ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 229 โลภมาก

ซังเสี่ยนยอมรับไม่ได้

ในใจเขาเหมือนมีไฟมาเผาไหม้ แต่ก็รู้สึกถึงความเยือกเย็นที่แตกสลาย

เขาเห็นซังอวี้มาตั้งแต่เด็ก เขารู้ดีกว่าใครๆ เขาเป็นคนโลภ ในสายตามีแต่ความอยากกระหาย อยากจะโค่นทุกคน

กี่วันนี้ไม่รู้ว่าเขาเกิดเรื่องอะไรถึงไปยั่วยุซังหลินจวิน เลยทำให้เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

แต่ว่า เขาไม่น่าจะโง่ขนาดนี้ แม้แต่หุ้นที่เลี้ยงชีวิตยังขายทิ้ง

แต่ว่า พอเห็นลายเซ็นของเขาบนนั้น ซังเสี่ยนไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่า ไอ่โลภนี่โง่จริงๆ

เป็นไอ่โง่ที่ถ่วงคนอื่น

ปากเขากระตุก “มันบ้าไปแล้วเหรอ?”

ซังอวินไม่สนใจเขา

“ในเมื่อผู้บริหารซังคิดว่าผมดำรงตำแหน่งนั้นได้ งั้นผมก็จะรับไว้”

เขาเดินไปต่อหน้าผู้คนในห้องประชุม แล้วยิ้มทักทาย “ถึงแม้จะเพิ่งเจอทุกท่านครั้งแรก แต่เชื่อว่าอีกหน่อยคงมีโอกาสเจอกันบ่อย ถึงเวลานั้นฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

หุ้นส่วนแต่ละคนที่นั่งอยู่รู้สึกอัดอั้นมาก แต่บนหน้าก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร

ทำยังไงได้ล่ะ ไม่พูดถึงว่าเขาอาจจะเป็นรองผู้บริหารหยวนเซิ่ง แค่เขาเป็นคนตระกูลซัง คนอื่นก็ไม่กล้าขัดเขาแล้ว

พอเลิกประชุมแล้ว ซังอวินจึงไปที่ห้องทำงานซังหลินจวิน

ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน เหมือนกำลังรอว่าใครจะพูดก่อน

สถานการณ์ตึงเครียดมาก

เสียงโทรศัพท์ทำให้ทั้งสองคนดึงสติกลับมา

ซังหลินจวินมองชื่อบนโทรศัพท์ที่เขาวางไว้บนโต๊ะ ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบมองซังอวินที่อยู่ข้างๆ กำลังเอ่ยไล่

“ซังอวิน ตอนนี้ฉันมีธุระ ถ้านายมีอะไรก็รีบพูด ถ้าไม่มี นายก็ออกไป”

ซังอวินได้ยินคำพูดที่ตรงไปตรงมาของซังหลินจวิน สีหน้าไม่เปลี่ยนเลย เขายังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เหมือนไม่ได้ยินอย่างนั้น

ซังหลินจวินเพิ่งรู้ความหน้าด้านของเขา จึงไม่มองเขาอีก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเดินไปนอกประตู

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า อยู่ๆซังอวินจะถาม “ซังหลินจวิน คนที่แกจะคุยด้วยคือเอลลิซใช่ไหม”

น้ำเสียงเขาไม่มีความลังเลเลย

เหมือนมั่นใจแล้วด้วย

ฝีเท้าของซังหลินจวินหยุดลง หันกลับไปมองเขา หัวเราะในลำคอ แล้วค่อยเดินออกไป

เอลลิซอีกฝั่งของโทรศัพท์เหมือนได้ยินเสียงของซังอวิน คำพูดของเขาจึงกลืนกลับไป

ในใจกำลังเดาว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกัน ทำไมถึงอยู่ด้วยกัน

แต่ว่าคำพูดของเขาเมื่อกี้สำคัญกว่า เขาหักห้ามความสงสัยไว้แล้วเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “คุณซัง สินค้าล็อตนั่นส่งออกแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้ก็น่าจะถึงเป่ยเฉิงแล้วครับ”

“คุณเอลลิซทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นนะครับ” ซังหลินจวินเอ่ยชม

แต่เอลลิซกลับร้อนตัว เพราะการร่วมงานครั้งแรกเขากลับคำเอง ตอนนี้ร่วมงานอีกครั้ง เขาก็ไม่กล้าทำงานล่าช้าอยู่แล้ว

แถมเงินยังไม่เข้าบัญชี เขาก็ใจร้อนเหมือนกัน

ซังหลินจวินรู้ว่าเขาอยากได้อะไร จึงบอกเขาตรงๆ “คุณเอลลิซ ถ้าพรุ่งนี้ของถึงแล้ว หยวนเซิ่งก็จะโอนค่าของล็อตนั้นไปที่บัญชีคุณ หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นนะครับ”

“แน่นอน แน่นอนครับ ต้องราบรื่นแน่นอนครบ” เอลลิซรีบเอ่ย

พอซังหลินจวินคุยโทรศัพท์เสร็จ ยังเห็นว่าในห้องทำงานของเขาแขกที่ไม่ได้รับเชิญยังอยู่ เขาไม่ได้สนใจเขาอีก แค่เลิกคิ้วแล้วตั้งใจทำงาน

ซังอวินเห็นว่าซังหลินจวินทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน ไม่ได้เล่นเกมส์ทางจิตอะไรอีก

มือทั้งสองข้างของเขาวางลงที่โต๊ะ ยื่นหน้าไปเล็กน้อย ใช้สายตาที่แหลมคมมองเขา “ซังหลินจวิน เรื่องที่นิทรรศการ ฉันรู้ว่าแกเป็นคนทำ”

พอได้ยินแบบนี้ ซังหลินจวินค่อยเงยหน้าขึ้น วางปากกาในมือ เลิกคิ้ว แล้วเอ่ยอย่างไร้เดียงสา “แกกำลังพูดอะไร ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”

ซังอวินเห็นว่าเขาไม่ยอมรับ ในสายตาเลยมีความดูถูก

เขาไม่แยแสกับการที่เขากล้าทำไม่กล้ายอมรับ เขาไม่อ้อมค้อมอีก “ฉันรู้เรื่องของซวี๋โจวแล้ว ถึงแม้ไม่รู้ว่าพวกแกซ่อนตัวมันไว้ที่ไหน แต่ว่าผู้บริหารซัง ฉันจะบอกแกว่า เจียงอี้ฟานช่วยแกขนาดนั้น แม้แต่ตัวมันเองยังโป๊ะแตก แกจะตอบแทนมันยังไงล่ะ”

ในสายตาซังอวินมีแต่สงสัย เหมือนเขากำลังสงสัยจริงๆ ไม่ได้มีความคิดอื่น

แต่ซังหลินจวินกลับไม่คิดแบบนั้น

เขาพิงเก้าอี้ไว้ มองสำรวจเขาอย่างละเอียด จากนั้นก็ยิ้ม “ซังอวิน แกไม่เคยมีเพื่อนใช่ไหม หรือว่าแกไม่รู้ว่าบนโลกนี้ ความสัมพันธ์บางอย่างไม่ต้องตอบแทนอะไร เพื่อนช่วยฉัน ฉันก็ช่วยเพื่อน แบบนี้ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ แต่กลับเป็นความสัมพันธ์ที่ทำให้กันได้ แต่ว่าฉันคิดว่าแกคงไม่เข้าใจ”

พอได้ยินที่ซังหลินจวินพูด ซังอวินทีแรกที่ยังนิ่งเฉย ในสายตาก็มีความเกลียดกับความโมโห

เขาโตมาขนาดนี้ ไม่เคยมี เพื่อนที่จริงใจจริงๆ

แม้แต่แม่แท้ๆยังทอดทิ้งเขาเพื่อผลประโยชน์ เขาจะเชื่อความสัมพันธ์บ้าบอแบบนั้นกับคนอื่นได้ยังไง

เพื่อนเหรอ เหอะ

เขาไม่ต้องการอยู่แล้ว

ในใจลึกๆของเขามีหลุม นั่นก็คือความเชื่อใจ หลุมนี้มีมาตั้งนานแล้ว ไม่สามารถเติมเต็มได้เลย

เขาพูดอย่างไม่แคร์ “แม้แต่ผลประโยชน์แกก็ไม่ให้มัน เป็นเพื่อนรักกันจริงๆ หวังแค่ว่ามันจะคุ้มกับความเชื่อใจของแก”

ซังอวินเชื่อว่า ในโลกนี้ไม่มีใจของคนไหนไม่หวั่นไหวกับผลประโยชน์ ถ้ายังทำให้หวั่นไหวไม่ได้ งั้นก็แสดงว่ายังไม่มากพอ

ขอแค่เพิ่มให้มากขึ้น ยังไงก็ต้องมีคนก้มหน้าให้ผลประโยชน์

ซังหลินจวินรู้สึกว่าที่วันนี้ซังอวินมาก็เพื่อจะชักจูงให้แตกหัก

แต่ว่า น่าเสียดาย วิธีของเขาใช้กับเขาไม่ได้

ซังอวินเหมือนดูออก เขาลุกขึ้น ตบฝุ่นที่ไม่มีบนตัว เดินหันหลังตรงออกไปที่ประตู

ตอนที่ออกไป เขาหันกลับมาแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “เมื่อวานเฉียวเฉียวไปหาฉัน ไม่เจอแกฉันรู้สึกผิดหวังมาก”

ทิ้งคำพูดที่กำกวมนี้ไว้ ซังอวินค่อยเดินจากไป

ซังหลินจวินรู้สึกกับคำพูดของเขา ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจเฉินเฉียว แต่แค่รู้สึก ทำไมเธอไม่บอกเขา กลับแอบไปคนเดียว หรือว่าเธอเป็นห่วงว่าเขาจะทำอะไรซังอวินจริงๆ?

ในใจตีกันวุ่นไปหมด เอกสารตรงหน้าไม่สามารถดึงดูดเขาได้ เขาหยิบซองบุหรี่ออกมาจากลิ้นชัก จ้องไปเนิ่นนาน สุดท้ายก็จุด แล้วเริ่มพ่นควันออกมา

เฉินเฉียวยังไม่รู้ว่าซังหลินจวินรู้แล้วว่าเมื่อวานเธอแอบไปโรงพัก

ตอนนี้เธอกำลังดื่มชากับคนอื่นในห้องทำงาน คนตรงหน้าที่คุ้นเคย จนเธอต้องแอบถอนหายใจ

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset