ซังโย่วอีถอนหายใจโล่งอก พูดไปมือก็โทรออก
โทรศัพท์ดังอยู่นานสุดท้ายก็มีคนรับ
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ใครคะ”
“พี่เฉียว ผมเอง”ซังโย่วอีร่าเริงขึ้นมาทันที
อีกด้าน เฉินเฉียวยืนอยู่ในคืนอันเงียบเหงา มองทะเลที่อยู่ใกล้ๆอย่างเหงาๆ ได้ยินเสียงเด็กน้อย ความรู้สึกเธอก็ผ่อนคลายลง
“มีเบอร์ฉันได้ยังไง”
ฮิฮิ ยายผมให้มา ยายเก่งมากเลย ไม่ว่าเรื่องอะไรของน้าเธอรู้หมด”
อ๊ะ.
สืบแล้วก็ดี
อย่างน้อยก็รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว จะได้ไม่เข้าใจผิดเรื่องเธอกับลูกชายอีก
“ ดึกขนาดนี้โทรมา มีอะไรหรือเปล่า”
“ ต้องมีธุระถึงจะโทรหาได้หรอ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? กินข้าวอิ่มไหม “ซังโย่วอีถาม
เฉินเฉียวเอาโทรศัพท์ออกจากหู ยื่นออกไปตรงทะเล “ได้ยินเสียงทะเลไหม ฉันอยู่ริมทะเล ”
เด็กน้อยตื่นเต้นทันที “มาบ้านผมไหม”
ซังหลินจวินดูเหมือนจะตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเด็กน้อยเขาก็เงยหน้าและหยิบโทรศัพท์ไป
ตอนที่ซังโย่วอีขมวดคิ้ว เขาเอาโทรศัพท์วางบนโต๊ะแล้วเปิดลำโพง
จากนั้นเสียงหวานๆของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังมาจากโทรศัพท์“ ฉันไม่ได้ไปบ้านหนูนะ แต่อยู่ที่เขตป้านซานเหมือนกัน จริงๆอยากจะไปตากลมทะเล แต่รถเสียกลางทางซะก่อน ตอนนี้อยู่ข้างถนนรอเพื่อนมารับ ”
ซังหลินจวินขมวดคิ้ว
ซังโย่วอีขมวดคิ้ว“พี่เฉียว มาบ้านผมเถอะ เดี๋ยวผมกับพ่อไปรับ” ครูบอกว่าข้างนอกมีคนไม่ดีเยอะ เป็นผู้หญิงดึกๆดื่นๆอยู่ข้างนอกคนเดียวไม่ได้นะ ”
เฉินเฉียวยิ้ม
รอยยิ้มที่รู้ใจ
ความรู้สึกที่ได้รับการดูแล รู้สึกดีแบบนี้นิเอง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นแค่เด็กก็เถอะ
“ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่กลัว นอกจากนี้ฉันก็ไปบ้านหนูไม่ได้ ”
ทำไมครับ น้าเคยมาบ้านผมแล้วนิ ”
ไม่มีอะไรหรอก ไปไม่ได้ก็คือไปไม่ได้ “เฉินเฉียวไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เด็กเข้าใจได้อย่างไรกับคำว่าไม่เหมาะสม
เด็กน้อยง้างปากและมองผู้ชายข้างๆ“ พี่เฉียว ที่มาไม่ได้เพราะพ่อของผมใช่ไหม คุณน้าไม่ชอบพ่อผมขนาดนั้นเลยหรอ ”
เหตุผลนี้เด็กน่าจะเข้าใจง่ายกว่าละมั้ง ดังนั้นเฉินเฉียวจึงกล่าวว่า: “อาจจะใช่”
เด็กน้อยถอนหายใจ “พ่อครับดูเหมือนพี่เฉียวจะไม่ชอบพ่อจริงๆ”
อีกฝ่าย เฉินเฉียวถึงกับผงะ
“ พ่อของหนูอยู่ด้วยหรอ”
แค่นี้คราวนี้มีเพียงสองคำตอบกลับเธอ
น้ำเสียงของชายคนนั้นเย็นชา
ก่อนที่ เฉินเฉียวจะรู้สึกตัวโทรศัพท์ก็ถูกวางสายในพริบตา หลังจากนั้นเสียงที่มาจากโทรศัพท์คือเสียง ‘ตู๊ดตู๊ด’
เอ่อ
ตอนนี้เรื่องที่นัดเขากินข้าวยิ่งเป็นไปไม่ได้ เฉินเฉียวรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
————
“ พ่อ อย่าโกรธสิพี่เฉียวเธอไม่รู้เรื่อง”ซังหลินจวินเดินออกมาขาข้างหนึ่งถูกเด็กน้อยกอดเอาไว้
“กลับไปนั่งเขียนการบ้านดีๆ”
“ ไปรับพี่เฉียวเถอะ ได้ไหม พี่เฉียวอยู่คนเดียวข้างนอกอันตรายมาก “เด็กน้อยขอร้อง
“ไม่ไป”
“พ่อ!
ไม่ต้องพูดน้ำเสียงของเขาเด็ดขาดมาก
ซังโย่วอีนั่งเศร้าบนพื้น
คนบางคนขี้เกียจจะสนใจ เปิดเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ
ไม่ทันที่ซังโย่วอีจะลุกขึ้นตามเข้าไป ประตูก็ถูกปิด
!!
เป็นพ่อที่ไร้ความรู้สึกจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่พี่เฉียวไม่ชอบเขา!
ในห้องหนังสือ
ซังหลินจวินยืนอยู่ที่หน้าต่างมองไปในระยะไกล
หยิบโทรศัพท์และกดหมายเลข
“คนขับ ขับรถมานี้หน่อย ระหว่างทางถ้าเจอคุณเฉินที่มาที่นี้ครั้งที่แล้ว ถามเธอว่าจะไปไหน แล้วไปส่งเธอด้วย “ซังหลินจวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างจำใจ: “ไม่ต้องบอกว่าฉันสั่ง”
————
ซังหลินจวินกำลังอ่านเอกสารในห้อง
ในบางครั้งเขาเงยหน้ามองนาฬิกา
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วหลังจากโทรศัพท์
เขาเหลือบมองโทรศัพท์อีกครั้ง
ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็สั่น
เขารับแล้ว
“นายครับ คุณเฉินถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว”
อืม ขอบใจ
“นี้แค่เรื่องส่วนหนึ่งครับ แต่ว่า วันนี้คุณเฉินดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี ถ้าดูไม่ผิดเหมือนโดนตบมา ลายนิ้วมือห้านิ้วบนใบหน้าชัดมาก ”
ซังหลินจวินเงียบเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดว่า: “ฉันรู้แล้ว รีบพักผ่อนเถอะ”
ยัยซื่อบื้อ ปกติดูดื้อรั้นแล้วจริงๆแล้วปกป้องตัวเองไม่ได้ ปล่อยให้คนอื่นมารังแก
ในคืนนั้น.
เฉินเฉียวเก็บของใส่กระเป๋าเดินทาง ย้ายไปที่บริษัท เริ่มหาที่อยู่ใหม่ทางอินเตอร์เน็ต
วันรุ่งขึ้น
หลี่ชิงถอนหายใจเมื่อเห็นรอยบนใบหน้าของเธอ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
เพียงยื่นสิ่งที่อยู่ในมือเธอให้เธอ “ผู้อำนวยการคะ นี่พัสดุค่ะ”
แพคเกจขนาดเล็กมาก
เฉินเฉียวแกะออกและข้างในมีหลอดยาทาหล่นออกมา
หลี่ชิงหยิบมันขึ้นมาและส่งให้เธอ เฉินเฉียวมองเข้าไปใกล้ ๆ แล้วก็ตะลึง ครีมนี้มีไว้เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดตอนนี้เธอต้องใช้มันบนหน้า
แต่ว่าใครส่งมากันนะ
เมื่อวานมีไม่กี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นของคนพวกนั้น เริ่นหมิงเซวียน, โหยวจิ้งหลี และ ปู้ฮวานเหยียน ต่างก็อยากให้อาการบาดเจ็บของเธอแย่ลงส่วนท่านประธาน …
เขาคงไม่ถึงกับต้องใช้วิธีนี้
“ มีชื่อผู้ส่งไหม”เฉินเฉียวถาม
ไม่มีค่ะ ไม่มีแม้แต่เบอร์โทร รู้แค่ว่าเป็นพัสดุแบบด่วนพิเศษ “หลี่ชิงตอบ คิดอยู่พักหนึ่ง ก็ถามว่า “ผู้อำนวยการคะ เป็นไปได้ไหมว่าประธานปู้เป็นคนส่งมา”
เมื่อนึกถึงชายคนนั้นเฉินเฉียวก็ขมวดคิ้ว
เขายิ่งเป็นไปไม่ได้
ในหัวเธอก็มีร่างปรากฏขึ้นโดยไม่มีเหตุผล ความคิดนั้นแวบขึ้นมา แม้แต่เธอเองก็ตะลึง
ฟุ้งซ่านอะไร
ที่จริงเธอคิดว่าอาจจะเป็นซังหลินจวินส่งมาให้
เขาออกจะยุ่งมากขนาดนั้น มีกระจิตกระใจมาทำเรื่องน่าเบื่อแบบนี้ที่ไหนกัน ถึงแม้ว่าแค่คิด แต่ความคิดนี้ไม่ได้อยู่กับเธอ
“ มันเป็นเรื่องลึกลับ”เฉินเฉียวพูดเบาๆและโยนยาลงในลิ้นชักโดยไม่คิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป
ในช่วงบ่ายหลังการประชุมเธอเดินผ่านปู้อี้เฉินในห้องประชุม เฉินเฉียวทำเป็นไม่เห็นเขา แต่ตอนสวนกันโดนเขารั้งข้อมือไว้
ปล่อยนะเฉินเฉียวลดเสียงลงและเงยหน้ามองเพื่อนร่วมงานที่เดินออกไปทีละคน
ปู้อี้เฉินไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องการรั้งเธอไว้ แต่เมื่อเขาเห็นบาดแผลบนใบหน้าของเธอหัวใจของเขาก็เต้นแรงด้วยความสงสารอย่างไม่มีเหตุผล
ผิวของเธอขาวเนียน
รอยตบบนหน้าเธอนั้น ดูแล้วปวดใจ การตบแม่ของเขานั้น ไม่ได้เบาไปกว่าที่เขาตบเธอครั้งนั้นเลย
“ทายาหรือยัง”เขาถามอย่างไม่สบายใจเล็กน้อย ฝืนใจพูดออกมา
เฉินเฉียวเงยหน้าขึ้นมองเขา
ยานั่น ที่แท้ปู้อี้เฉินเป็นคนให้จริงๆด้วย
ก่อนหน้านี้เธอเคยเชื่อมโยงเรื่องยากับซังหลินจวินอย่างไม่มีเหตุผลซึ่งเป็นเรื่องตลกจริงๆ
เฉินเฉียวดึงมือออกโดยไม่เต็มใจที่จะยอมรับความสงสารจากเขา “ฉันซื้อยาเองได้”
คำพูดเย็นชาไม่กี่คำ ทำให้ความเป็นห่วงของปู้อี้เฉินกลายเรื่องที่น่าขำ