ตั้งแต่นั้นมาความสัมพันธ์ระหว่างซังอวิ๋นและซูเฉียวก็อึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
เธอยังไม่ได้ให้คำตอบที่แน่นอนกับเขาและเขาก็ไม่ได้เร่งเร้าเธอ
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนหลังเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น เกรงว่าความสัมพันธ์ของเธอจะหยุดแค่นั้น
ซังอวิ๋นเปิด บริษัท ในอิตาลีที่เน้นด้านอิเล็กทรอนิกส์
คมนาคม และเกมเป็นองค์ประกอบหลัก
ตัวละครในเกมได้รับการสนใจเป็นที่กว้างขวางในโลก ด้วยภาพที่สวยงามและเป็นธรรมชาติทำให้เป็นแอปเกมบนมือถือที่คนส่วนใหญ่เล่น
เป็นเกมที่โย่วอีเล่นครั้งที่แล้ว เกมนี้มีการโต้ไปมากับ NPC มีความเป็นธรรมชาติเหมือนมนุษย์กล่าวได้ว่าตราบใดที่เล่นจะถอนตัวไม่ได้เลย
เกมที่พัฒนาโดยซังอวิ๋น กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และมี บริษัท จำนวนนับไม่ถ้วนที่ต้องการลงทุนในเกมนี้
ด้วยเหตุนี้ บริษัท ของซังอวิ๋นจึงจัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่งานเลี้ยงต้อนรับนี้ไม่ได้ดีไปกว่า แต่ก่อนและมีผลอย่างมากต่อการพัฒนาเกมในขั้นต่อไป
ไหนๆเขาตัดสินใจแล้ว ก็ต้องพาผู้หญิงไปด้วย ตอนที่เขาเอ่ยปากชวนเธอ เฉินเฉียวขมวดคิ้วคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วตอบตกลง
หลังจากตกลงกันแล้ว ก็ไม่รู้ว่าใครจะดูแลเหมิ้งเหมิ้ง
เมื่อเห็นเช่นนี้ซังอวิ๋นจึงได้หาพี่เลี้ยงเด็กชั่วคราวมาให้
แม้ว่าซูเฉียวจะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ซังอวิ๋นก็แทบไม่ได้ขออะไรจากเธอเลยคราวนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้
เมื่อมาถึงงานเลี้ยงต้อนรับผู้คนจำนวนมากก็มาถึงแล้ว
ผู้หญิงที่แต่งกายดูชุดต่างๆกับสุภาพบุรุษเดินชนแก้วกันและกัน พลางพูดคุยกันในงาน
ซูเฉียวมองดูบรรยากาศแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ซังอวิ๋นซึ่งยืนอยู่เคียงข้างเธอและเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเธอตลอดพร้อมถอนหายใจ ทำไมคน ๆ หนึ่งถึงเปลี่ยนไปมากได้ขนาดนี้หลังจากสูญเสียความทรงจำ
ก่อนที่เขาจะปรากฎที่เป่ยเฉิงเขาก็รู้ด้วยว่าเธอเป็นคนที่มีความมั่นใจและสามารถใช้ชีวิตได้ในทุกสภาพแวดล้อม
ตอนนี้เธอรู้สึกประหม่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าและเธอก็แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก
สำหรับเรื่องนี้เขาทั้งดีใจและผิดหวัง
เขาคิดว่าถึงแม้ว่าคน ๆ นั้นจะปรากฏตัวขึ้น แต่เขาก็อาจจะจำไม่ได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเฉินเฉียวคนเดิม
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ในงานมีคนสังเกตเห็นเขาแล้วและมีผู้ชายหลายคนเข้ามาพชนแก้วและพูดคุยกับเขา
ซังอวิ๋นมองเฉินเฉียวอย่างไม่เป็นสุขแลแตะมือเธอแล้วพูดว่า “เฉียวเฉียวคุณออกไปเดินหน่อยนะ ผมมีธุระนิดหน่อย เดี๋ยวผมมา”
เมื่อซูเฉียวได้ยินดังนั้นเธอก็พยักหน้า
หลังจากออกจากบรรยากาศแบบนั้นอารมณ์ของซูเฉียวก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นมากเมื่อเห็นซังอวิ๋นยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนซูเฉียวถอนหายใจ: “เขาเป็นคนที่เจิดจรัสจริงๆ”
“ คุณครูซู้ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี้ด้วยล่ะทันใดนั้นอีกคนหนึ่งในชุดสูทตัวเล็กก็ปรากฏตัวต่อหน้าซูเฉียว
เธอมองโย่วอีในชุดสูทตัวเล็กซูเฉียวก็ยิ้มและกล่าวว่า “ฉันมากับเพื่อนคนหนึ่ง”
“ เพื่อนหรอแฟนใช่ไหม?”โย่วอีจงใจถาม
แต่เขารู้ดี ซูเฉียวไม่มีสามี หรือว่าอาจจะมีแฟนที่แอบซ่อนอยู่?
โย่วอีคิดไปต่างๆนานา ซูเฉียวเห็นแล้วรีบส่ายหัว “เป็นแค่เพื่อน แล้วทำไมไม่มากับพ่อหนูล่ะมาที่นี่คนเดียวหรอ”
“ มาคนเดียวก็ดีสิครับ คุณครูซู คุณรู้ไหมพ่อผมแย่มาก ตอนมาที่นี้ยังขู่ผมอีก ถ้าไม่เดินตามเขาดีๆ เข้าจะไม่ให้ผมมาอีก แย่จริงๆ “สีหน้าโย่วอีแสดงถึงความรู้สึกแปลกมาก
“ งั้นคุณมาอยู่คนเดียวตรงนี้ ไม่กลัวพ่อคุณหรอ”ซูเฉียวกลั้นรอยยิ้มไว้ในใจและพูดอย่างจงใจ
โย่วอีหัวเราะมองไปรอบ ๆ และเมื่อพบว่าไม่มีคนแปลกหน้าเขาพูดว่า“ วันนี้พ่อผมท้องเสีย ตอนนี้อยู่ในห้องน้ำ ไม่งั้นผมไม่กล้าออกมาเดินเล่นหรอก ”
เมื่อได้ยินว่าซังหลินจวินอยู่ในห้องน้ำซูเฉียวไม่สามารถจินตนาการถึงฉากนั้นได้ อาจเป็นเพราะเขาติดอยู่ในใจเธอ
ตอนนี้อยู่ๆก็ได้ยิน กลับรู้สึกว่าเขาแบบนี้เปลี่ยนไปมากๆจริงๆ
ซูเฉียวกับโย่วอีเจอกันแล้วเขาก็อยู่ด้วยกัน
คนอื่น ๆ กำลังทักทายกันและกันแต่พวกเขากลับหาของกินไปทั่ว
เมื่อซังหลินจวินออกมาจากห้องน้ำเห็นเขาสองคนกินใหญ่เลย
ร่องรอยของความประหลาดใจและความไม่เชื่อฉายอยู่ในดวงตาของเขา
เพราะเมื่อซูเฉียวและโย่วอีกำลังทำสิ่งเดียวกันเขาก็เห็นเงาของเฉินเฉียวบนร่างของซูเฉียวในขณะนั้น
เขาแทบอยากจะเดินไปกอดเธอ แต่ความคิดนี้ก็ถูกหยุดลง
เนื่องจากใบหน้านั้นแตกต่างจาก เฉินเฉียวอย่างสิ้นเชิงทำให้เขาตระหนักได้ว่าไม่ใช่คนเดียวกัน ทั้งหมดเขากำลังฝันไป
เพราะเมื่อนึกถึงเฉินเฉียวซังหลินจวินที่มาเปิดตลาดครั้งแรกไม่ได้อยากจะอยู่นาน เขาเดินไปทางโย่วอี พูดกับเขาตอนกำลังจะกลับ
ทันใดนั้นร่างที่ไม่เคยเห็นมานานก็ก้าวเข้ามาโอบเอวของซูเฉียวไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและยิ้มพลางพูดกับเขาว่า: “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ประธานซัง”
ซังหลินจวินถอดหายใจ หรี่ตาลง มองที่ที่ตำแหน่งที่เขาโอบมือ
จู่ๆเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้
สายตาที่แผดเผาโดนร่างของซังอวิ๋นบังไว้
แต่เมื่อซังหลินจวินเข้าใกล้เฉินเฉียว เขาไม่สามารถระงับความตื่นตระหนกไว้ได้ เขากลัวจะเสียเธอไปเลยไปยืนขวางตรงหน้าเขา
เมื่อมองไปที่ดวงตาที่แผดเผาของซังหลินจวินในตอนนี้เขาก็เข้าใจเขากลัวว่าจะคิดออก
ในใจกังวลสุดๆ
เฉินเฉียวยืนอยู่ด้านหลัง ซังอวิ๋นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เพียงครู่หนึ่งอาอวิ๋นก็วิ่งมาแล้วยังทำลับๆล่อๆอีก
ซูเฉียวรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยมือของเธอต่อต้าน รู้สึกว่าอาอวิ๋นโอบเอวเธอแน่นเกินไป: “อาอวิ๋นคุณปล่อยได้ไหม? ฉันเจ็บมือมาก”
เมื่อได้ยินเฉินเฉียวพูดแบบนี้ ซังอวิ๋นก็ปล่อยมือเธอ หลายปีมานี้เขาชินกับการดูแลเธอแล้ว ได้ยินเสียงเธอเจ็บแบบนี้ ในใจก็รู้สึกผิดมาก: “เฉียวเฉียวผมผิดเองที่ จับแรงไป”
มองแล้ว ซางอวิ๋นก้มหน้าเหมือนหมาที่โดนเจ้าของทิ้ง เฉินเฉียวไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับเขาดี