ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ – ตอนที่ 1241 นายน้อยเจ็ดผู้เสแสร้ง

เข็มยาเข็มหนึ่งออกมาจากมือของมู่เฉียนซี แต่เจ้าหมอนั่นก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่าย ๆ เขาได้รีบหลบไปทันที

“ลอบโจมตี ช่างไร้ยางอายนัก!”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เจ้ารังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า มันก็ไร้ยางอายอย่างมากเช่นกัน!”

เดิมทีคิดว่าเขาหลบเข็มทั้งสองเล่มนี้ได้แล้ว แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเข็มทั้งสองเล่มนี้จะปักอยู่ที่กระดูกสะบักด้านหลังของเขาเสียแล้ว

ฟู่! คนผู้นั้นสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เอาอากาศเย็นเข้าปอด เขาคิดที่จะตอบโต้แก้แค้นเยวี่ยเจ๋อ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามือทั้งสองของเขาไม่สามารถยกขึ้นมาได้เลย

แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุด สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือ เขารู้สึกถึงยาพิษในแขนของตนเองที่กำลังกระจายไปทั่วร่างกายของเขา

ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้น เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการฝึกฝนมือคู่นี้ด้วยตัวเอง และพิษทั้งหมดล้วนถูกผนึกอย่างแน่นหนาอยู่ในแขนคู่นี้ ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้ที่มันจะแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา

แต่ตอนนี้…ตอนนี้…

เขาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “เจ้า… เจ้าทำบ้าอะไรกับข้ากันแน่?”

มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวว่า “แม้แต่สิ่งนี้เจ้าก็ยังเดาไม่ออก นั่นหมายความว่าเจ้าเรียนวิชาพิษได้ไม่ดีนัก เรียนไม่ถึงไหนกลับกล้ามายั่วยุหอหมอปีศาจของข้า เจ้ามันรนหาที่ตายเอง จะโทษใครไม่ได้เลย”

“มือของตนเองถูกตนเองทำให้พิการเช่นนั้น ก็เหมือนกับคําพูดหนึ่งที่ว่าเล่นกับไฟไฟเผาตน!”

พรวด! คนผู้นี้โกรธแค้นอย่างมาก เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากและล้มลงไปกับพื้น

“ลูกพี่ผู้ยิ่งใหญ่!”

“ลูกพี่แข็งแกร่งมาก”

“……”

หลังจากมู่เฉียนซีแสดงฝีมือ คนเหล่านั้นที่เดิมเคารพนับถือรองเจ้าตำหนัก ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นผู้ทรยศอย่างสมบูรณ์แล้ว

มีมู่เฉียนซีและเหลิ่งหนิงจือที่มีความแข็งแกร่งที่อันตรายไม่ธรรมดาเข้าร่วมด้วย หากกล้าที่จะขวางมู่เฉียนซีและคนของพวกเขา มันต้องพินาศกันหมดแน่

พวกเขาเข้าไปยังด้านในของหุบเขาหานซินได้อย่างราบรื่น ที่ด้านในนั้นมีแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่าน แม่น้ำกว้างเพียงสิบหมี่เท่านั้น ด้วยระยะความกว้างเพียงเท่านี้ มันมิอาจที่จะขวางกั้นผู้ใดก็ตามเอาไว้ได้

ทว่าอุปสรรค์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำนั้น ไม่ว่าตัวเจ้าจะมีพลังความสามารถสูงเพียงใดก็ไม่อาจที่จะพุ่งไปได้

ทำได้เพียงเดินผ่านสะพานโค้งตรงกลางเท่านั้นถึงจะเดินผ่านไปได้ แต่ผู้ที่จะสามารถขึ้นไปที่สะพานโค้งนี้ได้ ต้องเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งน้อยกว่าระดับมหาจักรพรรดิถึงจะได้

มู่เฉียนซีกล่าวอําลากับเยวี่ยเจ๋อและเหลิ่งหนิงจือ จากนั้นก็พาน้องเล็กระดับจักรพรรดิเหล่านั้นของหอหมอปีศาจเดินขึ้นไปบนสะพานโค้งนั่น

เมื่อข้ามแม่น้ำไป พวกเขาก็ถูกแยกออกจากกัน และในตอนนี้นางก็ได้เข้ามาอยู่ในสถานที่ที่ห้อมล้อมด้วยหมอกหนา

มู่เฉียนซีตะลึงงันเล็กน้อย นี่นางกำลังถูกค่ายกลกักขังไว้

เกี่ยวกับค่ายกลนี้ นางนั้นก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก ค่ายกลนี้มีความซับซ้อนมาก ไม่มีอาถิงคอยช่วยเหลือนาง หากคิดที่จะผ่านไปได้ มันคงไม่ง่ายนัก

หลังจากวนไปวนมาอยู่ที่เดิมสักพักหนึ่ง มู่เฉียนซีจึงใช้วิธีการที่หยาบที่สุดในการบุกฝ่ากระบวนค่ายกลนี้ นั่นก็คือการใช้พลังจิตที่แข็งแกร่งที่สุด!

พลังวิญญาณแผ่ออกไปและสัมผัสได้ถึงพลังที่โคจรอยู่ในค่ายกลนั้น สัมผัสได้ถึงกฎความเป็นไปตามธรรมชาติภายในนั้น นางคิดว่าอย่างไรเสียก็ต้องหาจุดอ่อนจนพบ

แน่นอนว่านั่นต้องใช้ความอดทน แล้วก็ต้องมีพลังจิตที่มาสนับสนุนอย่างเพียงพอ มิเช่นนั้นแล้วก็ไม่มีผู้ใดที่จะใช้วิธีอันหยาบกระด้างเช่นนี้ได้สำเร็จ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด มู่เฉียนซีที่หลับตาทั้งสองข้างอยู่ก็ได้ลืมตาขึ้นมา

กระบี่มังกรเพลิงได้ถูกนางนำออกมาแล้ว มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “คงจะเป็น ที่ตรงนั้นเสียแล้ว”

“บัวแดงพิฆาต!” ดอกบัวเพลิงดอกหนึ่งได้เบ่งบานออกในทันทีและพุ่งไปทางมุมนั้น

บึ้ม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นเสียงหนึ่ง หมอกที่กักขังมู่เฉียนซีเอาไว้ได้กระจายตัวออกไปทั้งหมด

มู่เฉียนซีพุ่งฝ่าออกไป มุมปากของนางก็ค่อย ๆ ยกขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดก็ทำลายค่ายกลได้เสียที

หลังจากที่พุ่งออกมาแล้ว มู่เฉียนซีก็มองเห็นปากถ้ำแห่งหนึ่ง ถ้ำหานปิง

ตอนนี้ที่ปากถ้ำถูกปิดเอาไว้อยู่ ยังไม่สามารถเข้าไปได้

“พวกเราเป็นผู้ที่ฝ่าค่ายกลออกมาเป็นผู้แรกอย่างแน่นอน ที่นี่ยังจะมีผู้ใดสามารถเทียบกับนายน้อยเจ็ดของพวกเราได้อีก”

มุมปากของมู่เฉียนซีก่อเป็นรอยยิ้มอันเบาบาง ยังไม่ทันได้มองดูว่าที่แห่งนี้มีผู้อื่นหรือไม่ก็ปล่อยคำพูดเช่นนี้ออกมาเสียก่อนแล้ว อีกสักครู่ เดี๋ยวหน้าก็คงจะบวมเสียจนน่าเกลียดเป็นแน่เจ้าพวกคนหนุ่มเอ๋ย!

เป็นดั่งที่คาดเอาไว้ หลังจากที่คนกลุ่มนั้นออกมาแล้วและได้เห็นสาวน้อยที่ยืนเด่นอย่างภาคภูมิอยู่นั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาก็หายไป

สายตาของมู่เฉียนซีมองไปยังตัวของพวกเขาอย่างเกียจคร้าน คนเหล่านี้แต่งตัวไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป

โดยเฉพาะบุรุษผู้ที่ถูกกลุ่มคนล้อมรอบเอาไว้นั้นสวมใส่อาภรณ์สีขาวตลอดทั้งตัว ละเอียดประณีตไม่ธรรมดา รูปลักษณ์งดงาม บนใบหน้านั้นเผยความเย็นชาที่ปฏิเสธขับไล่ให้ผู้อื่นนั้นอยู่ห่างจากตนออกไปเป็นพันลี้

เขามองกวาดมาที่มู่เฉียนซีอย่างหยิ่งทะนง แต่ก็มิได้พูดกล่าวอะไร

ผู้ที่กล่าวประจบประแจงผู้นั้นแทบอดไม่ได้ที่จะตบปากของตนเอง เขามองถลึงตาไปทางมู่เฉียนซีอย่างดุดันอยู่คราหนึ่ง ล้วนแต่ต้องโทษที่เด็กสาวผู้นี้นั้นมาก่อน ครานี้นายน้อยเจ็ดไม่ปล่อยเขาไปแน่

จากนั้นก็ได้มีคนทยอยเดินออกมา

เมื่อได้เห็นนายน้อยเจ็ดแล้วก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปกล่าวประจบประแจง ดวงตาของมู่เฉียนซีหมุนกรอกขึ้นทันที ดูท่าแล้วนายน้อยเจ็ดผู้นี้จะมีชื่อเสียงไม่เบา

มาจากสำนักนิกายระดับสองสำนักใด รึว่ามาจากตำหนักเป่ยหานกัน?

ผู้ที่เข้ามานั้นมีมิน้อย แต่ผู้ที่ผ่านเขาวงกตได้กลับมีไม่มาก

ดูเหมือนว่าจะรอจนไม่ไหวแล้ว นายน้อยเจ็ดผู้นั้นเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าช้านัก”

คนอื่น ๆ นั้นก็มิได้แสดงท่าทีไม่พอใจ “เป็นพวกเราที่ผิดเองที่ทำให้นายน้อยเจ็ดต้องรอนาน”

“นายน้อยเจ็ด มิใช่ว่าทุกคนนั้นจะล้วนเป็นเหมือนท่าน ที่มีพรสวรรค์ในการฝึกบำเพ็ญอันสูงส่ง ในขณะเดียวกันก็มีพรสวรรค์ในเรื่องของค่ายกลที่ร้ายกาจยิ่งนักนี่!”

“……”

คนเหล่านี้ประจบประแจงเจ้าหมอนี่อย่างระมัดระวัง จึงทำให้กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกของนายน้อยเจ็ดผู้นั้นลดลงไปอยู่หลายส่วน

มู่เฉียนซีบ่นพึมพำออกมา เสแสร้ง!

ในตอนนี้เอง ประตูบานใหญ่ที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ตรงหน้าก็ได้ถูกเปิดขึ้นมา

นายน้อยเจ็ดผู้นั้นอดทนรอมิได้และพุ่งเข้าไปเป็นผู้แรก มู่เฉียนซีมิได้แก่งแย่งความเป็นที่หนึ่งในสิ่งนี้กับเขา

อย่างไรเสียก็มิรู้ว่าที่ด้านในนั้นจะมีลูกเล่นอะไรที่แปลกประหลาด การมีผู้เข้าไปสำรวจเส้นทางให้ก่อน เช่นนั้นมันก็เป็นการดีที่สุดแล้วจริง ๆ

มู่เฉียนซีเองก็ตามเข้าไป ที่ด้านในนั้นหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ทันทีที่เข้าไปด้านในนั้นก็รู้สึกได้ถึงความสั่นสะท้านที่อยู่ภายในจิตวิญญาณ

ครึ่งทางเมื่อก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนแต่สามารถยืมเอาพลังความตั้งใจและยืนหยัดต่อไปได้ แต่มาในภายหลังได้มีสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ นา ๆ ออกมามากมายจนล้วนจะอดทนไม่ไหวแล้ว

มู่เฉียนซีอดกลั้นเอาไว้และนำกระบี่มังกรเพลิงออกมาเพื่อป้องกันความตื่นเต้นของนาง การทดสอบของสระหานซินนี้นางจะต้องฝ่ามันไปด้วยตนเอง

ความหนาวเย็นได้จับตัวกันเป็นน้ำแข็งบนขนตา แม้ว่าจะโคจรพลังวิญญาณขึ้นมาก็ยังยากที่จะป้องกันความหนาวเหน็บเอาไว้ได้ มู่เฉียนซีรู้สึกว่าตัวเองเริ่มวิงเวียนขึ้นมา

จะทำเช่นไรถึงจะได้?

ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็เอ่ยขึ้น “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”

“นางจะทำอะไร? ที่นี่หนาวเย็นเป็นอย่างมากอยู่แล้ว แต่นางยังจะเรียกน้ำแข็งออกมาอีก มิใช่ว่าเป็นการฆ่าตัวตายรึไง?”

“ข้าว่านางคงหนาวเหน็บจนเสียสติไปแล้วกระมัง! อย่าไปสนใจเลย พวกเราอดทนเอาไว้!”

เมื่อมู่เฉียนซีถูกชั้นน้ำแข็งที่ตนเองเรียกออกมาห่อหุ้มเอาไว้แล้วก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง เพราะว่านางไม่สามารถที่จะทนรับกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกนั่นได้อีกต่อไปแล้ว

ความเย็นยะเยือกนั้นสามารถทะลุทะลวงการป้องกันทุกสิ่งอย่างได้ แต่มันไม่สามารถที่จะทะลุทะลวงสิ่งที่เป็นเช่นเดียวกันกับมันได้ และน้ำแข็งที่นางสร้างขึ้นมานั้น นางสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่ถูกมันทำร้ายเข้า

หนทางต่อจากนี้ไปมู่เฉียนซีก็เบาสบายไปเป็นอย่างมาก ไม่นานนักก็ได้ออกไปจากปากถ้ำแห่งนี้

ที่ด้านนอกปากถ้ำมีพื้นที่ว่างที่เป็นทรงกลมทั้งหมดเก้าแห่ง ในตอนนี้มีผู้ที่ยืนอยู่บนพื้นที่ว่างนั้นไปแล้วทั้งหมดแปดคน

เงาร่างสีม่วงพุ่งออกไป มู่เฉียนซียืนอยู่บนพื้นที่ว่างทรงกลมแห่งที่เก้านั่น หลังจากที่มู่เฉียนซีไปเหยียบบนนั้นแล้ว ที่ด้านหลังของนางก็ได้ปรากฏตัวหญิงสาวผู้สวมอาภรณ์สีขาวขึ้นมา หญิงสาวผู้สวมชุดสีขาวนั้นมิได้ลงมือกับมู่เฉียนซี แต่กลับวิ่งไปยังด้านหน้าของนายน้อยเจ็ดผู้นั้นแล้วกล่าว “นายน้อยเจ็ด ข้า…ถ้าหากว่าข้ายังไม่บรรลุขั้นอยู่อีกจะต้องถูกท่านพ่อลงโทษเป็นแน่! เช่นนั้นแล้วข้าจะต้องเข้าไปในสระหานซินให้ได้ ท่านจะต้องช่วยข้า”

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

Score 7.8
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ นางคือหมอปีศาจผู้เหี้ยมโหดแต่กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงอ่อนแอไร้ความสามารถที่ผู้คนพากันรังเกียจ ทว่าหลังทำพันธสัญญากับเทพอสูรโบราณ ฝึกฝนบำเพ็ญเคล็ดวิชาต้านสวรรค์จึงเปล่งประกายเจิดจรัสจนผู้คนต้องหลบตาไปตาม ๆ กัน ทั้งยังครอบครองพิษหลายแขนง ใครที่กล้ามารังแกนาง นับว่ารนหาที่ตาย! โอสถเก้าสรรพคุณน่ะหรือ นั่นมันถั่วเคลือบน้ำตาลไว้ให้สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของนางกินเล่นต่างหากเล่า ปรุงยาเป็นก็ต้องเอาแต่ใจอย่างนี้นี่ล่ะ! -------------------------- เขาคือเยี่ยอ๋องรูปงามผู้เย้ายวน ผู้คนต่างเข้าใจว่าเขาเหี้ยมโหดไร้ความปรานี แต่ทำไมกับนาง เขาถึงได้เอาแต่ตามติดจนสลัดไม่หลุดอย่างนี้นะ “ท่านจ้องข้าทำไม” “ข้ากำลังคิดอยู่ว่า เจ้าจะกลายมาเป็นสตรีของข้าอย่างถูกต้องเมื่อไหร่” ทันใดนั้น เข็มเล็กก็จ่อเข้าที่เอวของเขา นางเอื้อนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ท่านอ๋อง การหุนหันพลันแล่นเปรียบดั่งปีศาจร้าย หากพิษเข้าร่างเกรงว่าท่านคงจะต้องมีชะตาเยี่ยงขันทีไปชั่วชีวิต!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset