ทะลุมิติทั้งครอบครัว – ตอนที่ 77 น้ำกับอาหารสำคัญเหมือนกัน / ตอนที่ 78 ปฏิกิริยาเหมือนตอนก่อนน้ำจะหยุดไหลในยุคปัจจุบัน

ตอนที่ 77 น้ำกับอาหารสำคัญเหมือนกัน  

 

 

ตั้งแต่ซ่งฝูหลิงพูดกับพ่อของนางว่า ดูเหมือนโจรสองคนนั่นจะไม่ได้มาเพื่อขโมยเงินทองหรืออาหาร แต่น่าจะมาขโมยกระบอกน้ำสแตนเลสของนาง  

 

 

บอกให้พ่อของนางเก็บกล้องส่องทางไกลไว้ดีๆ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ต้องนำออกมาใช้ อย่านำมันมาแขวนคอ เพราะมันจะสะดุดตามาก  

 

 

ตั้งแต่นั้นซ่งฝูเซิงก็ไม่ได้ใช้กล้องส่องทางไกลอีกเลย เขานำไปเก็บไว้อย่างดี  

 

 

ถึงตอนนี้จึงเพิ่งนำออกมา เขากับลุงหลี่เจิ้ง พี่เขยเถียนสี่ฟา หวังจงอวี้และคนอื่นๆ ก็พากันหาเนินสูงในบริเวณใกล้เคียง ก่อนจะปีนขึ้นไป  

 

 

พวกต้ายากำลังซักผ้า เสื้อผ้าเปียกชื้นจากเหงื่อ ไม่ต้องอยู่ใกล้หรอก แค่อยู่ไกลๆ ก็สามารถได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวจากร่างกายได้แล้ว  

 

 

เสื้อผ้าเหล่านี้ที่แช่อยู่ในน้ำ จำเป็นต้องพลิกกลับไปกลับมาเหมือนกับการนวดแป้ง ต้องกดลงไปถึงจะโดนน้ำทั้งหมด ซักอย่างไรก็ไม่สะอาด รู้เลยว่า “แม่น้ำ” นี้ตื้นขนาดไหน  

 

 

เอ้อร์ยาซักเสื้อผ้าที่อยู่ในมือไป ก็ยังใช้เล็บมือเกาหัวไปด้วย บางทีก็ใช้แขนถูหนังหัวแก้อาการคัน เพราะนางเกล้าผมที่ยาวเอาไว้ เส้นผมด้านในจึงเปียกชื้น หนังกัวมีแต่เหงื่อ ยิ่งเกาก็ยิ่งคันมากขึ้น  

 

 

เสียงเกาหัวดังมาไม่หยุด ซ่งฝูหลิงที่นั่งล้างเท้าอยู่ด้านข้างแทบอยากจะเกาหน้า เกาตัวตาม เหมือนรู้สึกคันไปด้วย นางไม่กล้ามองพี่เอ้อร์ยาเลย  

 

 

เถาฮวาเห็นว่าซ่งฝูหลิงค่อนข้างรังเกียจเอ้อร์ยา นางจึงรีบพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ “พั่งยา พวกอาสามไปทำอะไรกันน่ะ? เจ้าดูสิ พวกเขาปีนขึ้นเนินดินนั่นไปแล้ว”  

 

 

ซ่งฝูหลิงได้ยินก็ถอนหายใจ “พวกพี่น่ะ ตอนนี้จะซักอะไรก็รีบซักเถิด อย่าคิดว่ามีน้ำน้อย แม้ว่าน้ำจะลึกประมาณครึ่งนิ้วมือ แต่นั่นก็เป็นน้ำ ข้าเกรงว่าหนทางข้างหน้า แม้แต่น้ำดื่มก็อาจจะไม่มี แบบนั้นอาจถึงแก่ชีวิตได้เลยนะ”  

 

 

สามสาวรีบหยุดการกระทำในทันที พวกนางหันหน้ามามองซ่งฝูหลิงด้วยความตกใจ  

 

 

“อย่ามองข้าด้วยสีหน้าตกใจสิ รีบซักเร็วๆ เข้า ซักเสร็จแล้วรึยัง? โอ้ พี่เอ้อร์ยา พี่อย่าเกาอีกเลย ข้าขอร้อง พี่ปล่อยผมออกมาสระบ้างเถอะ อย่าได้กลัวว่าจะเปลืองสบู่…  

 

 

…ป้ารองไม่ให้พี่ใช้ พี่ก็มาใช้ของข้า จะได้ไม่ต้องพูดกับนางให้วุ่นวาย…  

 

 

…พวกพี่ต้องรู้นะว่า หน้าเล็กๆ ของพวกเราอาจจะปล่อยให้สกปรกได้เพราะควรทำให้ดูเหมือนพวกผู้ลี้ภัย จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมา แต่ร่างกายกับเส้นผมจะต้องทำให้สะอาดมากที่สุด…  

 

 

…หลังจากออกจากที่นี่แล้ว หากอยากจะทำความสะอาด ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีน้ำให้ใช้อีกไหม…  

 

 

…รอพวกพี่ทำงานพวกนี้เสร็จ พวกเราค่อยไปกินข้าว แล้วหาพวกถ้วยชามที่สามารถใส่น้ำได้ นำมาใส่น้ำให้เต็ม ข้าเดาว่าทุกคนต้องใช้เวลานานในการมาตักน้ำ”  

 

 

ในที่สุด สิ่งที่ซ่งฝูหลิงทายไว้ก็ถูกหมด  

 

 

พวกซ่งฝูเซิงลงมาจากเนินดินด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี เขารีบป่าวประกาศ  

 

 

ซ่งฝูเซิงสั่งการให้พวกเกาถูฮู่รีบพาพวกล่อ วัวควายไปดื่มน้ำที่ริมน้ำ ให้พวกมันดื่มน้ำจนอิ่ม และมื้อนี้ก็ให้กินอาหารอย่างดีหน่อย แต่ต้องจำไว้ว่าก่อนที่จะเดินทางออกจากที่นี่ไป ต้องพาสัตว์พวกนี้มาริมแม่น้ำอีกครั้งเพื่อให้ดื่มน้ำอย่างเต็มที่  

 

 

ซ่งหลี่เจิ้งโบกมือตะโกนบอกทุกคน “ก่อนที่จะออกจากที่นี่ไป พวกเราจำเป็นต้องหาอุปกรณ์มาใส่น้ำให้ได้มากที่สุด ถุงน้ำที่แขวนไว้ข้างกายหรือใครมีกระบอกไม้ไผ่เหลืออยู่ อย่าได้ปล่อยมันให้ว่างเปล่า อันไหนที่พวกเจ้าคิดว่าน่าจะใส่น้ำได้ ก็ให้นำมาใส่น้ำให้เต็ม”  

 

 

นอกจากนี้ ซ่งหลี่เจิ้งก็เรียกทุกคนมาประชุมและกำชับไว้อีกครั้งหนึ่ง  

 

 

“บรรดาครอบครัวของพวกเรา มีทั้งบ้านที่ไม่มีล่อ ไม่มีวัวควาย ส่วนบ้านที่มีก็มีหลายตัว…  

 

 

…ล่อ วัวคงายต้องดื่มน้ำวันหนึ่งหลายครั้ง อากาศก็ร้อนแบบนี้ ปริมาณน้ำที่ให้พวกมันต้องเตรียมไว้ให้เพียงพอ มิเช่นนั้นพวกมันจะอารมณ์หงุดหงิดไม่ยอมเดิน…  

 

 

…บ้านที่ไม่มีสัตว์ก็อย่าได้แต่มองเฉย ถึงตอนนั้นต้องช่วยหาน้ำมาให้สัตว์พวกนี้ได้ดื่มกินด้วย…  

 

 

…ได้ยินกันไหม?…  

 

 

…ครอบครัวของพวกเราจำเป็นต้องทำอย่างไร?”  

 

 

…เสียงของทุกคนตะโกนขึ้นมา “สามัคคี”  

 

 

“ใช่แล้ว สามัคคี เร่งมือหน่อย ต้องรีบกันแล้ว พวกผู้หญิงก็รีบทำอาหาร ทำอาหารเสร็จแล้วก็นำหม้อมาใส่น้ำ!”  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 78 ปฏิกิริยาเหมือนตอนก่อนน้ำจะหยุดไหลในยุคปัจจุบัน  

 

 

สะใภ้เล็กของบ้านท่านยายหวังกระซิบถามสามีของนาง “ข้างหน้าไม่มีน้ำแล้ว พวกเราก็ปักหลักอยู่ที่นี่เถอะ ถึงแม่น้ำจะมีน้ำน้อย แต่ก็ยังดีกว่าข้างหน้าที่ไม่มีน้ำเลยนะ หากไม่มีน้ำ จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร? ใครจะรู้ได้ว่าต้องเดินอีกไกลเท่าไรถึงจะพบเจอแหล่งน้ำอีก”  

 

 

หวังจงอวี้มองภรรยาของเขาด้วยอารมณ์ “เจ้าร้อนจนเป็นบ้าไปแล้วรึเปล่า ที่เจ้าพูดก็เหมือนผายลม ปักหลักอยู่ที่นี่ต่อ กับเมื่อก่อนที่อยู่บนเขา มันแตกต่างกันไหม? พื้นที่โล่งกว้างแบบนี้สามารถเป็นบ้านของเจ้าได้หรือ เจ้าจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตหรืออย่างไร? ต้องอดทนเดินต่อไปข้างหน้า เจ้ามีอะไรต้องทำก็รีบไปทำซะ!”  

 

 

“อ๊ะห์ ถูกต้อง เราไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้”  

 

 

สะใภ้เล็กบ้านท่านยายหวังตบหน้าผากของตนเอง แต่แล้วนางก็มีปัญหาใหม่เข้ามาอีก  

 

 

ครั้งนี้ไม่กล้าถามสามีเพราะกลัวว่าจะโดนด่า พอดีกับที่ซ่งฝูเซิงอยู่บริเวณใกล้เคียง นางจึงเข้าไปถามเขาแทน  

 

 

“พี่สาม อ่างที่ใส่น้ำเต็มหมดแล้วจะไม่เหมือนตอนอ่างน้ำว่างเปล่า ที่เราสามารถวางไว้บนสัมภาระได้นะ แล้วตรงไหนคือที่ว่างสำหรับวางอ่างน้ำบ้าง มันวางซ้อนกันไม่ได้”  

 

 

สะใภ้เล็กของบ้านท่านยายหวังพูดไปด้วย ตาก็ต้องเหล่มองไปทางด้านข้าง ไม่รู้จะวางสายตาไปทางไหนดี  

 

 

ซ่งถงเซิงผู้นี้นับวันก็ยิ่งแต่งตัวไม่เรียบร้อย ทำงานร้อนๆ บนภูเขาจึงถอดเสื้อบ้าง จนมีอยู่ครั้งหนึ่งนางเห็นเข้าถึงกับตกใจ  

 

 

ตอนนี้เอาอีกแล้ว ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเดินไปมา ไม่สนใจรักษาหน้าตาตนเองเลยสักนิด  

 

 

แต่ว่าคนเรียนหนังสือ ผิวพรรณขาวเยี่ยงนี้จริงหรือไม่?  

 

 

ซ่งฝูเซิงที่สวมเสื้อกล้าม กางเกงไนกี้ขาสั้น รองเท้าฟาง เขาไม่ได้สังเกตว่าสะใภ้เล็กของบ้านท่านยายหวังมีทีท่าเก้อเขินเขาอยู่  

 

 

เขาขมวดคิ้วครุ่นคิด มันก็จริงนะ ถ้าต้องขนน้ำจำนวนมากไปด้วยก็จะทำให้รถมีน้ำหนักมากขึ้นและยังต้องใช้พื้นที่วางเพิ่มขึ้น ตอนนี้ทุกครอบครัวจำเป็นต้องมีแต่ของใช้ที่เรียบง่ายและที่จำเป็น จึงต้องเลือกทิ้งสิ่งของอื่นออกไปจำนวนมาก  

 

 

เสียงพูดคุยของทุกคนดังเซ็งแซ่อื้ออึงไปหมด  

 

 

“อะไรนะ? จะไม่เอาเสื่อสานไว้ ถ้างั้นตอนบ่ายจะเอาอะไรรองพื้นนอน”  

 

 

“อะไรกัน? เสื้อผ้าก็ต้องทิ้งเหรอ ทิ้งแล้วจะใส่อะไร เดิมทีก็เอามาน้อยอยู่แล้ว”  

 

 

“เจ้าอย่าทิ้งผ้าห่มสิ ต้าหลัง เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง ตอนเย็นพวกเราจะห่มอะไร”  

 

 

ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าต้าหลังก็ตะโกนบอกมา “ท่านแม่ ท่านไม่ได้ฟังลุงหลี่เจิ้งกับพี่สามประกาศหรือ สิ่งของอันไหนที่ตอนนี้ยังใช้ไม่ได้ก็ทิ้งไปเสีย แต่หากไม่มีน้ำ เป็นเรื่องสำคัญที่ถึงแก่ชีวิตได้เลยนะ”  

 

 

สถานการณ์สับสนอลหม่านไปหมด เสียงดังเซ็งแซ่  

 

 

ซ่งฝูเซิงก็เหนื่อยใจ เขาเองก็กำลังโน้มน้าวท่านแม่ของเขา สิ่งไหนไม่สามารถเอาไปได้ก็ไม่ต้องเอาไป เพราะบนรถไม่มีพื้นที่ว่างแล้ว  

 

 

แต่ท่านย่าหม่าไม่ชอบฟัง สิ่งของอะไรที่ไม่ดี เมื่อมาอยู่กับนางก็นับว่าดีหมด แม้แต่เสื้อผ้าที่มีรอยปะชุนที่สวมใส่อยู่ นางก็เสียดายไม่อยากทิ้งไป  

 

 

“ท่านแม่ เก็บไว้แต่รองเท้าผ้าฝ้ายก็พอ ต่อไปจะต้องใช้เพื่อไม่ให้ทุกคนหนาว หรือถ้าร้อนก็สามารถถอดได้ ส่วนผ้าห่มก็ใช้สองคนต่อหนึ่งผืน สัมภาระพวกผ้าที่ยัดนุ่นเก่าๆ ก็ไม่ต้องเก็บไว้ เสื้อผ้าก็ให้เลือกเก็บแต่ตัวที่ยังสภาพดี ถ้าพี่ใหญ่กับพี่รองของข้าไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ ก็ค่อยมาเลือกเสื้อผ้าของข้าไป พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองก็เช่นกัน ใช้เสื้อผ้าที่เพ่ยอิงเก็บไว้ก่อนได้”  

 

 

ซ่งฝูเซิงพูดจบก็หันไปเรียกเฉียนเพ่ยอิง ส่งสายตาไปแล้วบอกกล่าว “เจ้าก็หาเสื้อผ้าที่สภาพดีๆ หน่อยให้ซื่อจ้วงเปลี่ยน ส่วนเสื้อผ้าที่สวมอยู่ให้ทิ้งไป แล้วก็มาช่วยท่านแม่จัดการของ อย่าให้นางต้องครุ่นคิดนาน อันไหนควรทิ้งก็ทิ้งไปเสีย”  

 

 

หนิวจั่งกุ้ยเดินมาหาซ่งฝูเซิง “นายท่าน ก่อนพวกเราจะออกเดินทางมา ข้าได้นำเหล้าหลายไหพกมาด้วย จะจัดการเช่นไรดี?”  

 

 

ซ่งฝูเซิงครุ่นคิดสักพัก  

 

 

“ตอนที่ไม่มีน้ำดื่มก็ให้ทุกคนดื่มเหล้าแทน ตอนเย็นหากผ้าห่มไม่เพียงพอก็ดื่มเหล้าได้ มันช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น เก็บไว้ก่อนเถอะ…  

 

 

…ถ้าจะให้ดีเจ้าต้องวางที่พื้นแล้วหาพวกแผ่นไม้วางทับด้านบนไม่ให้เอนเอียง และแผ่นไม้ด้านบนก็ยังสามารถวางสิ่งของได้ไม่น้อย…  

 

 

…นอกเหนือจากนื้ ผ้าห่ม สัมภาระ พวกเสื้อซัวอี สิ่งของที่ไม่ต้องกังวลว่าตกพื้นแล้วจะแตกหักเสียหาย ให้พยายามโยนขึ้นบนหลังคารถให้หมดแล้วหาเชือกมัดให้แน่น ตอนท้ายใช้เสื่อน้ำมันคลุมปกปิดอีกรอบ ด้านในรถพยายามให้เหลือพื้นที่มากที่สุด พวกเราจำเป็นต้องเหลือพื้นที่ไว้วางอ่างที่ใส่น้ำจนเต็ม”  

 

 

จนถึงตอนนี้พวกผู้หญิงก็ยังไม่ยอมทิ้งข้าวของ มีความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วย  

 

 

เป็นที่รู้กันดีว่า สิ่งของพวกนี้ที่เอาติดตัวมา สำหรับพวกเขาแล้วถือเป็นของดีมีค่าที่อยู่ในบ้าน หลายวันที่ผ่านมา ต้องใช้แรงในการแบกและเข็นมาตลอด ตอนนี้มาบอกให้ทิ้งก็ต้องทิ้งไปง่ายๆ หรือ พวกนางรับไม่ได้หรอกนะ  

 

 

ซ่งฝูเซิงพูดกับป้าใหญ่ที่เป็นบ้านที่มีควาบด้วยความโมโห  

 

 

“ข้าได้เห็นสภาพเบื้องหน้าที่อยู่ห่างออกไปประมาณยี่สิบ สามสิบลี้ หลายคนหิวกระหายอยู่ข้างทางจนล้มลง เป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่มีใครรู้…  

 

 

…คาดว่าพวกเขาได้เดินผ่านสถานที่ที่พวกเราอยู่ตรงนี้ไป แต่อาจไม่เห็นว่าบริเวณนี้มีลำธารสายเล็ก ดีที่พี่เขยพาคนมาค้นหาจนเจอ พวกเราถึงได้โชคดีเช่นนี้…  

 

 

…ตอนนี้หากพวกเจ้าไม่ทิ้งสิ่งของ ก็จะไม่มีที่วางภาชนะใส่น้ำ ข้าถามพวกเจ้าหน่อย ใครจะกล้ารับประกันว่าอีกยี่สิบ สามสิบลี้ข้างหน้าอีกจะมีแหล่งน้ำแน่นอน?…  

 

 

…หากเดินต่อไปข้างหน้าหลายสิบลี้แล้วก็ยังไม่มีแหล่งน้ำล่ะ?…  

 

 

…พวกล่อ ควาย จะไม่อดตายก่อนหรือ!…  

 

 

…หากพวกมันตาย ของพวกนี้ที่อยู่บนรถ พวกเจ้าต้องเข็นรถเองด้วยแรงมือ จะเข็นไปได้หรือ ทั้งแบกทั้งกอด จะเอาไปได้ทั้งหมดหรือไม่?!”  

 

 

ซ่งหลี่เจิ้งก็กล่าวกับครอบครัวอื่นด้วยความโมโห “ดูผู้ลี้ภัยพวกนั่นสิ อย่าว่าแต่สัมภาระเลย บางคนไม่มีแม้แต่อาหาร แล้วเป็นอย่างไร ก็ต้องดิ้นรนมีชีวิตต่อไป! ทำไมพวกเจ้าถึงเรื่องมากเช่นนี้ อย่าโลภมากไปหน่อยเลย มิเช่นนั้นสุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร มีแต่อาหารกับน้ำเท่านั้นถึงจะช่วยให้มีชีวิตรอดได้!”  

 

 

หัวหน้ากับผู้ใหญ่บ้านก็ออกมาด่าทอพร้อมกันแล้ว ต้องใช้อารมณ์ในการกำราบ พวกผู้หญิงถึงยอมรับความจริง  

 

 

เมื่อเห็นพวกนางยอมรับแล้ว จากนั้นจึงเห็นพวกนางไปที่ริมน้ำเพื่อชำระล้าง  

 

 

ในลำธารตื้นๆ สายเล็กๆ นี้ พวกนางแทบอยากจะนำสิ่งของทั้งหมดมาชำระล้าง ส่วนตัวเองก็รีบอาบน้ำ ไม่มีเวลาสระผมก็พยายามทำให้ผมเปียกทั้งหัวไว้ก่อน อย่างน้อยก็ช่วยทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น  

 

 

ทำราวกับว่าหากออกไปพ้นจากแม่น้ำสายนี้แล้วจะไม่ได้สัมผัสน้ำอีก  

 

 

หลังจากนั้นก็ตักน้ำเพื่อไปต้มไว้ดื่ม ต้มไว้หลายหม้อ ให้พวกผู้ชายได้ดื่มน้ำเต็มที่และกล่อมเด็กๆ ให้ดื่มด้วย  

 

 

เมื่อจับเด็กได้ก็กรอกน้ำใส่ปาก ให้เด็กหลายคนดื่มไปเรื่อยๆ จนเด็กๆ พากันร้องว่า “ท่านแม่ ข้าดื่มไม่ลงแล้ว ดื่มไม่ได้แล้วจริงๆ”  

 

 

ตอนนี้ต้องดื่มน้ำฟรีตุนไว้ให้เยอะๆ ใจจริงอยากจะสูบน้ำในลำธารให้แห้ง ใส่เข้าไปในท้องเพื่อเผื่อสำหรับวันพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ  

 

 

น้ำกับอาหารก็เช่นเดียวกัน แต่ละมื้อจะกินหมั่นโถวได้แค่ยี่สิบลูก หากมื้อหนึ่งกินมากกว่านี้จะไม่มีอาหารเหลือพอถึงเดือนหน้า  

 

 

แต่อาหารของครอบครัวซ่งฝูหลิงคือ น้ำซุปไข่ไก่  

 

 

แทนที่จะกินอาหารดีๆ ท่านย่าของนางช่างมีความสามารถเสียจริง ต้มซุปไข่ไก่โดยในแต่ละหม้อก็ไม่ได้ใส่เกลือ แถมยังบอกให้พวกเขาดื่มน้ำให้อิ่ม ดื่มให้พอ  

 

 

สุดยอดจริง กินอาหารได้ไม่เท่าไร แต่ดื่มน้ำจนอิ่ม เวลาเรอเหมือนมีน้ำซุปดันขึ้นข้างบนก่อนจะไหลลงมา  

 

 

……  

 

 

ล่อ วัวควาย เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ล้อของรถเข็นทับไปบนก้อนหินที่อยู่บนถนน หนทางด้านหน้ากำลังรอทดสอบพวกเขาเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดที่อาจจะยากขึ้นกว่าเดิม

ทะลุมิติทั้งครอบครัว

ทะลุมิติทั้งครอบครัว

Status: Ongoing
อ่านนิยาย ทะลุมิติทั้งครอบครัวเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งกลับพบว่าตนเองอยู่ในยุคสมัยที่ไม่เคยคุ้น สิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง กระทั่งอายุของร่างที่อาศัยอยู่ยังอ่อนเยาว์กว่าตัวจริงหลายปี ยังไม่ทันได้เตรียมใจไฟสงครามก็ลุกโหม สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อมาถึงยุคโบราณที่ไม่มีจริงในประวัติศาสตร์โลกก็คือ…การลี้ภัย! แต่ไม่เป็นไร ไม่ว่ามีปัญหาจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่หวั่น เพราะคนอื่นทะลุมิติมาแค่คนเดียว แต่เราทะลุมากันทั้งครอบครัว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset