ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ – ตอนที่ 1154 บุรุษของเจ้า

เมื่อพลังอำนาจของมังกรทองแผ่ซ่านออกมา พวกศัตรูต่างก็พากันมุ่งหน้ามาแล้ว และแน่นอนว่าผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในมังกรทองเผ่าราชาก็มุ่งหน้ามาเช่นกัน

มู่เฉียนซีรู้สึกได้ว่ามีกลิ่นอายจำนวนไม่น้อยกำลังใกล้เข้ามา

“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ด้วย!”

“มังกรทอง!”

“……”

เฮยเย้ามองไปที่มังกรเหล่านั้นและกล่าวว่า “ข้าเป็นผู้สืบทอดของสายเลือดเผ่าราชา ตอนนี้ต้องการจะเปิดเกาะราชามังกร ทำให้เผ่ามังกรของพวกเรากลับมารุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาลขึ้นอีกครั้ง ทุกท่านได้โปรดเป็นแรงกำลังช่วยข้าด้วย อย่าให้พวกทรยศมาขวางข้าได้”

อายุของเฮยเย้านั้นยังน้อยนัก แต่สายเลือดราชาในกระดูกเขาตอนนี้ได้แผ่ซ่านออกมาโดยสมบูรณ์แล้ว ทำให้มังกรเหล่านี้หวาดกลัวไปโดยไม่รู้ตัว

มังกรที่มีสายเลือดเผ่าราชาเมื่อกำเนิดออกมาก็มีความสามารถในการเป็นผู้นำ

เมื่อเผ่ามังกรที่ไม่ได้เข้าร่วมกับกลุ่มเทพเหล่านั้นได้ยินคำพูดของมังกรทองน้อยนี้แล้ว เลือดในร่างของพวกเขาก็แผดเผาขึ้นมาด้วยความฮึกเหิมทันที

“ผนึกของเกาะราชามังกรกำลังจะเปิดแล้ว พวกทรยศหักหลังเหล่านั้นยังกล้ากำเริบเสิบสานอยู่อีก”

“ฝ่าบาท พวกเราจะสนับสนุนฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ! พวกเราจะไม่ให้พวกทรยศเหล่านั้นมาทำร้ายฝ่าบาทได้แน่นอน”

“……”

เสียงขานรับมากมายมหาศาลดังก้องกังวานด้วยความฮึกเหิม

และในตอนนั้นเองก็มีเสียงอันเย็นชาเสียงหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “มังกรน้อยนี่ช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว คิดจะให้กองทัพเล็ก ๆ นี้ปกป้องอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”

“ลงมือก่อน จับมังกรน้อยนั่นให้ได้”

“ขอรับ!”

ขวับ ขวับ ขวับ! กลิ่นอายจิตสังหารได้แผ่ซ่านออกมาแล้ว และคนเหล่านั้นก็ลงมือทันทีโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด

“คุ้มกันฝ่าบาท!”

“ข้าจะสู้กับพวกทรยศนี้อย่างสุดชีวิต!”

การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ได้เริ่มขึ้นแล้ว และมังกรเหล่านี้ก็ได้ทะยานขึ้นกลางอากาศต่อสู้กันอย่างดุเดือด

เนื่องจากเฮยเย้าได้เรียกผู้ช่วยมาจำนวนไม่น้อย มู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยจึงไม่ต้องต่อสู้กับกลุ่มมังกรเหล่านี้กันสองคน พวกเขาก็แค่รับมือกับมังกรที่เล็ดลอดเข้ามาได้บางส่วนเท่านั้น

มู่เฉียนซีกล่าว “เฮยเย้า เจ้าวางใจได้ คนพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”

เฮยเย้าพยักหน้าพลางกล่าว “อืม!”

สำหรับมู่เฉียนซีแล้ว เขาเชื่อใจนางทั้งหัวใจ

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!

กำลังในการต่อสู้ของเผ่ามังกรเหล่านี้แข็งแกร่งมาก มู่เฉียนซีที่เป็นมนุษย์อยู่ในกลุ่มนี้เป็นที่สะดุดตามาก

ทันใดนั้นก็มีมังกรมืดตัวหนึ่งพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “สาวน้อย เจ้าก็มาร่วมสนุกเหมือนกันเหรอ ดูท่าเจ้าจะไม่กลัวความตายเอาซะเลยนะ!”

มู่เฉียนซีกล่าว “คนที่ไม่กลัวความตาย น่าจะเป็นเจ้ามากกว่า!”

“บัวแดงพิฆาต!”

เผชิญหน้ากับเจ้าหมอนี่ มู่เฉียนซีก็โจมตีไปด้วยกระบี่อย่างไม่เกรงใจ

บัวอัคคีสีแดงฉานได้ระเบิดออกมา การโจมตีนี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าการโจมตีของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าเลย

มังกรตัวนั้นถูกโจมตีจนถอยออกไป เขาตกตะลึงเล็กน้อย “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวน้อยผู้นี้ถึงได้บังอาจมากถึงเพียงนี้ ที่แท้ก็เป็นมังกรอัคคีนี่เอง!”

“ต่อให้เจ้าเป็นสายเลือดผู้สูงศักดิ์ ข้าก็สามารถบดขยี้เจ้าได้ทุกเมื่อ”

เจ้าหมอนี่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกตัวหนึ่ง ดังนั้นจึงมีความเชื่อมั่นมากพอตัวว่าจะสามารถเอาชนะมู่เฉียนซีได้

แต่เมื่อเขากำลังจะลงมือต่อ เงาร่างสีดำร่างหนึ่งก็ได้เคลื่อนไหวมาอย่างรวดเร็ว และร่างขนาดใหญ่ของเขานั้นก็ได้กลายเป็นโครงกระดูกขาวในทันที

และสติของเขาก็ได้หายไปอย่างสมบูรณ์

จิ่วเยี่ยได้ควบคุมมังกรกระดูกตัวนั้นและเริ่มโจมตีมังกรตัวอื่น ๆ

“มังกรกระดูกชั่วช้านั่นมันโผล่มาจากที่ใดกัน?”

“มังกรกระดูกนี้ เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้”

“……”

พลังของมังกรกระดูกนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถึงขั้นเป็นสัตว์เทพ แต่ก็เป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด!

แข็งแกร่งกว่ามังกรส่วนใหญ่ที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้มากนัก ดังนั้นจึงได้เริ่มทำการกวาดล้างแล้ว!

จากนั้นมู่เฉียนซีจึงเลือกโจมตีกับมังกรที่มีพลังความแข็งแกร่งต่ำกว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า ส่วนมังกรที่มีความแข็งแกร่งสูงกว่านี้ก็ถูกจิ่วเยี่ยโจมตีจนกลายเป็นกระดูกขาวไปแล้ว

เมื่อเวลาผ่านไป มังกรที่ได้กลายเป็นกระดูกขาวก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ศัตรูกลุ่มเทพเหล่านั้นได้เห็นวิธีการของจิ่วเยี่ยเข้าต่างก็หวาดกลัวจนเหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นทั่วร่างแล้ว

“บุรุษผู้นี้…บุรุษผู้นี้ต้องเป็นเทพมารอย่างแน่นอน!”

“นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะสามารถทำให้มังกรที่มีชีวิตอยู่กลายเป็นโครงกระดูกขาวไปได้!”

“นี่ตกลงเขาเป็นมังกรเผ่าใดกันแน่! ไม่สิ! เผ่ามังกรของพวกเราจะมีมังกรที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”

“หรือว่ามังกรดำในตำนานผู้นั้น…”

มังกรเหล่านั้นของกลุ่มเทพต่างก็ตกใจจนไม่กล้าโจมตีแล้ว

พวกมู่เฉียนซีได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ส่วนคนของกลุ่มเทพเหล่านั้นต่างก็จำต้องเผ่นหนีไป

“ฮ่า ๆ ๆ! พวกเราชนะแล้ว”

“ชนะแล้ว!”

“……”

กลุ่มผู้ที่คุ้มกันเหล่านี้ก็ดีอกดีใจขึ้น

แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นกับเงาสีดำที่อยู่ตรงหน้าก็อดที่จะพากันหวาดกลัวไม่ได้

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นศัตรูกับท่านผู้นั้น แต่เมื่อได้เห็นวิธีการอันน่าสะพรึงกลัวนั้นของเขาแล้วก็อดที่จะอกสั่นขวัญหายไม่ได้

ในตอนนี้เฮยเย้าก็สัมผัสได้ถึงพื้นที่นี้แล้ว เขากล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ท่านมู่ พื้นที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ตั้งของเกาะราชามังกร เราหาที่ใหม่กันเถอะ”

มู่เฉียนซีกล่าว “อืม!”

เฮยเย้ามองไปที่มังกรเหล่านั้นและกล่าวว่า “พวกเจ้ายินยอมที่จะติดตามข้า เป็นองครักษ์ให้ข้าหรือไม่”

“ยินดีพ่ะย่ะค่ะ!”

“พวกเรายินดีอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

“……”

มังกรบางตัวยินดีที่จะปกป้องเฮยเย้าเพราะใจจริง มังกรบางตัวก็ทำเพื่อเผ่ามังกร และมังกรบางกลุ่มก็ทำไปก็เพราะว่าหวาดกลัวพลังความแข็งแกร่งของจิ่วเยี่ย

หากพวกเขาไม่ตอบตกลง ถ้าท่านผู้นั้นทำให้พวกเขากลายเป็นโครงกระดูกแล้วจะทำเช่นไร!

ในขณะที่เฮยเย้าหาสถานที่ต่อไปเจอ เขาก็ได้แผ่ซ่านพลังอำนาจสายเลือดราชาออกมา

สายเลือดราชานี้ดุจดั่งบุปผาที่หอมหวนได้ยั่วยวนให้ผึ้งมาดอมดม

เมื่อมีผู้คุ้มกันก็ย่อมมีศัตรู

การต่อสู้ครั้งที่สองก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว

มีผู้คุ้มกันไม่น่ากลัว แต่ผู้ที่น่ากลัวที่สุดก็คือบุรุษชุดดำผู้นั้น

ไม่ว่ากลุ่มเทพจะส่งยอดฝีมือมามากมายเพียงใด ในที่สุดก็ต้องกลายเป็นโครงกระดูกขาวภายใต้เงื้อมมือของจิ่วเยี่ย จากนั้นก็กลายเป็นผู้ที่ถูกจิ่วเยี่ยควบคุม และกลายเป็นกำลังในการต่อสู้ของพวกเขาไปในที่สุด

มังกรของกลุ่มเทพเหล่านั้นเห็นเช่นนี้เข้าก็แทบจะกระอักเลือดออกมาก็มิปาน มีมังกรเช่นนี้อยู่ตั้งแต่เมื่อใดแล้ว

การมีอยู่ของบุรุษผู้นี้ทำให้พวกเขาไร้ซึ่งหนทางแล้วจริง ๆ

แดนมังกรใหญ่มาก ต่อให้เฮยเย้ารู้สึกตอบสนองต่อที่อยู่ของเกาะราชามังกรได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่วันสองวันจะสามารถหาเจอได้

หลังจากที่เขาได้เปลี่ยนสถานที่หาไปเรื่อย ๆ กลุ่มที่คุ้มกันเขาเหล่านั้นก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนเหล่าพวกของกลุ่มเทพก็ยิ่งน่าสังเวชมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

“นายท่าน ทำเช่นไรดีขอรับ ตกลงจะยอมให้มังกรทองน้อยนั่นเปิดเกาะราชามังกรจริง ๆ เหรอขอรับ?”

“การเปิดเกาะราชามังกรนั้นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ฐานะของบุรุษผู้นั้น ตรวจสอบออกมาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”

“บุรุษผู้นั้น ตั้งแต่ต่อสู้มาไม่ได้เผยร่างมนุษย์ออกมาเลยขอรับ พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นคนของเผ่าไหน แต่พลังของเขาช่างแข็งแกร่งเกินไปแล้ว หากไม่ส่งสัตว์เทพออกไปรับมือแล้วละก็ มังกรอื่นที่ไปรับมือด้วยก็ไม่ต่างอะไรกับไปตาย”

“เช่นนั้นก็ส่งสัตว์เทพไปลงมือเถอะ! ต้องจับมังกรทองน้อยนั่นมาให้ได้ ได้ยินมาว่าข้างกายบุรุษผู้นั้นมีสตรีอยู่ผู้หนึ่ง พลังไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก เมื่อมังกรขั้นสัตว์เทพยับยั้งพวกมันเอาไว้ได้ก็จับตัวสตรีผู้นั้นเอาไว้ก่อน เมื่อถึงตอนนั้นก็คงจะรับมือกับเขาได้ไม่ยากแล้ว”

“นายท่านช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก เช่นนั้นก็ทำตามนี้”

ทุกครั้งกลุ่มเทพเหล่านี้ล้วนแต่ถูกบีบให้ต้องจำยอม และมู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าพวกเขาย่อมไม่มีทางยอมเลิกราเป็นแน่

เมื่อถึงตอนนั้นหากกลุ่มเทพส่งสัตว์เทพมาแล้วละก็ เกรงว่า…

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “จิ่วเยี่ย หากพวกมันส่งสัตว์เทพมา เจ้า…”

“ไม่มีปัญหา!” จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีพลางกล่าว

“ซีต้องเชื่อใจในบุรุษของเจ้า” เขากล่าวเสียงขรึม

“แต่ว่า ในขณะเดียวกันเจ้าก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ป่วยเหมือนกันนะ” ที่นี่ไม่ใช่อาณาเขตของเผ่ามังกรไม้และเผ่ามังกรดิน คัมภีร์หมื่นคำสาปสามารถส่งผลกระทบต่อคำสาปในร่างของเขาได้ทุกเมื่อ

.

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

Score 7.8
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ นางคือหมอปีศาจผู้เหี้ยมโหดแต่กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงอ่อนแอไร้ความสามารถที่ผู้คนพากันรังเกียจ ทว่าหลังทำพันธสัญญากับเทพอสูรโบราณ ฝึกฝนบำเพ็ญเคล็ดวิชาต้านสวรรค์จึงเปล่งประกายเจิดจรัสจนผู้คนต้องหลบตาไปตาม ๆ กัน ทั้งยังครอบครองพิษหลายแขนง ใครที่กล้ามารังแกนาง นับว่ารนหาที่ตาย! โอสถเก้าสรรพคุณน่ะหรือ นั่นมันถั่วเคลือบน้ำตาลไว้ให้สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของนางกินเล่นต่างหากเล่า ปรุงยาเป็นก็ต้องเอาแต่ใจอย่างนี้นี่ล่ะ! -------------------------- เขาคือเยี่ยอ๋องรูปงามผู้เย้ายวน ผู้คนต่างเข้าใจว่าเขาเหี้ยมโหดไร้ความปรานี แต่ทำไมกับนาง เขาถึงได้เอาแต่ตามติดจนสลัดไม่หลุดอย่างนี้นะ “ท่านจ้องข้าทำไม” “ข้ากำลังคิดอยู่ว่า เจ้าจะกลายมาเป็นสตรีของข้าอย่างถูกต้องเมื่อไหร่” ทันใดนั้น เข็มเล็กก็จ่อเข้าที่เอวของเขา นางเอื้อนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ท่านอ๋อง การหุนหันพลันแล่นเปรียบดั่งปีศาจร้าย หากพิษเข้าร่างเกรงว่าท่านคงจะต้องมีชะตาเยี่ยงขันทีไปชั่วชีวิต!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset