ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 601 โลกกระจก

ตอนที่ 601 โลกกระจก 

 

 

รถจี๊ปที่กำลังมุ่งหน้าไปทางเหนือมีแค่หลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานในรถเท่านั้น เพราะคนที่เหลือไปโบราณสถานตั้งแต่อีกวันให้หลังหลังจากที่หลี่ว์ซู่กลับมาแล้ว 

 

 

ขณะล้อของรถจี๊ปเคลื่อนไปก็ส่งให้ทรายกระเด็นไปในอากาศ สองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยลมหวีดหวิวในทิวทัศน์ที่แปลกประหลาด ไม่แปลกใจเลยว่าสถานที่นี้นั้นถูกพูดกันว่าไม่มีอะไรธรรมดา เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าหลุดเข้าไปในยมโลกที่มนุษย์จินตนาการไว้กัน 

 

 

“พี่ซู่คิดว่าโบราณสถานจะมีอะไรบ้าง” เฉินจู่อานถามอย่างสงสัย 

 

 

“มีสายฟ้าที่ผ่าลงมาที่คน” หลี่ว์ซู่ตอบจากเบาะหลังขณะหลับตา 

 

 

“…อย่ายึดติดอดีตไปเลยพี่ ผมอาจจะพูดผิดเอง แต่พี่ว่าพวกเขาเข้าใกล้วัตถุเก่าแก่กันหรือยัง นี่ก็ผ่านไปเก้าวันหลังจากกลุ่มแรกเข้าไปในโบราณสถานแล้วนะ” 

 

 

“น่าจะมีสายฟ้าที่ผ่าลงมาที่คนได้จริงๆ นะ” หลี่ว์ซู่พูดอย่างใจเย็น 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเฉินจู่อาน +999!] 

 

 

หลายครั้งที่หลี่ว์ซู่คิดว่าการไปต่างประเทศนั้นมีอิสระมากกว่า แต่ไม่ว่าเขาจะชอบพูดแรงๆ ใส่เฉินจู่อานมากเท่าไหร่ เขาก็ยังไม่ลืมว่าเจ้าตุ้ยนุ้ยนี่เป็นคนแบกเขาออกมาจากหลุมในครั้งนั้น เพราะงั้นเขาเลยไม่อยากทำตัวใจร้ายมากนัก 

 

 

หากไม่ใช่เฉินจู่อานแต่เป็นใครสักคนที่มาจากกลุ่มฟีนิกซ์หรือฝ่ายความศรัทธาละ คงต้องมีการปะทะกันหน่อยล่ะ… 

 

 

เอาอย่างหมอทหารนั่นเป็นต้น จะให้หลี่ว์ซู่ไปชวนทะเลาะกับคนที่มาดูแลอาการบาดเจ็บของเขาที่ค่ายได้ยังไง 

 

 

เพราฉะนั้นการเก็บแต้มอารมณ์จากต่างประเทศเลยเป็นเรื่องง่ายกว่ามาก สาเหตุที่หลี่ว์ซู่กวนอารมณ์คนอื่นนั้นแตกต่างจากคนอื่น มันไม่ได้มาจากความต้องการจริงๆ ของเขาหรอก 

 

 

ในตอนนี้ยังเหลืออีกครึ่งทางที่จะจุดประกายดวงดาวที่เจ็ดในชั้นที่สามของแผนภูมิดาราของเขา แต้มอารมณ์นั้นจึงมีความสำคัญมากในการเพิ่มความคืบหน้าของการฝึกฝน 

 

 

หลายคนสงสัยว่าทำไมหลี่ว์ซู่ไม่ต้องฝึกฝนพลังอะไรเท่าไหร่เลย แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาฝึกซ้อมตอนกลางคืนเป็นส่วนใหญ่ และการพูดกวนบาทาคนอื่นก็เป็นหนึ่งในรูปแบบของการฝึกฝนเหมือนกัน 

 

 

เขาเองก็อยากเลื่อนระดับเป็นระดับ B เหมือนกับคนอื่นๆ นั่นแหละ! 

 

 

แต่ตอนนี้การไต่ระดับในชั้นที่สามมันยากเหลือเกิน ถ้าทุกๆ คนในโลกนี้ให้แต้มอารมณ์กับเขาได้คนละหนึ่งแต้มก็ดีสิ มีคนบนโลกนี้กว่าเจ็ดพันล้านคน เขาก็คงเลื่อนระดับได้ถึง… 

 

 

หลี่ว์ซู่เรื่มคิดคำนวณในหัว… 

 

 

การไปต่างประเทศอาจเป็นตัวเลือกที่เยี่ยมไปเลยก็ได้ เขาคงสามารถกอบโกยทรัพยากรของมาจากโบราณสถานในอเมริกาใต้อย่างที่ผ่านมาไม่นานนี้ แล้วก็อาจจะได้ของวิเศษโบราณด้วย หลี่ว์ซู่ตั้งใจจะวางแผนการเดินทางเพื่อการฝึกฝนของเขาหลังจากที่จบจากการไปสำรวจหลัวปู้พัว 

 

 

ทันใดนั้นรถก็หยุดลง คนขับเห็นหมอกหนาข้างหน้าแล้วก็หันไปบอกเฉินจู่อานและหลี่ว์ซู่ “ทุกคนครับ หลังจากนี้เราต้องเดินเท้าต่อเข้าไปแล้วนะ” 

 

 

หลี่ว์ซู่เปิดประตูออกไปและมองดูโบราณสถาน “ไปกันเถอะ” 

 

 

เขาเป็นห่วงเสี่ยวอวี๋ หลายวันที่ผ่านมานี่ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงจากแต้มอารมณ์ที่ได้มาจากหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เลย เขาเลยสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า 

 

 

เฉินจู่อานตามเข้าไปติดๆ “พี่ซู่ เข้าไปแล้วช่วยผมด้วยนะ!” 

 

 

“พอเข้าไปแล้วตำแหน่งที่เราจะไปโผล่มันไม่ตายตัวหรอกนะ เพราะงั้นฉันช่วยนายไม่ได้ตลอดหรอก ถึงจะอยากช่วยก็เถอะ แต่สัญญาว่าจะคอยปกป้องถ้าเราเจอกันแล้วกัน” พูดจบเขาก็เดินเข้าไปในโบราณสถานอย่างเฉียบขาด 

 

 

ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็เพิ่งรู้ตัวว่ารอบตัวนั้นเป็นโลกใหม่ที่ทั้งใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุด เขาแทบจะยืนอยู่นิ่งๆ ไม่ไหว ไม่ใช่เพราะพื้นสั่นหรอกนะ แต่เพราะพื้นมันลื่นมากน่ะสิ! 

 

 

เขามองสถานที่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจอย่างมาก ที่พื้นนั้นเป็นกระจกเรียบๆ ที่สามารถเห็นภาพสะท้อนของเขาได้ทั้งหมด 

 

 

ท้องฟ้าในนี้เป็นสีน้ำเงินเหมือนกับข้างนอก และรอยต่อระหว่างเส้นขอบฟ้ากับท้องฟ้าดูแล้วเพลินตาเพลินใจมาก 

 

 

ในนี้มันประหลาดอะไรแบบนี้เนี่ย! โบราณสถานที่เขาเคยไปมานั้นมีพื้นที่เป็นหินหรือดินที่มีความคล้ายคลึงกับภูมิประเทศในโลกมนุษย์ แต่ที่นี่ไม่มีอะไรเหมือนเลย! 

 

 

หลี่ว์ซู่พยายามทรงตัวเพื่อไม่ให้ลื่นล้ม 

 

 

แล้วเขาก็รู้สึกถึงคลื่นบางอย่างมาจากข้างหลัง จากนั้นเฉินจู่อานก็โผล่ออกมาจากกลางอากาศ 

 

 

หลี่ว์ซู่ตกตะลึง 

 

 

โอกาสที่พวกเขาจะถูกส่งไปในที่เดียวกันนั้นมีต่ำมาก แต่สุดท้ายก็มาเจอกันจนได้! พอเฉินจู่อานเห็นหน้าหลี่ว์ซู่แล้วเขาทั้งประหลาดใจและดีใจ ทันใดนั้นเขาก็ลื่นล้มบนพื้นที่ห่างออกไปจากหลี่ว์ซู่ประมาณห้าเมตร… 

 

 

“นี่มันอะไรเนี่ยพี่ซู่” เฉินจู่อานพยายามจะยันตัวเองขึ้นมาด้วยการใช้แขน แต่มือของเขาลื่นอยู่บนพื้นอย่างนั้นซ้ำๆ จนหน้าคะมำลงไปกับพื้น! 

 

 

หลี่ว์ซู่มองดูรอบๆ พวกกลุ่มที่มาก่อนหน้าก็เจอแบบนี้ด้วยหรือเปล่านะ ยากแน่ๆ เพื่อนเอ๋ย 

 

 

“พี่ซู่ ช่วยจับหน่อย ผมยืนขึ้นไม่ได้” เฉินจู่อานเรียกให้ช่วย 

 

 

หลี่ว์ซู่สนุกมากที่เห็นเฉินจู่อานลื่นล้มบนพื้นในท่าต่างๆ “ดูนี่สิ ฉันยังยืนได้นิ่งๆ เลย” 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเฉินจู่อาน +666!] 

 

 

เฉินจู่อานหัวเสีย แต่ก็ยังขอร้องต่อ “รู้แล้วๆ ช่วยผมหน่อย…” 

 

 

หลี่ว์ซู่ฉีกยิ้ม “ฉันว่าสมองนายไม่ปกตินะ มันไม่ช่วยให้นายรักษาสมดุลร่างกายตัวเองได้เลย” 

 

 

ขณะที่พูดเขาก็เดินไปที่เฉินจู่อาน แต่ก็ดันลื่นบนพื้นเหมือนกันตอนที่เดินเข้าไปใกล้ และไหลไปเตะเฉินจู่อานแรงๆ หนึ่งที… 

 

 

เฉินจู่อานอึ้งไปเลย 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเฉินจู่อาน +999!]  

 

 

พอเป็นอย่างนั้นก็ทำให้เฉินจู่อานลื่นไถลเข้าไปอีกสิบเมตรบนพื้นที่ไม่มีแรงเสียดทานนี่… 

 

 

“พี่ซู่…” เฉินจู่อานนอนแผ่ลงบนพื้นกระจก สีหน้าหมดหวังสุดๆ “เมื่อกี้พี่ตั้งใจใช่ไหม…” 

 

 

“เอ่อ…อุบัติเหตุต่างหาก” หลี่ว์ซู่ต่อยลงไปที่พื้น กระจกชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็แตกอยู่ใต้หมัดของเขา 

 

 

พอพื้นไม่ลื่นแล้วหลี่ว์ซู่ก็ยืนขึ้น ดวงตาของเฉินจู่อานก็เป็นประกาย “ฉลาดมากพี่ซู่! คงไม่มีใครคิดวิธีนี้ได้แบบพี่แน่!” 

 

 

เมื่อตอนที่เขาเห็นกิ้งก่ากินคนสองสามวันก่อน เขาก็รีบกระโดดจากรถในขณะที่เฉินจู่อานและคนอื่นๆ รอรถให้หยุดก่อน ตอนนี้ก็เหมือนกัน คนอื่นต่างยอมรับสภาพภายในโบราณสถานนี้ แต่หลี่ว์ซู่กลับรู้สึกอยู่ในใจลึกๆ ว่าเขาสามารถเปลี่ยนสภาพการณ์ได้ 

 

 

การทำตามสัญชาตญาณเป็นสิ่งสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้ามีศัตรูสองคนที่ความสามารถเท่าๆ กัน การทำตามสัญชาตญาณก็จะเป็นสิ่งที่แยกความแตกต่างของทั้งสองคนออกได้ 

 

 

เฉินจู่อานทำตามหลี่ว์ซู่ เขาออกหมัดลงไปบนกระจกเสียงดัง แต่กระจกกลับไม่สะเทือน มือของเฉินจู่อานเกือบหักเป็นชิ้นๆ แล้วไหมล่ะ 

 

 

“ทำไมมันแข็งแบบนี้ล่ะ” เฉินจู่อานร้องด้วยความเจ็บปวด เขาเพิ่งมาเข้าใจว่าความแข็งแกร่งของหลี่ว์ซู่นั้นนำหน้าเขาไปมาก! 

 

 

ถึงเขามีสัญชาตญาณแบบหลี่ว์ซู่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก หลี่ว์ซู่นั้นใช้กำปั้นต่อยทีเดียวกระจกก็แตก แต่เขาต้องพยายามต่อยอยู่หลายครั้ง… 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเฉินจู่อาน +666!]  

 

 

หลี่ว์ซู่ยืนอยู่บนเศษกระจก เขาสัมผัสได้ว่ากระจกแข็งขนาดไหนขณะที่ต่อยมันแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ 

 

 

เขาเดินไปที่เฉินจู่อาน และทำให้กระจกข้างล่างตัวเขาให้แตกในทุกๆ ก้าวที่เดินไป “ฉันไม่มีพลังมากพอจะทำให้กระจกแตกในทุกๆ ที่ที่เราเดินไปหรอกนะ หาทางอื่นกันเถอะ” 

 

 

ขณะที่พูด หลี่ว์ซู่ก็คิดไปว่าพวกนักเรียนห้องเต้าหยวนจะแก้ปัญหานี้กันยังไงนะ เพราะขนาดเขาเองก็ยังรู้สึกว่าจัดการยากเลย… 

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset