เยวี่ยเจ๋อเดินไปตรงหน้ามู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว อยากจะเข้าไปกอดนางเพื่อพิสูจน์ว่าทั้งหมดนี้ไม่ได้ฝันไป
สุดท้ายยังไม่ทันได้เข้าใกล้มู่เฉียนซี กลับถูกชายผู้หนึ่งขวางไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่ง
เยวี่ยเจ๋อรับรู้ได้ถึงกระแสลมกระโชกแรง เขารีบหลบทันที
“รองหัวหน้า!” คนอื่นต่างอุทานขึ้น
โชคดีที่ชายผู้นั้นไม่ได้ลงมือสังหาร แต่เยวี่ยเจ๋อกลับจนตรอกเล็กน้อย
เขามองไปที่ร่างชุดเขียวผู้นั้นที่ยืนอยู่ข้างมู่เฉียนซีอย่างจนปัญญา “เจ้าท่อนไม้ เจ้าอย่าได้เกินไปหน่อยเลย”
ใบหน้าที่ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ของเหลิ่งหนิงจือนั้นถึงกับผงะไปเมื่อเห็นการปรากฏตัวขึ้นของชิงอิ่ง ชายผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใดกัน หรือว่าเขาตามพวกนางมาโดยตลอด
ไร้ซึ่งลมหายใจ ไร้ซึ่งการไหลเวียนของพลังวิญญาณและพลังปราณ เขาไม่ใช่มนุษย์ อีกทั้งยังแข็งแกร่งมากด้วย
ชิงอิ่งเพิกเฉยต่อการบ่นของเยวี่ยเจ๋อ มู่เฉียนซีเดินไปตรงหน้าเยวี่ยเจ๋อ นางยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าไม่เป็นอะไร ช่วงนี้ทำให้พวกเจ้าเป็นกังวลแล้ว”
“พี่ใหญ่! พี่ใหญ่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เยวี่ยเจ๋อมองมู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง
เมื่อได้ยินคำเรียกของเยวี่ยเจ๋อ คนอื่น ๆ ต่างก็แทบจะระเบิดขึ้น
“พี่ใหญ่? สามารถทำให้รองหัวหน้าเรียกเช่นนี้ได้ หรือว่านางจะเป็นหัวหน้าหอ”
“พวกเจ้ามีตาแต่หามีแววไม่ หัวหน้าหอเป็นบุรุษรูปงาม แต่คนตรงหน้าผู้นี้เป็นสตรีผู้งดงามนะ!”
“ข้ารู้แล้ว นางคือผู้นำตระกูลมู่!”
“ผู้นำตระกูลมู่!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “สวัสดีทุกคน ข้าคือมู่เฉียนซี”
ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่ตกตะลึง เหลิ่งหนิงจือก็ตกใจเช่นกัน “เจ้า เจ้าคือผู้นำตระกูลมู่ผู้นั้นที่กองกำลังระดับสามหมายจะแย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จากเจ้า”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถูกต้อง!”
“กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ในมือเจ้า!”
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี “หากเจ้าต้องการจะแย่งกระบี่กับข้า เจ้าต้องตายอย่างน่าสังเวชแน่!”
นางกลับคิดไม่ถึงเลยว่าเหลิ่งหนิงจือจะหัวเราะออกมา “ฮ่า ๆ ๆ! มู่หลินหลางพยายามเกือบตายเพื่อจะเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นั้นมาครอบครองให้ได้ ตามหามานานนับสิบปีก็เอามันไปไม่ได้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะตกมาอยู่ในมือของเจ้า ดูท่าการที่ข้าตัดสินใจอยู่กับเจ้า ข้าคิดไม่ผิดเลยจริง ๆ ”
ศัตรูของศัตรูก็คือมิตรของเรา!
แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี เป็นเช่นนี้จริง ๆ เหรอ
มู่หลินหลางก็คือคนที่เฟิงอวิ๋นซิวยอมแลกทุกอย่างเพื่อนางผู้นั้น เป็นคนที่ต้องการเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้ได้โดยที่ไม่สนแม้แต่ชีวิตของตนเอง
มู่เฉียนซีกล่าวเตือนว่า “อย่าหัวเราะสะใจแบบนั้นเลย มันน่าเกลียดเกินไปหน่อย! บอกว่าข้าได้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มา แต่กลับไม่รู้ความหมายของมันจริง ๆ”
มีพิฆาตวิญญาณผู้ที่อันตรายที่สุดอยู่ บางทีนางอาจจะไม่เพียงไม่สามารถเป็นเจ้านายของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ได้เท่านั้น แต่กลับต้องเป็นทาสรับใช้กระบี่อีกด้วยก็ไม่แน่
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั้นของเหลิ่งหนิงจือแข็งทื่อไปทันที “ก็ข้าเกลียดนางหนิ เจ้าพูดเช่นนี้ข้าเสียใจนะ!”
และในตอนนี้เอง แสงเย็นก็วาบผ่านดวงตาของเยวี่ยเจ๋อแล้วเช่นกัน “เรื่องในวันนี้ห้ามบอกให้ใครรู้เป็นอันขาด! ข้าว่าพวกเจ้าทุกคนคงจะไม่อยากลิ้มรสของการลงโทษหรอกกระมัง!”
เมื่อนึกถึงการลงโทษ พวกเขาก็อดที่จะหวาดกลัวจนตัวสั่นไม่ได้
“ไม่ว่ายังไง พวกเราก็ไม่มีทางพูดเรื่องนี้เป็นอันขาดขอรับ”
เมื่อได้เจอกับเยวี่ยเจ๋อ มู่เฉียนซีก็ได้ถามถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่นางอยากรู้ เยวี่ยเจ๋อเล่าเรื่องราวที่นางอยากรู้ให้นางฟังทั้งหมด
“เนื่องจากมีการปกป้องของหอปี้ลั่ว จวินโม่ซีและพวกถึงถอยไปอยู่ที่ทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่ได้อย่างปลอดภัย โชคดีที่พี่ใหญ่เตรียมการเอาไว้พร้อมยึดทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว”
“นอกจากหอหมอปีศาจที่เมืองตงจี๋ที่ปิดไป หอหมอปีศาจในเมืองอื่น ๆ ก็เปิดค้าขายตามปกติ ตำหนักตงจี๋ก็ไม่ได้ตามไปทำลายหอหมอปีศาจของเราในทุกเมือง มิเช่นนั้นคนในแดนตะวันออกคงไม่พอใจมากแน่”
“เรื่องนี้คาดว่าเป็นนายน้อยอวิ๋นซิวที่ลงมือช่วย”
“ครั้งนี้หอหมอปีศาจเสียหายไปทั้งหมด…”
มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าว “เจ้าไม่ต้องบอกข้าหรอกว่าเสียหายไปเท่าไร พี่ใหญ่ของเจ้าไม่อยากฟัง ไม่อยากฟัง…”
มุมปากของเยวี่ยเจ๋อยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “พี่ใหญ่วางใจได้ ข้าจะทำเงินกลับมาให้พี่ใหญ่ถึงสองเท่าแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าว “เยวี่ยเจ๋อเก่งที่สุดแล้ว”
ทั้งสองพูดคุยหยอกล้อกันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เยวี่ยเจ๋อ เราจะเข้าไปในสระหานซินได้ยังไง?”
เยวี่ยเจ๋อตอบ “บริเวณรอบนอกของหุบเขาหานซินทุกคนสามารถเข้าไปได้ ที่นี่เป็นการแข่งขันของกองกำลังต่าง ๆ หากสู้ไม่ได้ก็ต้องออกไป! ในด่านนี้ยอดฝีมือสามารถช่วยได้”
“ส่วนบริเวณด้านใน มีเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ และในนั้นก็เป็นการแข่งขันกันของจักรพรรดิแห่งภูตแล้ว ที่มาเข้าร่วมในครั้งนี้ ก็เพื่อให้คนของหอหมอปีศาจที่มีพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตได้เพิ่มพลังวิญญาณ”
การต่อสู้กันที่ตำหนักตงจี๋ มู่เฉียนซีรับมือกับศัตรูในเมืองตงจี๋เพียงคนเดียว ทำให้พวกเขารู้ว่าหอหมอปีศาจของพวกเขาจะต้องรีบผลิตยอดฝีมือให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเราก็มาร่วมมือกันให้ผ่านด่านรอบนอกนี้ด้วยกันเถอะ! หากใครขวาง ก็โจมตีฆ่าทิ้งซะ”
ครั้นแล้วมู่เฉียนซีกับหอหมอปีศาจก็ได้เริ่มเคลื่อนไหว ออกเดินทางอย่างต่อเนื่องจนถึงยามดึกสงัด
ยามดึกสงัดเป็นเวลาที่เงียบงัน ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสดีที่จะลอบโจมตีเช่นกัน
ฟึ่บ! ในตอนนี้เอง มีมีดอาบยาพิษเล่มหนึ่งลอบโจมตีมาที่เยวี่ยเจ๋อ
“เตรียมป้องกัน!” กำแพงน้ำแข็งสกัดกั้นมีดอาบยาพิษเล่มนั้นไว้ และทุกคนก็เตรียมป้องกันการสู้รบขึ้นทันที
ทันทีที่ปลายนิ้วของมู่เฉียนซีขยับ เข็มยาก็พุ่งออกไปทันที โจมตีมาด้วยวิธีไหน ก็ตอบโต้กลับไปด้วยวิธีนั้น
เข็มยาของมู่เฉียนซีบีบบังคับให้คนที่แอบซุ่มเหล่านั้นปรากฏตัวออกมาจนได้
ชายชุดดำคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าหอหมอปีศาจของพวกเจ้าเชี่ยวชาญในการใช้พิษ ข้าจึงตั้งใจมาสั่งสอนพวกเจ้าเป็นพิเศษ”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “หากเจ้าบอกมาตรง ๆ ว่าจะท้าประลอง ข้าก็ยินดีที่จะร่วมสนุกด้วย! แต่นี่เจ้ามาบอกว่าสั่งสอนหอหมอปีศาจ มันไม่เป็นการดูถูกกันไปหน่อยเหรอ?”
คนผู้นั้นเห็นมู่เฉียนซีดูถูกเขาอย่างเย่อหยิ่งเช่นนี้ก็โกรธเกรี้ยวขึ้นทันที
“หอหมอปีศาจของพวกเจ้าช่างกำเริบเสืบสานยิ่งนัก ข้าเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะมีความสามารถสักแค่ไหน”
คนผู้นี้มีความแข็งแกร่งเพียงแค่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดเท่านั้น แต่สองมือดำขลับที่ยื่นออกมานั้นกลับมีพิษรุนแรง
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความกลัวเล็กน้อย “ช่างเป็นมือที่น่ากลัวทีเดียวเชียว! เยวี่ยเจ๋อ เจ้าแข็งแกร่งที่สุด พวกข้าต้องให้เจ้าปกป้องแล้วล่ะ”
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา ชายผู้นั้นก็มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นทันที แม่นางน้อย อย่างไรเสียก็ยังเป็นแม่นางน้อยอยู่วันยังค่ำ ดูท่าแล้วหอหมอปีศาจก็ไม่เท่าไร
เยวี่ยเจ๋อกล่าว “พี่ใหญ่! วางใจเถอะ! ข้าจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน”
“หัตถ์ซ่อนพิษ!” มือคู่นั้นของเขาพุ่งเป็นส่วนโค้งอย่างแปลกประหลาดโจมตีไปที่เยวี่ยเจ๋อ
เยวี่ยเจ๋อรีบหลบหลีก ดูเหมือนว่าจะน่าหวาดเสียวมาก หากพิษนั้นโดนตัวเยวี่ยเจ๋อเข้าแล้วละก็ คาดว่าต้องเจ็บปวดมากเป็นแน่
พวกเขากล่าวเสียงขรึมขึ้นว่า “พี่ใหญ่ จะทำเช่นไรดีขอรับ พี่ใหญ่จะไม่ช่วยรองหัวหน้าหอจริงเหรอขอรับ?”
เพื่อไม่เป็นการเปิดเผยตัวตนของมู่เฉียนซี พวกเขาจึงพร้อมใจกันเรียกมู่เฉียนซีว่าพี่ใหญ่
มู่เฉียนซีกระพริบตาปริบ ๆ พลางกล่าวว่า “ช่วยเหรอ! ตอนนี้พลังข้าอ่อนแอมากนะ ข้าเป็นเพียงแค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งเท่านั้น ข้าช่วยไม่ได้จริง ๆ!”
มุมปากของพวกเขากระตุกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง อ่อนแอเหรอ! คนอื่นเชื่อ แต่คนของหอหมอปีศาจไม่มีทางเชื่อแน่นอน ก่อนหน้านี้ไม่นานท่านผู้นำตระกูลมู่ยังจัดการกับมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าได้อย่างลึกลับ ลืมไปแล้วเหรอ
หรือความจำของพวกเขาเลอะเลือนไปแล้ว
มู่เฉียนซีมองร่างของเยวี่ยเจ๋ออย่างพิจารณา ถึงแม้ว่าพลังของเยวี่ยเจ๋อจะเพิ่มขึ้นเพราะยาลูกกลอน แต่เขาเองก็ไม่ใช่คนที่เกียจคร้าน
พยายามฝึกฝนให้รากฐานมีความมั่นคงที่สุด ตอนนี้มารับมือกับเจ้าหมอนี่ที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมเขาก็ยังไม่แพ้
มองดูเจ้าหมอนั่นลงมืออย่างโหดร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ละกระบวนท่าล้วนเป็นกระบวนท่าฆ่าสังหารทั้งสิ้น ดวงตาของมู่เฉียนซีก็เย็นยะเยือกลง นี่คงพอสมควรแล้วล่ะ!