เหมิ้งเหมิ้งเป็นเด็กดีมาตลอด นานๆทีจะโกรธ ซู้เฉียวเลยง้อเธอ
จนกระทั่งรับปากเธอว่าจะพาไปสวนสาธารณะ เหมิ้งเหมิ้งที่โวยวายอยู่ถึงยอมหันหน้ามา ยิ้มอย่างน่ารัก
ซู้เฉียวถอนหายใจเหมิ้งเหมิ้งดูขี้โวยวายตั้งแต่เด็ก ไม่ได้ว่าได้กรรมพันธุ์ใครมา
เธอไม่ได้คิดอะไรมาก ช่วยเหมิ้งเหมิ้งเก็บของ จูงมือพากันเดินไปที่ป้ายรถเมล์ใกล้ๆ
เพราะว่าเมื่อวานเกิดเรื่องที่น่าอับอาย ครั้งนี้เธอไม่ได้บอกซังอวิ๋นว่าจะไปข้างนอก
สิ่งก่อสร้างในสวนสาธารณะ มีความวิจิตรอย่างยิ่งอาคารต่างๆคดเคี้ยวเป็นรูปคลื่น มองไปไม่มีที่สิ้นสุด
ดวงตาสดใสทั้งสองที่เหมิ้งเหมิ้งมองมานั้นเบิกกว้างและปากของก็เปิดออกเป็นรูปตัว “O”
ซู้เฉียวมองไปที่ท่าทางเหมิ้งเหมิ้งด้วยความขบขันและลูบศีรษะของเธอเบา ๆ จากนั้นดึงเธอไปด้านข้าง
ระหว่างทางมีรูปปั้นสัตว์ที่เหมือนมีชีวิตและปราสาทที่สวยงามทำให้เหมิ้งเหมิ้งไม่กระพริบตา
เนื่องจากซู้เฉียวเลี้ยงเหมิ้งเหมิ้งอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหน
เพียงแค่เธอโตแล้ว เลยไม่ได้แสดงออกนอกหน้าเหมือนลูก
มีเพียงความประหลาดใจที่วูบวาบในดวงตาของเธอเป็นครั้งคราวเท่านั้นที่สามารถบอกได้ว่าหัวใจของเธอไม่ได้หวั่นไหว
ดวงอาทิตย์ของอิตาลีมักจะส่องแสงให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นสำหรับคนที่เคยชินกับความร้อนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ซู้เฉียวสวมชุดเกาะอกสีขาวและผมของเธอถูกตัดให้สั้นแม้ว่าจะยังร้อนอยู่บ้างก็ทนได้
แต่เหมิ้งเหมิ้งปกติอยู่บ้านเธอจะเปิดแอร์ ทำให้ทนต่อสภาพอากาศร้อนไม่ค่อยได้
เหมิ้งเหมิ้งดึงมือแม่ของเธอและดวงตากลมทั้งสองของเธอกะพริบอย่างน่ารักและพูดว่า “แม่ หนูอยากกินไอศกรีม”
เมื่อซู้เฉียวได้ยินดังนั้นเธอจึงมองไปรอบ ๆ และพบว่ามีร้านไอศกรีมเล็ก ๆ อยู่ข้างหน้าเธออุ้มเหมิ้งเหมิ้งในอ้อมแขนของเธอและยิ้มและพูดว่า “ไปสิแม่จะพาไปกินไอศกรีม”
หน้าร้านไอศกรีมมีผู้คนต่อแถวยาวเหยียดเพราะซู้เฉียวอุ้มเด็กไว้หลายคนจึงให้คิวเธอซู้เฉียวขอบคุณพวกเขาเธอรออย่างเงียบ ๆ กับเหมิ้งเหมิ้ง
เมื่อถึงคิวของเธอ ซู้เฉียวก็วางเหมิ้งเหมิ้งลง ควักเงินจ่าย
หลังจากจ่ายเงินแล้วเมื่อได้ไอศครีมมาก็พบว่าเด็กหายไป
ซู้เฉียวตกใจมาก ไม่สนใจไอศครีมทันที ฝ่าฝูงชนออกไปด้านนอก
ฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ มีมาก คนตัวสูงๆเต็มไปหมด เด็กตัวเล็กสองสามขวบหายังไงก็ไม่เจอ
ซู้เฉียวลุกลี้ลุกลนดึงแขนเสื้อของคนรอบข้างและถามว่า “เห็นเด็กที่ยืนอยู่ข้างๆฉันเมื่อกี้นี้ไหม มัดผมสองข้างหน้ากลมๆน่ารักๆ”
ทุกคนโบกมือว่าไม่เห็น
ทันใดนั้นหัวของซู้เฉียวก็วิงเวียนและร่างกายของเธอสั่นสองสามครั้ง
ในขณะนี้เสียงที่คุ้นเคยดังอยู่ในหูของเธออยู่ไม่ไกล
“ พี่คะ หนูขอบอลได้ไหม”เสียงหวานๆใสๆแบบนี้ไม่ใช่เหมิ้งเหมิ้งแล้วจะเป็นใคร
ซู้เฉียวหันหน้าไปทางทิศทางที่เสียงนั้นดังมาเห็นเด็กหนุ่มสวมกางเกงยีนส์ยื่นลูกบอลให้
เมื่อเห็นว่าเด็กไม่ได้หายไปไหน เธอถอนหายใจ
เธอเดินไปยังจุดที่เหมิ้งเหมิ้งยืนอยู่และเมื่อเธอมาถึงก็กอดเหมิ้งเหมิ้งที่หลงทางไว้แน่นทันทีพลางพูดว่า “เหมิ้งเหมิ้ง แม่ตกใจหมดเลยทำไมไม่บอกแม่ว่าจะไปไหน แม่นึกว่าหนูหายไปซะอีก”
ดวงตาของซู้เฉียวเป็นสีแดงดูน่าสงสาร
“เป็นคุณนั้นเอง.”เขามองซู้เฉียวด้วยดวงตาสีแดงเหมือนกระต่ายเขาเลิกคิ้วและมองตรงมาที่เธอ
ซู้เฉียวค้นพบว่าหนุ่มน้อยตรงหน้า เป็นนักเรียนที่เธอสอน
ทันใดนั้นเธอยิ้มและพูดกับเขาว่า: “ขอบใจเธอมากนะ โย่วอีถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ไม่รู้ว่าเหมิ้งเหมิ้งจะเป็นยังไงบ้าง
ดวงตาของซู้เฉียวเต็มไปด้วยความขอบคุณ
ทันใดนั้นใบหน้าของโย่วก็แดงระเรื่อและเขาโบกมือ“ คุณคิดมากไปแล้ว เขามายุ่งกับผมเองต่างหาก”
พูดจบ เขาก็ใช้นิ้วจิ้มแก้มนุ่มๆของเหมิ้งเหมิ้ง
เหมิ้งเหมิ้งคว้านิ้วทันทีและตะโกนว่า “จับได้แล้ว”
ซู้เฉียวยืนอยู่ข้างๆและมองไปที่โย่วอีหน้าแดง
เมื่อทั้งสามพบกันแล้วพวกเขาก็เดินไปตามถนนด้านหลัง
ซู้เฉียวรู้สึกว่าเธอถูกลิขิตให้มาพบเขาที่นี่แน่นอนว่าเธอจะไม่พูดมันออกไป
โย่วอีช่วยเธอดูแลเหมิ้งเหมิ้ง แล้วซู้เฉียวก็ไปซื้อไอศครีมใหม่สองอัน
เพราะอันแรกที่ซื้อมาทำหล่นไปแล้วตอนที่หาเหมิ้งเหมิ้ง
หลังจากที่เหมิ้งเหมิ้งเกือบหายตัว ซู้เฉียวก็อุ้มเธอไว้ในอ้อมกอดแน่น
หลังจากเดินเล่นสบาย ๆแล้วโย่วอีก็แนะนำให้ไปแมคโดนัลด์
ซู้เฉียวไม่ชอบอาหารพวกนี้ที่ไม่ค่อยมีสารอาหาร แต่มองสายตาตรงหน้าเธอ เธอก็ใจอ่อนยอมแพ้
แต่ว่าเธอคาดไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้ไป รถก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
คุณซัง มารับโย่วอีหรอคะ? “ซู้เฉียวปกปิดการเต้นของหัวใจอีกครั้งหลังจากที่ได้พบเขาและถามด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย
ซังหลินจวินมองพวกเขาจากหน้าต่างรถแล้วเปิดประตูที่นั่งข้างๆคนขับ
โย่วอีก็รีบเข้าไปทันที
หลังจากที่เขาเข้าไปเขาก็ไม่ลืมที่จะยื่นศีรษะออกมาและพูดกับซู้เฉียว: “ครูซู้รีบขึ้นรถเถอะครับ นานๆทีพ่อผมจะไปส่ง”
ซู้เฉียวต้องการที่จะปฏิเสธ แต่เมื่อเขาเห็นแววตาเย็นชาเหล่านั้นก็ไม่มีคำพูดอะไรออกมา
ตามพวกเขาไปจนถึงร้านแมคโดนัลด์ที่อยู่ใกล้เคียงด้วยความวิตกกังวล
เมื่อเขาลงจากรถซังหลินจวินก็ขมวดคิ้วไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดและถามว่า “ทำไมถึงกินร้านนี้?”
ถ้าไม่ตั้งใจมองสีหน้าของเขา คงจะคิดว่าเขารังเกียจร้านนี้
โย่วอีนั่งรถและหัวเราะ: “พ่อครับ ผมอยากกินร้านนี้ ผมไม่ได้กินแมคโดนัลด์มาตั้งนานแล้ว”
ทันใดนั้นซังหลินจวินก็ละสายตาจากเขาและพูด: “ที่บ้านมีของอร่อยๆตั้งเยอะ ไม่จำเป็นต้องมากินของพวกนี้หรอก”
จากนั้นเขาก็มองไปที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่หลับไปแล้วในอ้อมแขนของซู้เฉียวที่เบาะหลังเขาไม่ค่อยได้พูดกับซู้เฉียว: “คุณซู้ เรื่องบางอย่างก็ตามใจไม่ได้นะครับ ของในร้านแมคโดนัลด์ไม่ได้สะอาด ไม่มีสารอาหารด้วย ให้เด็กกินแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ “