ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 500 ตัวตนใหม่

ตัวตนใหม่

 

บรรยากาศในห้องค่อนข้างจะเริ่มอึดอัดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ยาเอโกะยังหมดสติอยู่ จู่ๆ ชิบะก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี คนที่เธอชอบเกือบถูกฆ่าตายและเธอก็เกิดปะทุพลังขึ้นมาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เธองงอย่างมากแต่ในขณะเดียวกันเธอก็ออกจะมีความสุขด้วยเหมือนกัน

 

หลังจากหลี่ว์ซู่ซ้อมเพื่อนร่วมชั้นเจ็ดคน ชิบะก็เดาว่า ‘คิริฮาระ ยูสึเกะ’ เป็นผู้บำเพ็ญ ทุกครั้งที่เธอคิดเรื่องนั้น เธอจะรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างพวกเขากว้างขึ้นอีก แต่วันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอเองก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษในสายตาของเพื่อนๆ ร่วมชั้นด้วยเหมือนกัน…

 

จากมุมมองของชิบะ ระยะห่างระหว่างพวกเขาดูเหมือนจะแคบลงมาแล้วในตอนนี้

 

หลี่ว์ซู่กำลังใคร่ครวญเรื่องการตัดสินใจมาที่ประเทศญี่ปุ่นของเขา พูดตามตรงแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาคิดถูกที่มาที่นี่ แม้ว่าจะไม่มีมรดกให้เขารอรับ ดังที่หลี่อีเสี้ยวเคยบอกเอาไว้ว่างานภายในประเทศมีข้อจำกัดของมันเอง แต่เมื่อเป็นงานการต่างประเทศ ทุกอย่างนั้นแตกต่างออกไป มันเหมือนกันไม่ว่าคุณจะหลอกใคร แต่ในทางกลับกันคนอื่นก็กำลังวางแผนจะหลอกคุณอยู่เช่นกัน

 

อย่าว่าแต่องค์กรอย่างทวยเทพเลย ขนาดหลี่ว์ซู่เองยังจะไม่มีภาระทางใจเลยสักนิดถ้าเขาคิดจะหลอกพวกเขา

 

จู่ๆ เครือข่ายฟ้าดินก็มอบหนทางล่าถอยให้ในขณะที่เขากำลังจะปลดล็อกกลุ่มดาวที่สาม หลี่ว์ซู่พบว่าตัวเองยังไม่อยากกลับไปตอนนี้ อยู่ที่นี่เขาได้แต้มอารมณ์ง่ายมากๆ เขาจึงตัดสินใจจะจากไปหลังจากที่เขาได้ปลดล็อคมันแล้วเท่านั้น

 

สำหรับยาเอโกะนั้น เขาจะรอจนกว่าบาดแผลของเธอหายดีและการเคลื่อนไหวของเธอคืนกลับมาก่อนที่จะปล่อยเธอไป ณ ตอนนี้ไม่มีที่ไหนปลอดภัยในประเทศญี่ปุ่นที่เธอสามารถใช้หลบภัยได้ บางทีโอดะ โทคุมะอาจจะตายในคืนนี้

 

ถ้าไม่เช่นนั้น ก็ยังมีทาคาชิมะ ทาอิรัตสึที่ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร หลี่ว์ซู่นั้นอยากหาเรื่องตีกับคนแน่ๆ แต่มันดันมีคนระดับ B มาชุมนุมกันมากมายเกินไป ถึงแม้ว่ามันจะมีเพียงหลี่ว์ซู่คนเดียว เขาก็จะไม่ทำอะไรที่จะก่อให้เกิดความสูญเสียสำหรับทั้งสองฝ่ายเพียงเพื่อจะให้ผลประโยชน์กับอีกฝ่ายหนึ่ง

 

ในขณะที่หลี่ว์ซู่ได้พบสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับยาเอโกะและเตรียมตัวจะวิเคราะห์ตัวตนใหม่ที่เครือข่ายฟ้าดินส่งมาให้อย่างละเอียด ชิบะก็พลันกล่าวขึ้นว่า “คิริฮาระคุง เธอพักอยู่ที่นี่ได้เลยสบายใจได้ กว่าพ่อแม่ของฉันจะกลับมาก็ปลายสัปดาห์หน้าแน่ะ ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลยนะ”

 

หลี่ว์ซู่ไม่ได้ห่วงเรื่องนี้เลย เขาเริ่มสงสัยขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อเขานึกถึงเงินที่ซ่อนอยู่ในห้องใต้หลังคาได้ เขาถามชิบะ “พ่อแม่ของเธอทำมาหากินอาชีพอะไรเหรอ”

 

“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน…” ชิบะส่ายหัว “พวกท่านไม่เคยให้ฉันถามคำถามประเภทนั้นเลย พวกท่านต้องการให้ฉันสนใจเรื่องเรียนเท่านั้นและไปเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยนิชิโนะเกียว”

 

หลี่ว์ซู่อยากถามว่าครอบครัวของเธอทำธรกิจที่ทำเงินได้เร็วๆ เนื่องจากเขาสนใจมาก…แต่จากคำตอบของเธอแล้ว แม้กระทั่งตัวชิบะเองยังไม่แน่ใจเลยว่าพ่อแม่ทำงานอะไรเพื่อเลี้ยงชีพ

 

หลี่ว์ซู่เดาว่าการเก็บเงินจำนวนนั้นในห้องใต้หลังคาและไม่เอาไปฝากธนาคาร…บางทีอาจเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมายบางอย่างก็เป็นได้…

 

พวกเขาไม่ได้คุยอะไรกันมากในช่วงเวลาที่เหลือของคืนนั้น มันดูราวกับว่าชิบะนั้นค่อนข้างจะสับสนวุ่นวายในขณะที่หลี่ว์ซู่ยังคิดหาทางอธิบายสถานการณ์ของเขาให้ชิบะฟังไมได้เลย

 

หลี่ว์ซู่มีแค่เวลาสำหรับการวิเคราะห์ตัวตนใหม่ให้ดีครั้งเดียวก่อนที่จะลงเอยอยู่ที่ห้องพักแขก

 

ตัวตนใหม่ของเขาคือยามาดะ อาคิระ คนระดับ C เป็นคนขับรถและผู้ช่วยคนสำคัญ เมื่อสัปดาห์หนึ่งก่อนหน้านี้ เกิดข้อสงสัยว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับสมาชิกอนุรักษนิยมที่เสียชีวิตไปแล้วคนหนึ่ง แล้วจึงถูกลดความสำคัญลงในสังคม ตอนนี้เขาคุมโกดังสินค้าแห่งหนึ่งในนิชิโนะเกียว โกดังสินค้าแห่งนี้ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น มันเอาไว้เก็บสารเคมีทั่วไปบางชนิดที่ใช้เป็นตัวกระทำปฏิกิริยาและเป็นส่วนประกอบเช่น โซเดียมโพแทสเซียมอัลลอย มันเป็นงานที่ใครก็ทำได้ แต่เหมือนเช่นผู้รักษาความปลอดภัยที่คฤหาสน์ทวยเทพ กลุ่มทวยเทพและสมาคมฟีนิกซ์นั้นแตกต่างกัน ฝ่านแรกถือว่าผู้บำเพ็ญทั้งหมดในองค์กรของพวกเขาเป็นอะไหล่ของเครื่องจักร

 

พวกเขามีทั้งอะไหล่ที่มีค่าและอะไหล่ที่ไม่ค่อยจะสำคัญเท่าไร สำหรับยามาดะ อาคิระนั้น เขาน่าจะมีบทบาทเป็นสกรู…

 

เขาได้ฝึกแค่ระดับ D มีประวัติที่ต่ำต้อย และไม่มีเพื่อนดีๆ ก่อนหน้านี้เขาได้รับการเลื่อนขั้นสำหรับทัศนคติการทำงานที่จริงจัง ทว่าตอนนี้เขากลับถูกลดความสำคัญลง

 

หลี่ว์ซู่มองดูรูปร่างหน้าตาภายนอกของเขา ความกำยำและความสูง รวมทั้งระยะเวลาที่เขาได้ใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์กับพวกอนุรักษนิยม จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าเนี่ยถิงได้ตระเตรียมตัวตนนี้ให้เขาโดยเฉพาะ หลังจากที่มาประเทศญี่ปุ่น เขาก็สามารถใช้ตัวตนที่เตรียมเอาไว้ให้เขาได้ทันที

 

ไม่ว่าจะอย่างไร หลี่ว์ซู่ก็สามารถเปลี่ยนได้แค่รูปลักษณะภายนอก แต่ไม่อาจกลายเป็นคนอีกคนหนึ่งได้โดยสมบูรณ์ เขาเชื่อว่าเนี่ยถิงก็รู้ในความจริงข้อนี้อย่างชัดเจนมากๆ ดังนั้นตัวตนที่หลี่ว์ซู่จำเป็นต้องใช้ต้องไม่ใช่เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่สำคัญ ในแง่ของการรวบรวมข่าวกรองแล้ว แม้แต่คนระดับ D ยังทำงานได้ดีกว่าหลี่ว์ซู่เลยด้วยซ้ำ

 

สิ่งที่หลี่ว์ซู่ต้องการคือ ตำแหน่งที่ปกป้องและลดโอกาสที่คนอื่นจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา

 

ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็ตระหนักว่ามันน่ากลัวเพียงใดสำหรับเครือข่ายฟ้าดินซึ่งเป็นองค์กรผู้บำเพ็ญขนาดใหญ่ที่จะให้บริการต่างๆ แก่ใครสักคน

 

ทรัพยากรประเภทนี้ไม่ได้หาได้ในองค์กรไหนๆ นี่เป็นมรดกที่สืบทอดกันมาอย่างแท้จริง

 

ข้อมูลเน้นย้ำไว้ว่าหลังจากที่หลี่ว์ซู่ได้ใช้ตัวตนนี้ ยามาดะจะถูกส่งกลับไปทำงานในเครือข่ายฟ้าดินอย่างลับๆ

 

หลี่ว์ซู่พิจารณาดูแล้ว ตัวตนนี้ก็ไม่เลว และยังจะช่วยให้สายลับได้กลับแผ่นดินเกิด นี่ดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ดีมาก ด้วยเหตุผลบางประการเขาก็พลันนึกถึงทานิกุชิ บันได แม้ว่าเธอจะไม่อยากกลับประเทศของเธอ แต่เขาก็อดที่จะเคารพพวกเขาเป็นอย่างยิ่งไม่ได้

 

กลุ่มคนพวกนี้…พวกเขาคงจะต้องทรมานใจอยู่มากแน่นอน

 

ในคืนนั้น หลี่ว์ซู่กินผลดวงดาวซึ่งช่วยยกระดับชั้นได้ และจุดประกายดาวดวงที่หกได้สำเร็จ ดาวดวงที่เจ็ดนั้นยังอยู่ห่างไกลจากการจุดประกาย หลี่ว์ซู่ต้องทำเรื่องใหญ่ๆ บางอย่างเสียแล้ว

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าทวยเทพจะโทษเขาไม่ได้ ดาวดวงที่เจ็ดนั้นมีค่าเท่ากับแต้มอารมณ์สามล้านสองแสนแต้ม ซึ่งเป็นตัวเลขที่เยอะมาก เขาไม่อาจจะก้าวหน้าได้โดยไม่ลงมือทำอะไรเลย!

 

หากพวกทวยเทพรู้ความจริง พวกเขาก็คงจะเห็นใจเขาอย่างแน่นอน!

 

หลี่ว์ซู่ได้กลับมากระหายแต้มอารมณ์อีกครั้ง

 

หลี่ว์ซู่ตื่นก่อนรุ่งสาง เขาเคาะประตูห้องของชิบะและได้ยินเสียงของเธอดังมาจากข้างใน “ใครน่ะ นั่นเธอเหรอ คิริฮาระคุง”

 

“อืม ฉันเอง ฉันแค่อยากบอกว่าตอนนี้ตีสาม เธอยังนอนต่อได้อีกสักพักนะ”

 

[ได้แต้มจากชิบะ +666…]

 

หลี่ว์ซู่เดินกลับไปที่ห้องของเขา เขากระซิบกับตัวเองเบาๆ ว่า “มีทางอื่นอะไรอีกบ้างนะที่จะทำให้ได้แต้มอารมณ์!”

 

เมื่อมองเห็นระดับ B อยู่ในระยะสายตาแล้ว หลี่ว์ซู่จึงเริ่มหมกมุ่น…

 

กลุ่มทวยเทพยังคงส่งแต้มอารมณ์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะคลื่นของแต้มที่ได้รับช่วงตีสอง พวกเขาคงจะกลับบ้านไปเจอตัวหนังสือ ‘รื้อ’ อยู่บนประตูบ้านของพวกเขา…

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขามองการณ์ไกลได้ดี ไม่มีทางที่พวกเขาจะล้างสีแดงนั่นออกได้ภายในคืนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะล้างมันออกได้ พวกเขาก็จะต้องทาสีภายนอกใหม่ทั้งหมดเพื่อรักษาเฉดสีของตัวบ้าน

 

หากพวกเขาล้างไม่เสร็จในวันนี้ หลี่ว์ซู่ก็จะได้รับแต้มอารมณ์ต่อ

 

โดยเฉพาะคิตะมุระ คิจิโทรินั้นให้แต้มอารมณ์แก่หลี่ว์ซู่จำนวนมากเป็นพิเศษ ได้เพิ่มมาอีกเก้าร้อยเก้าสิบเก้าแต้ม! นี่ทำให้หลี่ว์ซู่ยิ่งสนใจคำสองคำนี้มากเข้าไปใหญ่ ‘คิตะมุระ คิจิโทริ’ …

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset