ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 498 โทสะของทวยเทพ

โทสะของทวยเทพ

 

เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้พบกับชิบะ แต่เมื่อมาลองนึกดู หลี่ว์ซู่เคยกลับบ้านพร้อมชิบะมาก่อนซึ่งหมายความว่าบ้านของเธออยู่ใกล้ๆ โดโจ

 

หลี่ว์ซู่คิดในใจ ไม่ ฉันเข้าบ้านเธอไม่ได้ ทั้งเขาและยาเอโกะเป็นบุคคลที่ถูกกลุ่มทวยเทพหมายหัวเอาไว้และเขาไม่อยากให้ชิบะต้องมีปัญหาไปด้วยอย่างแน่นอน

 

ก่อนที่ชิบะจะเปิดประตู หลี่ว์ซู่ก็ได้วิ่งหนีไปพร้อมยาเอโกะแล้ว ความจริงเขาก็คิดจะฆ่าเธอแต่ก็ทำไม่ลง แม้จะรู้ถึงเจตนารมณ์ที่ไม่เป็นมิตรของเธอตอนที่เข้าหาเขา แต่หลี่ว์ซู่ก็มองเห็นความจริงใจในแววตาของเธอเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

 

การแสดงออกของมนุษย์นั้นอ่านได้ไม่ซับซ้อนเท่ากับการอ่านทำความเข้าใจข้อเขียนหรอก…แต่ในท้ายที่สุด หลี่ว์ซู่ก็เลือกที่จะทำตามสัญชาตญาณของเขา

 

นอกจากนั้น สิ่งที่เขาได้เปิดเผยออกไปก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไร ลำดับแรก หลี่ว์ซู่จะกลับคืนสู่ตัวตนของเขาเองเมื่อจบภารกิจนี้ ฉะนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะให้ยาเอโกะรู้ว่าเขาคือหลี่ว์ซู่

 

ลำดับที่สอง ธารน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นความลับที่รู้กันทั่วมานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหน้ากากนั้นเขามีพยานรู้เห็นเพียงสองรายได้แก่มารโลหิตและปรมาจารย์หุ่นเชิดซึ่งยังคงหลบหนีอยู่ ฉะนั้นจึงอาจมีการแพร่กระจายข่าวผ่านวิธีการอื่นก็เป็นได้ว่าทางเครือข่ายนั้นครอบครองหน้ากาก

 

ดังนั้นเขาจะปลอดภัยตราบใดที่แผนภูมิดาราและกระบี่บินทั้งสองของเขายังถูกเก็บเป็นความลับเอาไว้อยู่

 

ก็นะ มันดูเหมือนจะเป็นข้ออ้างที่ใช้ได้เลยทีเดียว

 

แต่ก่อนที่หลี่ว์ซู่จะวิ่งไปได้ไกล เขาก็ได้ยินชิบะตะโกนตามหลังมาว่า “คิริฮาระคุง! เธออยู่ไหน คิริฮาระคุง!”

 

นี่เธอกำลังพยายามเรียกวิญญาณเขากลับมาเหรอ! หลี่ว์ซู่เลิกดิ้นรนแล้ววิ่งกลับไปทันที “อย่าตะโกนสิ! เธอกำลังดึงดูดให้คนมาทางนี้!”

 

ชิบะดึงเขาเข้าบ้านและกล่าวว่า “พ่อแม่ของฉันเป็นพนักงานระยะยาวอยู่ที่โอคายาม่า ดังนั้นเธอไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย เกิดอะไรขึ้นกับซากุราอิน่ะ เธอบาดเจ็บเหรอ”

 

แต่หลี่ว์ซู่ปฏิเสธที่จะเข้าบ้าน เขาอธิบายว่า “เธอจะปลอดภัยถ้าเธอหยุดตะโกน พวกเราเข้าไปไม่ได้เพราะมันอาจทำให้เธอมีเรื่อง ตกลง อยู่ตรงนี้นะ ฉันคิดว่าพวกเขาคงไม่มาสู้กันที่นี่หรอก”

 

“ฉันจะตะโกนต่อนะถ้าเธอไม่เข้ามา” ชิบะกล่าวอย่างดื้อดึง

 

และแล้วหลี่ว์ซู่จึงได้ตีลงบนจุดหนึ่งที่คอของเธอซึ่งทำให้เธอหมดสติไป เขาลงมือทำมันอย่างดีเพื่อที่ภาวะขาดออกซิเจนชั่วคราวที่เกิดจากการหยุดชะงักของการไหลเวียนของโลหิตในเส้นเลือดแดงใหญ่ที่ไปเลี้ยงสมองของเธอจะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด แล้วหลี่ว์ซู่ก็นำชิบะกลับเข้าบ้านก่อนที่จะปิดประตูและจากไป สาวน้อยคนนั้นดื้อรั้นผิดเวลาไปหน่อย!

 

ณ ตอนนั้น กองกำลังของทวยเทพนั้นมีอยู่เกลื่อนกลาดทั่วทุกหนแห่งในบริเวณใกล้เคียง หลังจากการตายของคิตะมุระ ฮิโรโนะและสัญลักษณ์รื้อถอนบ้านที่เขาวาดเอาไว้มากมาย มันก็คงจะเป็นเรื่องแปลกยิ่งกว่าเสียอีก หากพวกเขาไม่ออกตามล่าตัวหลี่ว์ซู่

 

ฉะนั้นในตอนนี้เขาจึงไม่อาจปล่อยให้ชิบะแพ้ภัยต่อความรู้สึกของเธอเอง เมื่อทวยเทพเจอตัวเขา ชิบะจะหนีรอดได้อย่างไรแม้ว่าเขากับยาเอโกะจะหนีไปได้ก็ตาม และถึงแม้ว่าเธอจะหนีรอดได้ แล้วพ่อแม่ของเธอล่ะ

 

เมื่อละวางความเกลียดชังที่เขามีต่อกลุ่มทวยเทพเอาไว้ก่อน สำนึกผิดชอบชั่วดีของหลี่ว์ซู่ไม่อาจที่จะยอมให้ตัวเองดึงเอาสาวน้อยคนหนึ่งและครอบครัวของเธอมาลำบากลำบนแบบนั้นได้

 

หลี่ว์ซู่วิ่งต่อไปพร้อมกับแบกยาเอโกะไปด้วย แต่ถ้าเช่นนั้นเขาจะไปไหนดีล่ะ

 

ณ ตอนนี้ประตูของชิบะก็เปิดออกอีกครั้ง เธอเริ่มตะโกนโหวกเหวก “คิริฮาระคุง! คิริฮาระ…”

 

หลี่ว์ซู่ปิดปากเธอก่อนที่เธอจะพูดพยางค์สุดท้ายออกมาได้ หลี่ว์ซู่ทั้งช็อกและสับสนไปหมด

 

เธอฟื้นเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร และเพื่อนเอ๊ย อย่าดื้อขนาดนั้นได้ไหมจ๊ะ

 

ที่สำคัญ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะ! หลี่ว์ซู่ถามเธอด้วยน้ำเสียงที่เบา “เธอฟื้นขึ้นมาเร็วขนาดนี้ได้ยังไง”

 

หลังจากที่เขายกมือออกจากปากของชิบะ เธอก็ตอบเบาๆ ว่า “อย่าตีฉันสิ มีห้องใต้หลังคาอยู่ข้างบนและไม่มีใครหามันเจอหรอก ฉันคิดว่าฉัน…ปะทุพลังเมื่อกี้นี้ตอนที่เธอตีฉัน”

 

ตามหลักแล้ว คนธรรมดาสามัญไม่มีทางฟื้นได้เร็วขนาดนั้นหลังจากโดนตีที่เส้นเลือดแดงใหญ่ที่ไปเลี้ยงสมอง แต่ตอนนี้เธอเป็นผู้มีพลังแล้ว…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

 

“???”

 

อย่ามามั่ว ทำไมเธอถึงปะทุพลังได้ราบรื่นกว่าฉันอีก!

 

เขาเกิดความรู้สึกที่เลือนรางขึ้นลึกๆ ในใจว่าเธออาจปะทุพลังเนื่องจากห่วงความปลอดภัยของยูสึเกะอย่างรุนแรง พร้อมกับความวิตกกังวลในการไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออะไรได้…

 

หุนหันพลันแล่นเกินไปจริงๆ …

 

“เข้ามาเร็ว!” ชิบะดึงหลี่ว์ซู่เข้าไปข้างในเนื่องจากเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้

 

จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินใครบางคนสั่งการเสียงดังอยู่ด้านนอก “ปิดพื้นที่ ท่านคิตะมุระ ฮิโรโนะถูกฆาตกรรมใกล้ๆ นี้ ไปค้นหาเบาะแส!”

 

แล้วจึงมีเสียงฝีเท้าดังอลหม่านตามมา ในระหว่างนั้น ไม่มีวี่แววของการสิ้นสุดการต่อสู้ของโอดะและคิตะมุระเลย หลี่ว์ซูคาดว่าโชคคงไม่เข้าข้างโอดะเพราะในที่สุดปรมาจารย์ระดับ B อีกคนที่ชื่อทาคาชิมะ ทาอิรัตสึซึ่งไม่ใช่ผู้ที่มีจิตใจเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ก็จะต้องมาช่วยคิตะมุระ ความตายของโอดะนั้นขึ้นกับเวลาว่าจะช้าหรือเร็วเพียงเท่านั้น

 

ชิบะดึงหลี่ว์ซู่ขึ้นไปข้างบนแต่ในไม่ช้าก็สะดุดขาตัวเองล้ม นี่เป็นเพราะเธอยังต้องใช้เวลาคุ้นชินกับพละกำลังใหม่ที่มี สมัยก่อนหลี่ว์ซู่ฝึกกระบี่กับหลี่เสียนอีอย่างคล่องแคล่วเพื่อที่จะเพิ่มกระบวนการสร้างความคุ้นเคยกับพลังที่เขาได้รับจากแผนภูมิดารา

 

ฉะนั้น จริงๆ แล้วโดโจของคิริฮาระได้ให้ประโยชน์ผ่านการเพิ่มพลังแก่เขาซึ่งสำคัญต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของพละกำลังของเขา

 

ความช่ำชองในการใช้พละกำลังของตนนั้นมาจากความคุ้นเคยและหลี่ว์ซู่ก็รู้จักทั้งหมดนี้ดีทีเดียว

 

ด้วยเหตุผลนี้เอง ผู้บำเพ็ญหลายคนได้ดูถูกผู้มีพลังแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วพวกเขาก็ต้องฝึกหนักไม่แพ้กัน ครั้งหนึ่งหลี่เสียนอีเคยกล่าวเอาไว้ว่าผู้มีพลังหลายคนก็มีส่วนร่วมในการฝึกวิชาอย่างแข็งขันด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เพื่อจะเพิ่มพูนพละกำลัง แต่เพื่อให้เชี่ยวชาญในพลังของพวกเขาอย่างเต็มที่และพัฒนาวิธีใหม่ๆ ที่จะนำมันออกมาใช้

 

ยกตัวอย่างเช่น ฮาเวิร์ด ซึ่งได้พบความเชื่อมโยงอย่างง่ายดายของพลังสายธาตุไฟของเขาและการสร้างนกฟีนิกซ์เพลิงทีละน้อยๆ ผ่านการฝึกวิชา ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงไม่เสียพลังงานไปมากมายในการเรียกพวกนกฟีนิกซ์ออกมา

 

แท้จริงแล้วการปะทุพลังนั้นก็ต้องใช้การเรียนรู้มากมายเช่นกัน

 

หลังจากที่ชิบะสะดุดขึ้นไปถึงชั้นสองได้ในที่สุด เธอก็ดึงประตูลับบานหนึ่งจากเพดานลงมาและเคลื่อนบันไดให้เลื่อนออกมา แล้วเธอก็พูดกับหลี่ว์ซู่ว่า “ห้องใต้หลังคาอยู่บนนั้น มันมองเห็นได้ยากมากจากข้างล่าง ตอนนี้ไปซ่อนที่นั่นก่อนก็แล้วกัน”

 

หลังจากนั้นทันที ก็มีเสียงเคาะประตูดังรัวขึ้น ชิบะเร่งด้วยความลนลาน “เร็วเข้า! ฉันจะไปเปิดประตูให้พวกเขาเข้ามา”

 

ก่อนที่เธอจะพูดจบ พวกเขาก็ได้ยินเสียงผู้ชายตะโกนอย่างฉุนเฉียวมาจากข้างนอก “พวกเราจะพังเข้าไปนะถ้าไม่มีใครอยู่ข้างใน!”

 

ชิบะตะโกนกลับไปทันที “มาแล้ว!”

 

หลี่ว์ซู่หน้าบูดบึ้ง ดูเหมือนว่าทวยเทพจะโมโหโทโสจริงๆ จากเหตุฆาตกรรมของสมาชิกรายสำคัญๆ ของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องเอ่ยถึงโนกิวะ ฮากุชุน ที่พ่อซึ่งอยู่ระดับ B ก็ตายไปเรียบร้อยแล้ว คิตะมุระ คิจิโทริก็เป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงขององค์กร ใครจะไปรู้ว่าเขาจะระบายความโกรธใส่ใครอีกกี่คนหลังจากการตายของฮิโรโนะ

 

หลี่ว์ซู่คิดคำนวณแต้มอารมณ์รวมที่เขามีแนวโน้มน่าจะได้ มันมีมากเกินพอที่จะจุดประกายดาวดวงที่หกของเขา แล้วดวงที่เจ็ดล่ะ…

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset