ถึงแม้จะมาคิดถึงตอนนี้ ซังหลินจวินก็รู้สึกว่ามันน่ารำคาญ
ยิ่งคนในครอบครัวเยอะ สถานการณ์ก็ยิ่งซับซ้อน โดยเฉพาะญาติๆ
สำหรับความกลัวของเฉียวอวี้หมิ่นในตอนแรก ซังหลินจวินเห็นกับตา
จะปฏิเสธไม่ได้ว่า ถึงแม้เธอจะไม่เหมาะสมที่จะเป็นแม่ แต่ความอ่อนโยนเธอก็ไม่ขาด
จึงไม่น่าแปลกใจ
ขนาดพ่อที่แสนจะใจร้ายยังตกหลุมรักเธอ
งานเลี้ยงในปีนี้จัดขึ้นเพื่อบอกสถานะของเฉินเฉียวต่อหน้าคนในตระกูลซังได้รับรู้ เลยทำแบบลวกๆไม่ได้
แม้ว่าภรรยาของเขาจะไม่มีคุณสมบัติที่จะออกความเห็น แต่ซังหลินจวินก็ไม่อยากให้เฉินเฉียวน้อยใจตอนใช้ชีวิตในตระกูลซัง
ดังนั้นในครั้งนี้จึงมีจุดอ่อนขนาดใหญ่ ซังหลินจวินพูดความกังวลในใจของเขาออกมาไม่ได้
รู้สึกขอบคุณเฉียวอวี้หมิ่น
ซังหลินจวินพูดคุยกับเฉินเฉียวอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับการพัวพันของตระกูลซังและก็เรื่องงานเลี้ยงอีก เห็นสายตาเฉินเฉียวตะลึงดูเหมือนจะสับสน
กำลังจะถามเธอพอดีว่าเข้าใจหรือไม่
ก็ได้ยินเฉินเฉียวพูดว่า: “ซังหลินจวินครอบครัวของคุณซับซ้อนมาก ฉันฟังแล้วขนลุก ถ้าครั้งนี้ฉันจัดงานได้ดี คุณจะให้รางวัลอะไรฉัน”
เฉินเฉียวยิ้มเล็กน้อยในดวงตาของเธอราวกับดวงดาวที่ส่องแสงและมีเสน่ห์
ซังหลินจวินวางการ์ดบนโต๊ะหัวเตียงจากนั้นยื่นมือกอดเธอไว้แล้วพูดว่า “รางวัลที่ดีที่สุดอยู่ในใจคุณ เฉียวเฉียวถ้าคุณอยากได้อะไร ขอแค่พูดออกมาผมจะให้คุณ แม้กระทั่งชีวิตของผมก็ตาม ”
เมื่อเฉินเฉียวถูกเขากอดก็พยายามดิ้นโดยไม่รู้ตัวและเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยก็ซบในอ้อมแขนของเขาอย่างผ่อนคลาย
เมื่อฟังครึ่งแรกของประโยคเธอมีอารมณ์ซึ้งอยู่ในใจและพอถึงครึ่งหลังของประโยคทำให้ เฉินเฉียว พูดไม่ออก
เฉินเฉียวยื่นมือออกไปผลักใบหน้าที่โน้มเข้ามาใกล้ เฉินเฉียวปฏิเสธด้วยสีหน้าเรียบเฉย: “วันนี้ดึกแล้วรีบไปพักผ่อนตั้งแต่พรุ่งนี้ฉันจะไปเตรียมสำหรับงานเลี้ยงประจำปี คุณห้ามรบกวนฉันนะ ”
หลังจากพูดเฉินเฉียวก็หลับตาและหลับไป
ดวงตาของซังหลินจวินมืดลงชั่วขณะ แต่ทนไม่ได้ที่จะปล่อยเธอไปเขาจึงกอดเธอไว้แน่นและเข้านอน
แม้ว่าเฉินเฉียวจะหลับตา แต่เธอก็ไม่ได้หลับไปจริงๆ
ความคิดของ เฉินเฉียว นั้นหนักหน่วงมาโดยตลอดและสิ่งที่ หลินจวิน พูดกับเธอในวันนี้ ไม่เก็บมาใส่ใจไม่ได้เลย เฉินเฉียวทำเป็นไม่สนใจเพราะว่าไม่อยากให้เขามารบกวนเธอ
เมื่อนึกถึงการ์ดที่ได้รับในวันนี้โดยคิดถึงท่าทางของท่านซังที่มีต่อเธอและของสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับงานเลี้ยงประจำปี เฉินเฉียวไม่คิดว่าท่านซังจะมอบการ์ดใบนี้ให้เธอ
เมื่อนึกถึงผู้หญิงที่จากไปเธอไม่รู้ว่าทำไม ความรู้สึกของเฉินเฉียวบอกเธอว่า เธอต่างหากที่เป็นคนให้การ์ดนั้น
แต่ทำไมเธอถึงให้การ์ดใบนี้กับเป็นไปได้ไหมว่าหัวอกเดียวกันทำให้เกิดความรู้สึกใกล้ชิด
เป็นไปไม่ได้คน ๆ นั้นไม่เหมือนคนประเภทนี้
เฉินเฉียวนอนด้วยความสงสัย
อาจมีความสับสนในจิตใจของเธอมากเกินไปในการนอนหลับของเธอเฉินเฉียวไม่ได้หลับสบายนอนขมวดคิ้วตลอด
เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นซังหลินจวินก็ยังคงกอดเธอไว้แน่นก่อนที่เธอจะตื่น เฉินเฉียว ได้ลืมตาขึ้นแล้ว แต่ในใจของเธอมันฉายภาพในฝันซ้ำๆเป็นเหมือนฉากหนึ่งอยู่ห่างไกล
เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กำลังวิ่งไล่ตามร่างที่เรียวและอ่อนโยน แต่ในที่สุดร่างของผู้หญิงคนนั้นก็ห่างออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในเวลาเดียวกัน ภาพของคุณผู้หญิงเมื่อวานที่หันตัว ก็ผุดขึ้นมา
เฉินเฉียวไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือไม่เธอรู้สึกว่าทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันมาก ขนาดที่ว่าร่างทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่ง
เฉินเฉียวตกใจกับความคิดที่ไร้สาระในใจของเธอจึงลุกจากเตียงเพื่อล้างหน้า
ในห้องน้ำมองไปที่กระจกในกระจกดวงตาของเธอหมองคล้ำและเมื่อเห็นว่าขอบตาของเธอเป็นสีดำ เฉินเฉียว จึงทาครีมบำรุงรอบดวงตาเล็กน้อยแล้วนวดมันเบา ๆ
ในส่วนของงานเลี้ยงประจำปีซังหลินจวินได้ให้เฉินเฉียวลาล่วงหน้าหนึ่งเดือน
ตอนนี้มีรายการที่ต้องเตรียมอีกแล้ว
เฉินเฉียวต้องการแน่ใจว่าของพวกนั้นจะส่งมาจากต่างประเทศได้อย่างปลอดภัย
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา เฉินเฉียวโทรหาที่สั่งของทุกๆที่
หลังจากได้รับการยืนยันแล้วเฉินเฉียวก็สั่งหนังสืออาหารชาววังจากเน็ต
เนื่องจากตำแหน่งของร้านไม่ไกลจากจิ้งหย่วน สั่งตอนเช้า ตอนบ่ายก็ถึง
เมื่อเฉินเฉียวได้หนังสือมาเธอก็ดูอย่างละเอียดและพบว่ามันมีตำราอาหารและซุปที่หายาก
เธอรู้สึกพอใจมาก ใจที่หดหู่ตอนนี้ได้คลายลงเยอะมาก
เนื่องจากมีเวลามากในช่วงนี้เฉินเฉียวจึงตั้งใจที่จะใช้เวลาว่างนี้ในการฝึกทำอาหารให้เป็นประโยชน์
ตอนเฉินเฉียวนำวัตถุดิบมาทำ ป้ามั่วก็มองอย่างสนใจอยู่นาน
เห็นป้ามั่วมองตัวเองอย่างชื่นชม ก็พูดอย่างเขินๆ: “ป้ามั่ว คุณอยากลองทำไหม”
“ ฉันทำได้ด้วยหรอ”ป้ามั่วแปลกใจ
ป้ามั่วอายุเยอะแล้ว ตอนสาวๆไม่ได้เรียนหนังสือเยอะ ถึงแม้ทำอาหารบ่อยแต่ก็ไม่ได้เก่ง
การทำอาหารมีพื้นฐานมาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดชีวิต
แม้ว่าจะเคยทำอาหารชั้นเลิศแบบนี้มาบ้าง แต่ก็มีหลายอย่างที่ไม่เคยทำ
หนังสือที่เฉินเฉียว ซื้อมาส่วนใหญ่เป็นเมนูที่ป้ามั่วไม่เคยเห็นมาก่อน
เฉินเฉียวยิ้มและพยักหน้า: “แน่นอนเราทำด้วยกันได้ จะได้ช่วยกันดูว่าใครทำได้เหมือนกว่ากัน”
“คุณนาย พูดเป็นเล่น อาหารที่คุณทำคืออันนี้”ป้ามั่วชูนิ้วโป้งให้ ไม่ได้เวอร์เลยสักนิด อาหารรสแบบนี้ป้ามั่วเคยชิมมาแล้ว
หลังจากได้ชิมอาหารฝีมือคุณนายเป็นการส่วนตัวป้ามั่วถึงได้รู้ว่า อะไรคือเหนือฟ้ายังมีฟ้า
เฉินเฉียวส่ายหัวทำอะไรไม่ถูก
ตอนเฉินเฉียวทำอาหารเธอใช้หม้อแบบเดียวกับที่เขาสอนซังหลินจวินทำอาหาร
ป้ามั่วใช้หม้อธรรมดา
หลังจากที่ เฉินเฉียวหยิบของและเริ่มทำอาหารป้ามั่วก็ทำตามขั้นตอน
หลังจากทำอาหารออกมาเสร็จ กลิ่นหอมก็ฟุ้งไปทั่วห้อง
โย่วอีที่กลับมาจากโรงเรียนได้กลิ่นที่ทำให้น้ำลายไหลและรีบวิ่งไปที่ห้องครัวอย่างกระตือรือร้น
เมื่อมองไปที่จานที่วางอยู่ตรงหน้าของแม่และป้ามั่วโย่วอีก็กลืนน้ำลายและพูดว่า “แม่กับป้ามั่วทำอาหารแบบเดียวกันหรอ หรือว่าแข่งกันหรอครับ
“ โย่วอี อยากกินก็อย่ามัวแต่พูดสิ”เมื่อเห็นว่าโย่วอีกลับมาเฉินเฉียวจึงรีบหยิบตะเกียบออกมาและยื่นให้เขา
“นี่ตะเกียบ มาชิมเร็ว”
“ แม่ ผมรู้นะว่าแม่ให้ผมเป็นหนูทดลองอีกแล้ว”ถึงจะพูดอย่างนั้น โย่วอีก็ไม่ได้ปฏิเสธ คีบกระดูกไก่เคี้ยวกลืนลงคอ พบว่ารสชาติแบบนี้ไม่เหมือนเมนูไก่ทั่วไป
เขาไม่รอช้าอีกต่อไปเขาหยิบตะเกียบคีบและกินอย่างต่อเนื่อง