หากหาที่อยู่ของเผ่าหงส์เจอจริง ๆ จิ่วเยี่ยคงไม่มาหานางก่อนเป็นแน่ เขาคงจะบุกไปที่เผ่าหงส์ ฆ่าคนพวกนั้น และเอาคัมภีร์หมื่นคำสาปมาแล้ว
แต่ตอนนี้เขากลับมาหานางก่อน มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเขาหาที่อยู่ของเผ่ามังกรเจอแล้ว
และกุญแจเทพเผ่ามังกรก็อยู่กับนาง
มู่เฉียนซีกำหมัดแน่นทุบตีจิ่วเยี่ย นางไม่ได้ใช้พลังวิญญาณ ดังนั้นแรงหมัดจึงไม่ได้หนักแต่อย่างใด
“จิ่วเยี่ย…อือ…”
เนื่องจากมู่เฉียนซีนั้นลืมคำเตือนของจิ่วเยี่ยไป จิ่วเยี่ยจึงจูบนางอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าจะมียาหัวใจโพธิ์ยับยั้งอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะจูบซีไม่ได้
ยับยั้งอารมณ์เอาไว้เล็กน้อยก็สามารถทำได้แล้ว
มู่เฉียนซีพยายามออกแรงผลักจิ่วเยี่ยออก “ตอนนั้นเจ้าเป็นคนรับปากข้าเอง องค์ชายจิ่วเยี่ย นี่เจ้าจะผิดคำพูดเหรอ เจ้าผิดคำพูดก็ได้ แต่ต่อจากนี้ไป อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก”
เมื่อเห็นใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของสตรีที่อยู่ตรงหน้า จากใบหน้าที่ขาวซีดพลันแดงก่ำขึ้นเช่นนี้ จิ่วเยี่ยก็รู้สึกหมดหนทาง
สตรีผู้เป็นที่รักของตนฉลาดหลักแหลมเกินไปแล้ว
จื่อโยวก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าแผนการอันใจดำนี้ของฝ่าบาทของตนเองนั้นจะถูกมู่เฉียนซีมองออก
“ซี ข้า…”
ความโกรธของมู่เฉียนซีทำให้จิ่วเยี่ยเป็นฝ่ายผิด
“ข้าก็ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผลเช่นนั้น หากเจ้าสารภาพกับข้ามาตามตรง ข้าจะพิจารณาลดโทษให้”
จิ่วเยี่ยตอบ “ข้าคิดว่าจะทำให้ซีเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรงหลับไป จากนั้นก็ค่อยคิดหาวิธีเอากุญแจเทพมังกรจากซีมา แล้วข้าค่อยไปที่เผ่ามังกร”
“ก่อนหน้านี้ข้าก็เหนื่อยจนหลับไปรอบนึงแล้วไม่ใช่เหรอ เหตุใดเจ้าถึงไม่ลงมือแย่งล่ะ? ห๊ะ!”
“ข้าคิดถึงซีมากเกินไป ข้าไม่สามารถไปโดยที่ไม่ทำอะไรกับซีไม่ได้!”
“เจ้า…” มู่เฉียนซีถึงกับพูดไม่ออก!
“กุญแจเทพมังกรรับข้าเป็นนายเพียงผู้เดียว เจ้ามีวิธีเอาไปได้เหรอ?”
“เอาความสัมพันธ์ของซีกับกุญแจเทพมังกรออก แม้ว่ามันจะต้องใช้ทักษะเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอันใด!”
“อะไรที่เรียกว่าไม่ได้ร้ายแรง! ร่างกายของเจ้าเองเจ้าคิดว่ามันสามารถรับกับมรสุมได้มากมายเพียงใดกัน?”
“ที่ซีพูดมาก็ถูก!”
“ในเมื่อเจ้าบอกว่าข้าพูดถูก เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้อุบายนั้นแล้ว! พาข้าไปด้วยก็สิ้นเรื่อง พาข้าเพิ่มไปคนนึงก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ”
จิ่วเยี่ยเกิดความลังเลแล้ว แต่เมื่อมองดูท่าทางอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของสตรีที่อยู่ตรงหน้าแล้ว หากเขาปฏิเสธ มีหวังต้องถูกซีกัดตาย และนางต้องวางยาพิษเขาเป็นแน่แท้!
ถึงแม้ว่าเผ่ามังกรจะไม่ใช่อาณาเขตของเขา แต่เขาเชื่อในตัวเองว่าเขาสามารถปกป้องซีได้
ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิด คิดเพียงแค่ไม่อยากให้นางต้องมีอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น
จิ่วเยี่ยยื่นมือออกไปกอดมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีขัดขืนพลางกล่าวว่า “ข้ายังโกรธเจ้าอยู่นะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
“ซีอย่าโกรธเลยนะ เราไปเผ่ามังกรด้วยกันนะ!”
จิ่วเยี่ยกัดติ่งหูมู่เฉียนซีด้วยริมฝีปากเบา ๆ ก่อนจะบอกข่าวดีนี้กับนาง
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “อย่างนี้สิถึงจะถูก!”
“เพียงแต่ว่า เจ้าทำเช่นนี้ก็อย่าคิดนะว่าข้าจะหายโกรธ! อยู่ห่าง ๆ ข้าหน่อย!”
“ไม่!”
มู่เฉียนซีจะออกเดินทางไปจากที่นี่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการแก้แค้นของตำหนักตงจี๋ ก่อนไป แน่นอนว่านางต้องเตรียมความพร้อมเอาไว้ก่อน
มู่เฉียนซีเอาหุ่นเชิดเจ็ดตัวที่อยู่ในแหวนมิติออกมา ตัวหนึ่งมอบให้กับจวินโม่ซี ส่วนตัวอื่น ๆ มอบให้กับมู่อีและพวก
นางให้พวกเขาใช้พลังจิตสื่อสารกับหุ่นเชิด ก็สามารถควบคุมหุ่นเชิดได้แล้ว
หอหมอปีศาจของพวกเขามียอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงอยู่เพียงไม่กี่คน
ทว่า เมื่อมีหุ่นเชิดเหล่านี้อยู่ ศัตรูขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงที่จ้องจะเล่นงานก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้
มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ทำให้นางผิดหวัง นั่นก็คือในมรดกของปรมาจารย์หุ่นเชิดกลับหาข้อมูลพิเศษใด ๆ ของชิงอิ่งไม่เจอเลย
หุ่นเชิดมนุษย์ นำเอาดวงจิตของมนุษย์ออกมาจากร่าง และสร้างออกมาทำเป็นหุ่นเชิด
หุ่นเชิดสัตว์ก็ไม่ได้ต่างอะไรกันนัก จากนั้นก็มีหุ่นเชิดไม้ หุ่นเชิดศิลา หุ่นเชิดเหล็ก
นางไม่รู้ว่าชิงอิ่งจัดอยู่ในหุ่นเชิดประเภทใด พลังอันแข็งแกร่งในร่างของเขามาจากที่ใด และเหตุใดเขาถึงได้สูญเสียการควบคุมและต้องการจะจากไป
ชิงอิ่งได้สูญเสียความทรงจำใดไปก็ไม่อาจรู้ได้ สับสนกับเรื่องราวที่ได้ประสบมา ทำให้ไม่อาจคาดเดาได้!
เว้นเพียงแต่ว่าเขาจะยินยอมจากไปด้วยตัวเอง นางไม่มีทางยอมปล่อยเขาไปเป็นอันขาด
“ว่ายังไงนะ! คนงาม เจ้าจะไปเผ่ามังกรกับเยี่ยเหรอ แม้แต่อุบายสตรีเยี่ยก็ลงมือใช้แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะใช้กับคนงามไม่ได้ผล คนงาม ข้านับถือเจ้าแล้วจริง ๆ”
เมื่อได้รู้ข่าวนี้ จื่อโยวรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนถูกเยี่ยกระทำเช่นนี้แต่เยี่ยกลับทำไม่สำเร็จ!
สายตาของจิ่วเยี่ยเหลือบมองจื่อโยวอย่างมาดร้าย จื่อโยวยังคงแสดงสีหน้าท่าทางดีอกดีใจออกมาอย่างไม่กลัวตาย
ซิงเฉินเองก็กล่าวด้วยความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่งว่า “สมกับเป็นนายหญิงจริง ๆ ช่างเก่งกาจยิ่งนัก”
จื่อโยวกล่าว “เยี่ย ให้พวกเราไปด้วยได้หรือไม่!”
“ข้าไปกับซีก็พอแล้ว ไม่จำเป็นให้พวกเจ้ายุ่ง!” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยความเย็นชา
จื่อโยวแสดงท่าทางเสียใจออกมา นี่เยี่ยต้องการจะมีโลกส่วนตัวกับคนงามกันสองคนสินะ!
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย อย่าเสียเวลาเลย พวกเราไปกันเถอะ!”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีพลางกล่าว “อืม!”
จิ่วเยี่ยได้ฉีกมิติและกอดมู่เฉียนซีพานางเข้าไป
ดูเหมือนว่ามิตินั้นจะใหญ่มาก นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เฉียนซีเข้ามาในมิติโดยไม่ได้ถูกสุ่ยจิงอิ๋งปกป้อง
นางได้เห็นลมพายุมิติที่สามารถฉีกทุกสรรพสิ่งได้ แต่ลมพายุเหล่านั้นล้วนแต่ถูกพลังของจิ่วเยี่ยจัดการออกไปสิ้น ไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาใกล้
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยความระมัดระวัง ไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดใดขึ้น
มู่เฉียนซีรู้สึกปลอดภัยมาก ดูเหมือนว่าการที่มีเขาอยู่ ไม่ว่าจะเจออันตรายใดนางก็ไม่กลัว
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย ขอให้เป็นครั้งนี้แค่ครั้งเดียวนะ ต่อไปนี้ไม่ว่าจะทำสิ่งใดเจ้าอย่าได้โกหกข้าอีก มิเช่นนั้นหากครั้งหน้าข้าจับได้ ข้าไม่มีทางหายโกรธเจ้าเร็วเหมือนครั้งนี้แน่”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางกล่าว “อืม!”
มู่เฉียนซีรู้ว่าดินแดนที่นางได้ผ่านมานั้นไม่ใช่แค่ดินแดนสี่ทิศเท่านั้น แต่ยังเป็นหลายดินแดน เพียงแค่ตำแหน่งที่อยู่ของพวกเขานั้นแตกต่างกัน
ดินแดนสี่ทิศน่าจะเป็นดินแดนที่อ่อนแอมากดินแดนหนึ่ง
ทว่า ในตอนนี้ สถานที่หมายของพวกเขาก็คือที่ตั้งของเผ่ามังกรเทพ แดนมังกร
เพื่อเป็นการรักษาส่วนหนึ่งของคัมภีร์หมื่นคำสาป เผ่ามังกรไม่อนุญาตให้คนในเผ่าออกไปนอกเผ่าตั้งแต่ไหนแต่ไรมา
อีกทั้งยังซ่อนแดนมังกรเอาไว้ในแดนอื่น ๆ เช่นนี้อีก เพื่อให้ยากในการตามหา
จิ่วเยี่ยเองก็ทุ่มเทแรงลงไปไม่น้อยกว่าจะหาที่แห่งนี้เจอ ในที่สุดก็ฉีกมิติมาจนถึงที่ตั้งของแดนมังกรจนได้
ปัง!
ทว่า ตอนนี้พวกเขากลับชนเข้ากับปราการ มิติทั่วทั้งแดนมังกรล้วนแต่ถูกห่อหุ้มไปด้วยปราการแสงสีทอง
จิ่วเยี่ยใช้พลังของตนเองห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้ และให้นางอยู่ข้าง ๆ
ภายใต้การปกป้องของพลังนี้ ลมพายุในมิติไม่อาจทำอันใดนางได้
จิ่วเยี่ยได้ระเบิดพลังอันแข็งแกร่งทั้งหมดในร่างกายออกมา เขาต้องการทำลายปราการนี้ให้พังทลายลงด้วยพลังของเขา
พลังที่ระเบิดออกมานี้ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกเป็นกังวลขึ้น
เสียพลังไปมากเพียงนี้ หากควบคุมคำสาปเอาไว้ไม่อยู่จะทำเช่นไร?
สุ่ยจิงอิ๋งกับมู่เฉียนซีมีจิตที่เชื่อมโยงกัน นางรู้ว่ามู่เฉียนซีกำลังเป็นห่วงจิ่วเยี่ย และนางก็ไม่อาจจะทนดูโดยที่ไม่ลงมือได้
ตรงหัวใจของมู่เฉียนซีกับร่างของจิ่วเยี่ยปรากฏแสงสีฟ้าอ่อนสามลำแสงขึ้น และร่างของสตรีชุดสีน้ำเงินครามผู้อ่อนโยนผู้หนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นบนปราการของเผ่ามังกร นางกล่าว “เยี่ย หากเจ้าใช้พลังอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ พวกเจ้ายังไม่ทันได้เข้าไปก็เกรงว่าทั่วทั้งแดนมังกรคงจะรู้ตัวแล้วว่ามีคนบุกเข้ามา”