ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 247 ความสัมพันธ์ที่ทำตัวไม่ถูก

ซูเฉียวหน้าแดงและพูดด้วยความละอาย: “ฉันรู้ค่ะ แต่ปฏิเสธยาก”

เธอพูดประโยคถัดไปอย่างเบา ๆ แต่ซังหลินจวินยังคงได้ยินมัน

เขาส่ายหัว และไม่พูดไปมากกว่านี้

แต่จุดหมายปลายทางสุดท้ายก็เปลี่ยน

เฉินเฉียวอุ้มเหมิ้งเหมิ้งและโย่วอีเดินไปในร้านอาหารตะวันตกที่หรูหราทั้งสองคนไม่พูดอะไรสักคำ เหมิ้งเหมิ้งยังไม่ตื่นตอนกำลังจะสั่งอาหารซังหลินจวินก็โผล่มาและนั่งข้างๆโย่วอี

เขายื่นมือออกไปเพื่อหยิบเมนูสายตาของเขามองไปที่ซูเฉียวที่กำลังนั่งตัวแข็งแล้วถามว่า “คุณอยากกินอะไร”

ซูเฉียวพูดไม่ออกเธออยากพูดว่าเพราะเธอทำอาหารที่บ้านมาตลอดและเธอไม่เคยไปร้านอาหารตะวันตกแบบนี้

“ ฉันสั่งแบบเดียวกับคุณซังได้ไหม”เพื่อรักษาหน้า ซูเฉียวหน้าแดงและถามความเห็นอย่างสุภาพ

ซังหลินจวินพยักหน้า

จากนั้นเขาก็พูดภาษาฝรั่งเศส ซูเฉียวที่นั่งอยู่ด้านงงงวย

ฟังไม่เข้าใจเลย ทำยังไงดี

ซูเฉียวในตอนนี้ยังโชคดี ที่นายจ้างเธอเป็นคนจีน ถ้าเป็นคนฝรั่งเศส ก็จะเหมือนสีซอให้ควายฟัง

ในช่วงเวลาที่รับประทานอาหารซูเฉียวพบว่าเขาสั่งสปาเก็ตตี้ซอสสีเหลืองรสชาตินุ่มและอร่อย

เนื่องจากเธอยังต้องดูแลเหมิ้งเหมิ้ง เฉินเฉียวป้อนเหมิ้งเหมิ้งหนึ่งคำและกินเองหนึ่งคำ

โย่วอีที่นั่งข้างอยากป้อนบ้าง เลยยื่นซ่อมม้วนสปาเก็ตตี้แล้วป้อนเหมิ้งเหมิ้ง

เหมิ้งเหมิ้งเคยชินกับการถูกป้อนอาหารและไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงดังนั้นเธอจึงกัดและสำลัก

“ แค่ก แค่ก … ”เหมิ้งเหมิ้งปิดปากของเธอใบหน้าของเธอแดง

ซูเฉียวลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างกระวนกระวายตบหลังของเธอและดูว่ามีน้ำอยู่ไหม

ในเวลานี้แก้วแก้วหนึ่งถูกยื่นมาจากด้านข้าง

ซูเฉียวมองไปเห็นคนรูปหล่อนั้นถืแก้วและยื่นให้เธอ

ซูเฉียวกล่าวขอบคุณและรีบเอาน้ำไปให้เหมิ้งเหมิ้งดื่ม

ใบหน้าของโย่วอีผู้ที่ไม่ได้ตั้งใจทำสิ่งเลวร้ายนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นมัวเขามองไปที่เหมิ้งเหมิ้งที่ไอหน้าแดงด้วยความรู้สึกผิดและกล่าวขอโทษ: “ครูซู้ผมขอโทษผมไม่ควรป้อนเหมิ้งเหมิ้ง. ”

แน่นอนว่าซูเฉียวรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่เธอรู้สึกไม่สบายใจมากเมื่อมองไปที่ท่าทางของลูกสาว

เลี้ยงมาตั้งหลายปีแล้ว เป็นครั้งแรกที่เห็นเหมิ้งเหมิ้งแย่ ถึงแม้ซูเฉียวจะมีความรู้สึกดีๆให้โย่วอี แต่ก็ยังคงพูดเตือนเขา :“โย่วอี วันหลังป้อนของเด็กต้องป้อนคำเล็กๆนะ คำใหญ่เกินไปจะกลืนไม่ลง”

แต่เธอก็ไม่ได้พูดตำหนิอะไร

ครับผมโย่วอีพยักหน้า

หลังจากเหตุการณ์นี้พวกเขาไม่สามารถกินได้อีกต่อไป

ซังหลินจวินไม่สามารถปฏิเสธที่จะส่งซูเฉียวและเหมิ้งเหมิ้งกลับบ้านได้และหลังจากที่เห็นพวกเธอเข้าไปในบ้านพวกเขาก็กลับไปที่บ้านของตัวเอง

หลังจากกลับบ้าน โย่วอีไม่ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นแบบปกติ

แต่เขากำลังหาข้อมูลบางอย่างที่คอมพิวเตอร์

ซังหลินจวินเดินไปอย่างเงียบ ๆ

ปรากฎว่าโย่วอีกำลังเสิร์ช “วิธีเลี้ยงลูกวัยสามขวบอย่างถูกต้อง”

เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้เห็นโย่วอีสนใจคนอื่น

โย่วอีดูข้อมูลหลายๆเว็บ แอบดีใจที่ได้เรียนรู้หลายอย่าง ครั้งต่อไปจะได้ไม่ทำผิดอีก หันหน้ามาเห็นคนอยู่ข้างหลัง เขาตกใจ

“พ่อ ทำไมมายืนเงียบๆอยู่ข้างหลัง ผมตกใจหมด”

ซังหลินจวินเพียงแค่กระพริบตาจากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเขา

“โย่วอี จำสิ่งที่เมื่อวานลูกพูดได้ไหม”

“ประโยคไหน”โย่วอีรู้สึกว่าเมื่อวานเขาพูดเยอะมากๆ ไม่รู้จริงๆว่าพ่อหมายถึงประโยคไหน

“ ความคล้ายของซูเฉียวกับเธอ …ลูกไม่คิดว่ากำลังสนใจซูเฉียวมากเกินไปไหม? ”

เมื่อได้ยินพ่อเขาพูด โย่วอีก็ตะลึงไปพักหนึ่ง แล้วคิดพิจารณาพบว่าเขาสนใจซูเฉียวมากไปจริงๆ

เห็นได้ชัดว่าอยากจะควบคุมความรู้สึกๆดีๆไม่ให้ล้ำเส้น

ทันใดนั้นเขาพูดว่า: “ผมรู้แล้วครับ วันหลังผมจะห่างๆจากเธอ”

ซังหลินจวินแตะหัวโย่วอี: “ลูกก็คิดถึงเธอเหมือนกันใช่ไหม”

ดวงตาของเขาหรี่ลงอีกครั้งและเขาไม่เชื่อว่าเสี่ยวเฉียวได้จากไปแล้วจนถึงตอนนี้เขาพยักหน้าและพูดว่า “พ่อครับ เมื่อวานเป็นวันเกิดพี่เฉียว แต่ผมให้ของขวัญเธอไม่ได้อีกแล้ว”

โย่วอีพูดเสียงเริ่มสั่น เขาคิดถึงเสี่ยวเฉียวจริงๆ

ซังหลินจวินไม่ได้พูดอะไร

ในวันหยุดสุดสัปดาห์ตอนเช้าซังอวิ๋นมาที่บ้านของเฉินเฉียวหยิบใบส่งให้ เฉินเฉียว

นี่อะไรน่ะซูเฉียวหยิบใบขึ้นมาและดูด้วยความงงงวยเมื่อเขาพบว่าแท้จริงแล้วมันคือบิลประมูลและเขาได้เงินจำนวนสูงมากสำหรับภาพวาดที่เขาประมูลให้เธอ

“ แน่ใจนะว่าไม่ได้ผิด? ภาพวาดของฉันขายได้ราคาสูงขนาดนี้ได้อย่างไร “ซูเฉียวนับเลขด้านบนอย่างเงียบ ๆ

ปรากฎว่ามีเลขศูนย์มากถึงหกตัวซึ่งน่าตกใจมาก

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นเงินมากมาย แต่เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเงินจำนวนมากขนาดนี้คือเงินที่เธอขายภาพวาด

ซังอวิ๋นพยักหน้ายืนยันกับเธอ: “นี่เป็นภาพวาดที่คุณให้ผมครั้งที่แล้วผมจัดการเองกับมือ ไม่ผิดแน่ ถึงคุณจะวาดภาพได้ไม่นาน แต่คุณมีพรสวรรค์มาก วาดออกมาสมจริง เลยได้ราคาสูงแบบนี้ ”

เขายังคงพูดเรื่องวาดภาพ ไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อสองสามวันก่อน เหมือนกับว่าเขาลืมมันไปแล้ว

ซูเฉียวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ซังอวิ๋นหยิบบัตรธนาคารออกจากกระเป๋าและยัดใส่มือของเธอ: “นี่คือเงินสำหรับภาพวาดนั้นคุณเก็บไว้เถอะ”

แม้ว่าซูเฉียวจะมีความสุขที่เธอได้เงินก้อนใหญ่ แต่เธอก็รู้ไม่สบายใจเล็กน้อยเพราะเธอได้รับมันง่ายเกินไป

“คุณเอาส่วนแบ่งไปหรือยัง ถ้ายังเดี๋ยวฉันโอนให้นะ”ซูเฉียวไม่อยากให้เขาไม่ได้อะไรเลย เธอหยิบโทรศัพท์จะโอนให้เขา

ซางหยุนจับมือเธอแล้วเขาก็พูดว่า “ระหว่างเรา ต้องคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้นเลยหรอ”

“พี่น้องแท้ๆยังต้องคิดเลยนะ”ซูเฉียวดึงมือออกและพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ

คำพูดของเธอมาถึงจุดนี้แล้วและซังอวิ๋นก็ไม่ได้บังคับเธอ เพียงพูดแค่ว่าเอาเข้าบัญชีตั้งนานแล้ว แล้วเขาก็กลับบ้านด้วยเหตุผลที่ว่ามีธุระที่บ้าน

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset