บทที่ 30: ใช้เงินเพื่อซื้อความสุข!
หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์
โรเอลนั่งอยู่ในห้องของตนแบบสบาย ๆ พลางจ้องมองไปที่เสื้อกันหนาวใหม่เอี่ยมสองตัวที่ถูกพับอย่างเรียบร้อยอยู่ในกล่องไม้
เสื้อกันหนาวทั้งสองตัวนี้นั้นมีขนาดแตกต่างกัน โดยเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ถูกตัดมาสำหรับผู้ชาย ส่วนเสื้อกันหนาวตัวที่เล็กกว่านั้นเป็นสำหรับเด็กผู้หญิง เสื้อผ้าเหล่านี้ต่างก็เป็นเสื้อผ้าที่โรเอลสั่งตัดเป็นการส่วนตัวที่สมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์เมื่อสัปดาห์ก่อน
อย่างไรก็ตามเสื้อกันหนาวตัวใหญ่นั้นไม่ใช่ของโรเอล แต่เป็นของขวัญสำหรับคาร์เตอร์
ขณะที่โรเอลเข้าไปซื้อของที่สมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์ จู่ ๆ เด็กชายก็นึกขึ้นได้ว่าตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีที่เขาอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด เขาไม่เคยซื้ออะไรเป็นของขวัญให้พ่อของตัวเองมาก่อนเลย
ความรู้สึกผิดเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้โรเอลตัดสินใจใช้เงินที่หามาได้ สั่งตัดเสื้อกันหนาวให้กับคาร์เตอร์ นี่เป็นสัญลักษณ์เล็ก ๆ แทนการขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่พ่อของเขาทำเพื่อโรเอลมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ดูเหมือนว่าอาร์เว่นจะมองโรเอลเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ เนื่องจากข้อตกลงทางการค้าของพวกเขา ส่งผลให้อาร์เว่นใช้เส้นสายทุกอย่างภายใต้อำนาจของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าบริการต่าง ๆ จะเป็นไปตามความพึงพอใจของโรเอล ดังนั้นเสื้อผ้าที่มีกำหนดส่งในครึ่งเดือนต่อจากนี้ จึงถูกส่งมาภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ …
…ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือแสงสีทองที่ส่องประกายออกมาจากใต้เสื้อผ้า
เงินจำนวน 20,000 เหรียญทองนั่นเอง
นี่เป็นการชำระเงินงวดสุดท้ายสำหรับสินค้าที่โรเอลขายผ่านรายการคำขอ
เมื่อสัปดาห์ก่อน ทันทีที่โรเอลกลับมาถึงคฤหาสน์เขาก็นำเงินที่ได้รับมาแลกเปลี่ยนเป็นตะเกียงสงบวิญญาณของซาโครมผ่านร้านค้าเหรียญทองของระบบ
ตะเกียงนั้นถูกหล่อหลอมด้วยวัตถุที่ดูสกปรกสีน้ำตาลเข้ม โดยน้ำมันภายในนั้นเป็นสีแดงเข้มราวกับว่ามันทำมาจากสารลึกลับบางอย่าง โรเอลลองจุดตะเกียง ทำให้เปลวไฟโชติช่วงขึ้นมา มันปล่อยแสงสีขาวบริสุทธิ์ที่ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความสงบในจิตใจ
นี่คือความรู้สึกของความสงบทางจิตใจสินะ
วันต่อมาโรเอลจึงได้ส่งตะเกียงสงบวิญญาณไปให้อาร์เว่นเพื่อลองทดสอบดู ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนจะทำให้อาร์เว่นพอใจมาก เขาร้องเสียงแหลมด้วยความยินดีว่าสินค้าที่โรเอลนำมานั้นมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเกณฑ์ที่ระบุเอาไว้ในรายการคำขอมากหลายขุม
อาร์เว่นคิดว่าตะเกียงสงบวิญญาณนี้มีค่ามากพอที่จะเป็นมรดกตกทอดของตระกูลแอสคาร์ดได้เลยทีเดียว เขาจึงรู้สึกโล่งใจมากที่เมื่อวานเขาตกลงทำธุรกิจกับโรเอลและไม่ยอมปล่อยให้สมบัติชิ้นนี้หลุดมือไป
ทัศนคติของอาร์เว่นที่มีต่อโรเอลเองก็ดูเป็นมิตรมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เขาสัญญาว่าจะพยายามส่งเงินงวดสุดท้ายมาให้โดยเร็วที่สุด
“อืม เขาจัดการส่งมันมาที่นี่ได้ค่อนข้างเร็วเลยทีเดียว”
โรเอลพึมพำขณะหยิบเหรียญทองหนึ่งกำมือขึ้นมาเชยชม
ขั้นตอนนี้มักจะต้องใช้เวลาพอสมควรเนื่องจากสินค้าจะต้องถูกส่งไปยังสาขาที่ผู้ซื้อยื่นคำขอมาก่อน จากนั้นหลังจากที่ผู้ซื้อได้รับสินค้าแล้ว ถึงจะไปยังขั้นตอนการชำระเงิน และหลังจากที่การชำระเงินได้รับการยืนยันแล้วเท่านั้น เงินถึงจะถูกส่งให้กับผู้ขาย
ในโลกที่การขนส่งน่าจะเป็นปัญหาหลักแล้ว มันน่าทึ่งมากจริง ๆ ที่พวกเขาสามารถจัดการกระบวนการบริหารทั้งหมดให้เสร็จสิ้นได้ภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว
โรเอลค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนแรกเขาวางแผนนี้เพื่อที่จะหาทุนเพียง 1,000 เหรียญทองสำหรับการจ่ายค่ายาทั้งสองชนิดในร้านค้าเหรียญทองเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดเขากลับได้รับเงินมาเป็นกำไรถึง 20,000 เหรียญทองแทนเสียอย่างนั้น
ด้วยเงินจำนวนดังกล่าว โรเอลสามารถซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ทำเลดีในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ได้เลยทีเดียว!
หากเปรียบเทียบตระกูลแอสคาร์ดซึ่งเป็นหนึ่งในห้าตระกูลขุนนางชั้นสูงให้เป็นมูลค่าทางการเงินล่ะก็ คงจะมีมูลค่าสุทธิอย่างน้อย ๆ ก็ 10 ล้านเหรียญทอง หากคำนึงถึงอาณาเขตและสมบัติทั้งหมดของตระกูล อย่างไรก็ตามสินทรัพย์เหล่านั้นล้วนเป็นสินทรัพย์ถาวรที่ไม่สามารถนำมาคำนวณเป็นมูลค่าได้ง่าย ๆ
ทำให้จำนวนเงินที่ตระกูลแอสคาร์ดสามารถนำออกมาใช้ได้ มีอยู่เพียงราว ๆ หลักแสนเหรียญทอง
ด้วยเหตุนี้โรเอลจึงถือได้ว่าเป็นเศรษฐีรายย่อยในเขตการปกครองแอสคาร์ดเช่นกัน ซึ่งนั่นมาจากการทำธุรกรรมเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
โรเอลเป็นคนประเภทที่ชอบเห็นยอดเงินในบัญชีธนาคารของตัวเองเพิ่มขึ้นในทุก ๆ วัน เขายอมโดนมีดแทงหัวใจเสียยังดีกว่าถ้าต้องเฝ้าดูเงินหายไปเหมือนน้ำที่ไหลผ่านก๊อกแตก
อย่างไรก็ตามโรเอลรู้ดีว่าโชคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาสร้างขึ้นในวันนี้ ไม่นานมันก็จะหายไปในเหวลึกอันไม่มีที่สิ้นสุดที่เรียกว่าร้านค้าเหรียญทอง มันจึงทำให้เด็กชายรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
แม้จะน่าเสียดาย แต่โรเอลรู้ดีว่าเขายอมเสียมันไปเพื่ออะไร ไม่ว่าจะมีเงินมากมายมหาศาลแค่ไหนมันก็เทียบไม่ได้กับคุณค่าของชีวิต นอกจากนี้โรเอลจะต้องกังวลเกี่ยวกับการไม่มีเงินไปทำไม ถ้าหากเขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว?
โรเอลปลอบใจที่ปวดร้าวด้วยการบอกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเงินจำนวนนี้จะถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า ก่อนที่จะเก็บพวกมันลงในกล่องสมบัติส่วนตัว จากนั้นเด็กชายก็หยิบเสื้อกันหนาวทั้งสองตัวที่ซื้อมามุ่งหน้าออกจากห้องไป
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่วันนี้มาร์ควิสคาร์เตอร์เลือกที่จะหยุดพักผ่อนและยังอยู่ที่คฤหาสน์พอดี มิฉะนั้นโรเอลจะต้องรออีกหนึ่งสัปดาห์ถึงจะได้มอบมันให้กับคาร์เตอร์
แต่ทว่าโรเอลนั้นได้มุ่งหน้าไปที่ห้องของอลิเซียก่อน
วิชาเรียนเรื่องมารยาทที่อลิเซียได้ร่ำเรียนในช่วงเช้าทำให้เธอเหนื่อยล้าจนต้องหยุดพักผ่อน ทว่าทันทีที่โรเอลมาถึง รอยยิ้มอันสดใสก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสาวน้อยในทันที
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่ใหญ่” อลิเซียพูดพร้อมยืนขึ้นโค้งตัวเคารพ
การเคลื่อนไหวของเธอดูสง่างามเปี่ยมไปด้วยมารยาท แต่ในขณะเดียวกันก็น่ารักเช่นกัน เมื่อเห็นฉากนี้ริมฝีปากของโรเอลก็มีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้น
“อรุณสวัสดิ์ อลิเซีย วิชาเรียนเรื่องมารยาท ต้องทำให้เธอเหนื่อยมากแน่ ๆ วันนี้ฉันมีของขวัญมาให้เธอด้วยล่ะ”
ด้วยการให้สัญญาณโบกมือของโรเอล แอนนาจึงได้นำกล่องไม้ที่ออกแบบมาอย่างสวยงามเดินขึ้นมาข้างหน้าในทันที ตราสัญลักษณ์ของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์ และลายเซ็นของนักออกแบบถูกแกะสลักลงบนกล่องไม้อย่างเรียบง่ายแต่ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
กล่องดังกล่าวยังมีกลิ่นหอมของน้ำหอมจากสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์ที่กำลังวางขายอยู่ในขณะนี้โชยออกมา นี่เป็นวิธีในการโฆษณาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของพวกเขา
ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตลาดพวกนี้ทั้งหมด เขาช่างเป็นอัจฉริยะทางด้านธุรกิจโดยแท้!
ในขณะที่ความคิดของโรเอลกำลังล่องลอยไปทั่ว อลิเซียก็เม้มปากด้วยความยินดีเมื่อเห็นบรรจุภัณฑ์ ที่เพียงชายตามองก็รู้ดีว่ามันคือเสื้อผ้าที่ถูกตัดเย็บโดยสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาร์ มันมีราคาสูงมาก แต่ด้วยการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์และทันสมัยของพวกเขา ทำให้เป็นเรื่องยากที่หญิงสาวจะสามารถต้านทานได้ แม้แต่อลิเซียที่ยังวัยเยาว์และมีสติครบถ้วนก็ยังหลงใหลในความงามของพวกมัน
“พี่ใหญ่คะ นี่คือ…?”
“ฉันยังไม่เคยได้ให้ของขวัญต้อนรับกับเธอเลยนับตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในตระกูลแอสคาร์ดของเรา ถือว่านี่เป็นการชดเชยก็แล้วกันนะ”
“ขอบคุณค่ะ หนูชอบมันมากเลย!”
อลิเซียยิ้มอย่างดีใจแล้วกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของโรเอล ซุกไปที่อกของเขาเหมือนลูกแมวน้อยขนสีเงิน พร้อมแต้มความสนใจจำนวนมหาศาลที่พุ่งออกมาเหนือศีรษะของเธอ
เหล่าสาวใช้ในบริเวณใกล้เคียงเองก็เฝ้าดูสองพี่น้องที่รักใคร่กันดี ด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปากของพวกเขา และมีแสงสีเขียวของแต้มความสนใจปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของพวกเขาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอนนาที่มีเยอะเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้โรเอลไม่ได้ใส่ใจแต้มความสนใจใด ๆ ทั้งนั้น เขาเพียงแต่ดื่มด่ำกับอ้อมกอดอันอบอุ่นของอลิเซียอย่างเต็มที่ รู้สึกถึงพลังแห่งการบำบัดเยียวยาพุ่งเข้ามายังหัวใจของเขา
ช่างน่ารักจริง ๆ! รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่เลย!
ก่อนหน้านี้โรเอลเครียดกับตัวเองที่ต้องหาเงินจำนวนมากมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขา แต่ตอนนี้หัวใจที่วิตกกังวลก็ค่อย ๆ สงบลงแล้ว โล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก เด็กชายไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการกอดจะสามารถบำบัดอาการวิตกกังวลต่าง ๆ ได้ดีถึงขนาดนี้ โรเอลพร้อมจะจ่ายเงินจำนวนเท่าใดก็ได้ เพื่อให้เขาได้สัมผัสกับประสบการณ์นี้อีกครั้ง
การกอดครั้งนี้คงอยู่เพียงชั่วครู่ เมื่อสาวใช้คนหนึ่งภายใต้แรงกดดันที่จ้องมองมาจากเพื่อนร่วมงานของเธอ เดินเข้ามาในบรรยากาศอันอบอุ่นนี้ เพื่อพาอลิเซียไปเข้าเรียนในวิชาต่อไป โรเอลอำลาน้องสาวบุญธรรมของเขา ก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องทำงานของบิดา
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากก็คือ การพบกันระหว่างเขากับพ่อ ทำให้เกิดความโกลาหลยิ่งกว่าอลิเซียหลายเท่า
เมื่อโรเอลบอกคาร์เตอร์ว่าเขาได้ใช้เงินซื้อเสื้อกันหนาวมาให้ พร้อมยื่นกล่องไม้ไปให้มาร์ควิสผู้ยิ่งใหญ่ คาร์เตอร์ก็ร้องไห้ออกมา!
“มาเรีย ตอนนี้เธอสามารถพักผ่อนอย่างสบายใจได้แล้วล่ะ ลูกของเราเติบโตขึ้นมากจริง ๆ ถึงขนาดที่เขาซื้อของขวัญให้ข้าแล้วด้วยซ้ำ !”
มาร์ควิสคาร์เตอร์เปิดจี้ล็อกเก็ตที่เขาสวมไว้ที่คอและเริ่มร้องไห้กับภาพภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้โรเอลรู้สึกทั้งขบขัน แต่ก็เศร้าใจในเวลาเดียวกัน
หลังจากนั้นเมื่อคาร์เตอร์เริ่มอบรบสั่งสอนอย่างจริงจังกับโรเอลอีกครั้ง เด็กชายก็รู้สึกได้ว่าส่วนนึงในใจของเขาเริ่มสงบลง มันคือความสบายใจที่ได้รับมาจากความรักของผู้เป็นพ่อ
แม้ว่าโรเอลจะมีความทรงจำในชาติก่อน แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าคาร์เตอร์เป็นพ่อของเขา
คาร์เตอร์นั้นต้องเลี้ยงดูโรเอลเพียงลำพังหลังจากที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตไปก่อนวัยอันควร ซึ่งการเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาเอาเสียเลย
ความเอาแต่ใจของโรเอลมักทำให้เขาปวดหัวแทบแตก และเมื่อได้รู้ว่าโรเอลขาดศักยภาพที่จะก้าวไปสู่การเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาตินั้นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดไปมากกว่าเดิม
แต่ถึงแม้มันจะยากลำบากเพียงใด คาร์เตอร์ก็ไม่เคยยอมแพ้ที่จะดูแลโรเอล เขายังคงวางแผนอย่างรอบคอบสำหรับอนาคตของลูกชาย เพื่อให้แน่ใจว่าลูกชายของเขาจะสามารถมีชีวิตอันสงบสุขได้ในอนาคต
อันที่จริงหากคาร์เตอร์สนใจเพียงแค่การสืบทอดเชื้อสายตระกูลแอสคาร์ด มันก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเผชิญกับปัญหามากขนาดนี้ เพียงแค่คาร์เตอร์แต่งงานกับภรรยาคนใหม่แล้วมีลูกอีกสักสองสามคน ตามวิถี ‘ปกติ’ ที่ขุนนางคนอื่น ๆ มักจะทำก็เพียงพอแล้ว
แต่คาร์เตอร์เลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น เพราะความรักที่มีต่อภรรยาผู้ล่วงลับและโรเอล
ในขณะที่โรเอลถูกสาปแช่งให้อยู่ในบทบาทอันน่าเศร้าของตัวร้ายที่จะต้องถูกฆ่าในไม่ช้า เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นพรอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้เขาได้เกิดมาในตระกูลแอสคาร์ด และเป็นบุตรชายของคาร์เตอร์
ความรู้สึกอบอุ่นอันคลุมเครือเติมเต็มในใจของโรเอล เด็กชายร่ำลาบิดา ก่อนที่จะเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง การได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของสมาชิกในครอบครัว ทำให้เขารู้สึกมีแรงฮึกเหิมขึ้นกว่าเดิมมาก
ตอนนี้โรเอลได้รับพลังงานด้านบวกมาอย่างเต็มที่แล้วทั้งด้านร่างกายและจิตใจ มันถึงเวลาแล้วที่เขาต้องดำเนินไปยังจุดประสงค์หลักนั่นคือลองใช้ยาทั้งสองในร้านค้าเหรียญทอง