
เขาคิดว่าบางทีพี่สามอาจจะพุ่งไปจับตัวพี่สะใภ้โดยตรง จากนั้นทำการสั่งสอนซ้อสาม!!
เย่ซือเฉินหรี่ตาลงมองไปที่เวินลั่วฉิงที่อยู่ในกล้องวงจรปิด ทำการโทรศัพท์ต่อ เขาอยากรู้เหมือนกันว่า เธอสามารถทำเป็นมองไม่เห็นได้ถึงเมื่อไหร่ ?
“ฉันวางสายก่อนนะ มีโทรศัพท์เข้ามา พี่ช่วยส่งเอกสารไปที่อีเมลฉันแล้วกันนะ” ครั้งนี้ เวินลั่วฉิงมีปฏิกิริยาเสียที มองดูที่โทรศัทพ์สักครู่ เบ้ปากเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็ยอมให้ความสำคัญกับการโทรมาของคุณชายสามเย่ มีแต่อารมณ์ที่เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนเดิม เห็นได้ชัดว่ามีความไม่พอใจอย่างชัดเจน
ทำไมเขาโทรถี่เหมือนตามล่าจะเอาชีวิต!
รู้ทั้งรู้ว่าเธอกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ทำไมต้องโทรแล้วโทรอีกด้วย?
เห็นเธอแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน ทำให้สีหน้าของเย่ซือเฉินมืดขึ้นไปอีก
เธอไม่พอใจเหรอ?หรือเป็นเพราะเขาไปรบกวนเวลาของเธอกับรุ่นพี่ผู้ชายที่ อ่อนโยนและอ่อนหว่านพูดคุยกัน เธอจึงไม่พอใจเหรอ?!
เขาถึงจะเป็นสามีตัวจริงของเธอ!
“ทำไมเหรอ?โทรศัพท์ของสามีชั่วคราวเหรอ?”เยว่หงหลิงทายได้แม่นยำมาก จึงล้อเธอเล่นอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรที่ปิดบังพี่ได้เลย” เวินลั่วฉิงตอนแรกกะว่าจะวางสาย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเยว่หงหลิง จึงพูดเสริมขึ้นว่า
“เรื่องของเธอเขารู้มากแค่ไหน?”น้ำเสียงของเยว่หงหลิงมีความจริงจังขึ้นมา เพราะว่าฐานะที่แท้จริงของเวินลั่วฉิง หรือแม้แต่โฉมหน้าที่แท้จริงของเธอคนนอกยังไม่มีใครรู้เลย
“ไม่รู้ แต่ว่าเขาเคยพูดว่าที่เขาเลือกฉัน เพราะเห็นว่าฉันโง่ ฉันน่าเกลียด” เวินลั่วฉิงจำเหตุผลที่เย่ซือเฉินบอกเธอตอนที่เขาจะแต่งงานกับเธอได้ จึงใช้คำพูดที่เย่ซือเฉินเคยพูดให้เธอฟังพูดซ้ำอีกครั้งให้คนอื่นฟัง
ซึ่งตอนนั้น เธอรู้สึกได้ว่าเย่ซือเฉินไม่ได้จะมาสู่ขอเธอ แต่เหมือนจะมาล้างแค้น
เสียงหัวเราะของเยว่หงหลิงดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ พร้อมด้วยประโยคกึ่งติดตลกแต่จริงใจ:“ไม่ต้องกังวล ฉันไม่รังเกียจเธอหรอก ยินดีต้อนรับเข้าสู่อ้อมกอดฉันได้ตลอดเวลา”
“พู่ล” เวินลั่วฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา:“แน่นอนฉันไม่รังเกียจเธออยู่แล้ว รอฉันหน่อยนะ หนึ่งปีหลัง ไม่ อีกสิบเอ็ดเดือนหลัง ฉันจะรีบกลับไป”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเวินลั่วฉิง ดวงตาของเย่ซือเฉินหรี่ลงอย่างดุร้าย และเย็นชาที่สุด อันตรายถึงที่สุด
อะไรที่เรียกว่าอีกสิบเอ็ดเดือนหลังเธอก็จะกลับไป?
กลับที่ไหนเหรอ?
กลับไปข้างกายถังไป๋เชียนเหรอ?
เธอ ต่อหน้าเขา กับผู้ชายคนอื่น คุยเรื่องที่จะหนีตามกันไปเหรอ?
เวลานี้เขาน่าจะโมโหเกินไป จนลืมไปว่าเขาสามารถมองเห็นเวินลั่วฉิงได้ แต่เวินลั่วฉิงมองไม่เห็นเขา อีกอย่างเวินลั่วฉิงก็ไม่รู้ว่าเขากำลังมองเธออยู่
เห็นเธอบอกว่าจะวางสายแล้ว แต่ก็ยังพูดกับผู้ชายคนอื่น หยอกล้อจีบกัน เย่ซือเฉินมีความรู้สึกวู่วามอยากพุ่งเข้าไปหาตรงนั้นเลย
เมื่อกี้เธอพูดอะไรอีกนะ?
เขาเลือกเธอเพราะว่าเธอน่าเกลียด?! เพราะว่าเธอโง่?
รุ่นพี่ผู้ชายของเธอ ไม่รังเกียจเหรอ?
เพราะฉะนั้นความหมายของเธอคือเขารังเกียจเธอ?
ถ้าเขารังเกียจเธอจะแต่งงานกับเธอเหรอ?
ทันใดนั้นเย่ซือเฉินนึกขึ้นมาได้ว่า ถังไป๋เชียนตอนนี้อยู่ที่เมืองA บัดซบสิ้นดี ไม่รู้ว่าตอนนั้นลมอะไรพัดทำให้เขามีความคิดที่จะวางกับดักถังไป๋เชียนไว้ที่เมืองA?
เย่ซือเฉินใช้มือถือส่งข้อความไปฉบับหนึ่ง เนื้อหาของข้อความคือให้ทุกคนที่กำลังตามล่าถังไป๋เชียนนั้น ปล่อยถังไป๋เชียนให้ออกจากเมืองAได้
เมื่อเย่ซือเฉินส่งข้อความเสร็จ ก็หันกลับมามองที่จอมอนิเตอร์อีก ในจอภาพนั้น เวินลั่วฉิงยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ แถมอมยิ้มอยู่เหมือนเดิม
ตอนนี้ ในห้องเงียบสงบเป็นพิเศษ เมื่อเห็นท่าทางของเย่ซือเฉิน คนอื่นในห้องนั้นแทบไม่มีใครกล้าหายใจแรงๆออกมาเลย
เวลานี้ท่าทางของเย่ซือเฉินน่ากลัวมาก
ลองถามหน่อย มีผู้ชายคนไหนบ้างเมื่อเจอกับเหตุการณ์นี้แล้วยังสามารถทนได้อีก?
แต่ว่า ทุกคนสามารถรับรู้โดยฟังจากการสนทนาเมื่อกี้ของเวินลั่วฉิงแล้ว ทุกคนเข้าใจลึกซึ้งกับเรื่องนี้ ก็คือเวินลั่วฉิงไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับเย่ซือเฉินเลยแม้แต่น้อย
ความคิดของเวินลั่วฉิงเรียบง่ายมาก สัญญาแต่งงาน สัญญาแต่งงานสิ้นสุด นอกเหนือจากนี้แล้ว ไม่มีอะไรเพิ่มอีก
ทุกคนกำลังคิดอยู่เหมือนกัน เย่ซือเฉินจะพุ่งออกไปหาเลยหรือไม่ และแล้ว……
แต่ว่า เย่ซือเฉินกลับไม่ขยับ หรี่ตายืนมองอยู่ มองไปที่กล้องวงจรปิด
อีกทั้ง ครั้งนี้ เขาไม่ได้มารบเร้าเธออีก หรือเพราะว่าเย่ซือเฉินอยากรู้ว่าเธอจะวางสายเมื่อไหร่กันแน่
“เขารู้เรื่องเด็กสองคนหรือไม่?”อีกด้านของโทรศัพท์ เยว่หงหลินครุ่นคิดสักครู่ ก็อดไม่ได้ที่จะถามคำถามที่ละเอียดอ่อนนี้ขึ้นมา
“เขาไม่รู้” สีหน้าของเวินลั่วฉิงเครียดลงเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคืออารมณ์ที่ไม่เหมือนเดิม
“อืม อย่างนี้ก็ดี จะได้หลีกเลี่ยงไม่ให้มีปัญหาเพิ่มขึ้น และกระทบต่อเด็กด้วย” เยว่หงหลิงก็ดูเด็กทั้งสองเติบโตมาเหมือนกัน และรักเด็กน้อยมาก สิ่งที่ไม่อยากเห็นที่สุดก็คือการทำร้ายเด็กน้อยสองคนนี้
ถ้ามีใครทำร้ายเด็กสองคนนี้ พวกเขาทั้งหมดต้องร่วมมือกันปกป้อง จะไม่ยอมปล่อยให้คนที่ทำร้ายเด็กน้อยลอยนวนไปได้เด็ดขาด
เย่ซือเฉินได้ยินประโยคนั้นของเวินลั่วฉิงที่เขาไม่รู้ สายตากะพริบสักครู่ คนที่เธอพูดถึงน่าจะหมายถึงเขา
ถ้าเช่นนั้นมันเป็นเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้?
หรือว่าจะหมายถึงเรื่องห้าปีที่แล้วเหรอ?
เขาไม่รู้ แต่ถังไป๋เชียนรู้?
เรื่องของห้าปีที่แล้วเธอเล่าให้ถังไป๋เชียนฟังเหรอ?
แต่ว่าเขารู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดเหมือนจะไม่ใช่เรื่องห้าปีที่แล้ว สีหน้าของเธอเมื่อกี้เหมือนมีความหนักใจแฝงอยู่ ยังมีอาการของความกังวลเล็กน้อย แถมยังมีอารมณ์ที่ซับซ้อนแฝงอยู่ข้างในด้วย
ถ้าเป็นเรื่องของห้าปีที่แล้ว เธอเป็นไปไม่ได้ที่จะมีอารมณ์ที่ซับซ้อนเช่นนั้น แต่ถ้าในใจเธอมีเขา ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่หลักฐานยืนยัน เธอไม่ได้มีเขาอยู่ในใจเลย เพราะฉะนั้นเธอไม่จำเป็นต้องมีความกังวลและเป็นห่วง
เธอยังมีเรื่องอะไรปิดบังเขาอีกกันแน่
ถึงแม้เขาระยะเวลาอันสั้นนี้เขาทายไม่ออกว่าเรื่องอะไร แต่เขารู้สึกได้ว่ามันต้องเป็นเรื่องที่สำคัญามากแน่นอน สำคัญมากจนทำให้เธอไม่สามารถปกปิดความรู้สึกได้เลย!!
แต่ว่าเรื่องนั้นถังไป๋เชียนรู้!!เมื่อคิดถึงจุดนี้สีหน้าของเย่ซือเฉินยิ่งดูไม่ดีขึ้นไปอีก
ด้านนั้น เวินลั่วฉิงได้วางสายลงไปแล้ว ความรู้สึกของสีหน้าเธอเมื่อกี้ได้หายไปแล้ว กลับคือสู่สภาพปรกติเหมือนเดิม
เย่ซือเฉินหรี่ตามองไปที่จอมอนิเตอร์ที่มีเธออยู่ในนั้น ดูแล้วเหมือนเธอจะมีเรื่องปิดปังเขาไม่น้อยเลยทีเดียว
เย่ซือเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง กดเบอร์โทรออก
อีกฝั่งหนึ่งของห้อง เวินลั่วฉิงเห็นเป็นโทรศัพท์ของเย่ซือเฉิน คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย คนคนนี้มีเรื่องด่วนอะไรกันจำเป็นต้องโทรติดต่อถี่ขนาดนี้?
โทรแล้วโทรอีกจี้ไม่ยอมหยุด?
เวินลั่วฉิงหายใจเข้าลึกๆ เพื่อทำการปรับเปลี่ยนอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นถึงรับโทรศัพท์ของเย่ซือเฉิน แล้วถือก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและอ่อนหวานพูดขึ้นว่า“ที่รัก”
“น้ำเสียงนี้ฟังแล้วคุ้นหูดีอยู่ แต่ทำไมมีความรู้สึกว่ามันไม่ค่อยกลมกลืนกันเท่าไหร่” สีจี้เหวยพูดเสริมขึ้นเหมือนถ้าไม่มีเรื่องวายเกิดขึ้นเขาจะไม่มีความสุขยังไงยังนั้นเลย
ถ้าจะพูดไปแล้ว น้ำเสียงของเวินลั่วฉิงหาข้อตำหนิ่ได้ยาก เป็นแม่สีเรือนคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
ที่สำคัญคือเมื่อกี้พวกเขาเพิ่งเห็นว่าเธอมีความลับเยอะเหลือเกิน เห็นกับตาว่าเมื่อกี้เธอไม่รับโทรศัพท์ของเย่ซือเฉินเพราะผู้ชายคนอื่น
ดังนั้นเวลานี้ได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของเธอ มันจึงไม่มีความกลมกลืนเลย