ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 608 หอกสามง่ามที่หายไป

เฉินจู่อานมองหลี่ว์ซู่ที่ถือหอกสามง่ามสี่เล่มในมือด้วยสีหน้าเจื่อนๆ หลี่ว์ซู่ดูจะยังไม่ค่อยพอใจนัก พวกทหารใต้ทะเลเริ่มคิดได้แล้วว่าการโจมตีแบบนี้ทำอะไรหลี่ว์ซู่ไม่ได้ ดังนั้นจึงหยุดจู่โจมด้วยการขว้างไม่สามง่ามออกไป 

 

 

หลี่ว์ซู่รออยู่นานจนเห็นแล้วว่าไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีก เขาจึงกระโดดกลับเข้ามาในแนวป้องกัน มั่วเฉิงคงอยากเอ่ยพูดขอบคุณหลี่ว์ซู่ แต่หลี่ว์ซู่กลับชิงตบบ่าเขาก่อน “เหนื่อยหน่อยนะ ขอบใจมาก” 

 

 

มั่วเฉิงคงงงไปเลย 

 

 

แต่ความเป็นจริงแล้ว ถ้ามั่วเฉิงคงไม่รับหน้าที่เป็นเป้าให้หลี่ว์ซู่ เขาก็คงไม่ได้หอกสามง่ามมาเยอะขนาดนี้หรอก มีเพียงเฉินจู่อานเท่านั้นที่เข้าใจเรื่องนี้ ส่วนคนอื่นๆ ยังงงอยู่ 

 

 

“เมื่อกี้นี้เสี่ยงมากเลยนะ” ใครคนหนึ่งพูดขึ้นมา “แต่นายกลับตอบสนองได้เร็วมาก ไม่อย่างนั้นหัวหน้ามั่วคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว” 

 

 

“ฮ่าๆ ก็เพราะฉันใส่ใจกับความเคลื่อนไหวในน้ำน่ะสิ ในขณะที่พวกนายชมวิวกันเพลินๆ” หลี่ว์ซู่อธิบายออกมาอย่างสบายๆ 

 

 

คำอธิบายของเขาฟังดูน่าเชื่ออยู่ ทุกคนจึงพากันมองหลี่ว์ซู่เปลี่ยนไป ก็เหมือนเวลาอยู่ในสมรภูมิแล้วได้เห็นสหายร่วมรบแสดงฝีมือดีๆ นั่นล่ะ พอได้เห็นทักษะการต่อสู้เพื่อนก็จะคิดว่าสหายคนนี้ช่างไว้ใจได้จริงๆ แต่ต่อให้เขาเจ๋งๆ แค่ไหน ก็ยังมีความคิดว่าตัวเองเจ๋งกว่าอยู่ดี ฉันนี่แหละที่จะเป็นคนแบกทุกคนไปจนจบสงครามเอง! 

 

 

นักเรียนห้องเต้าหยวนต่างก็เติบโตขึ้นมากจากการฝึกทหาร ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงร้อนใจอยากแสดงฝีมือออกมากัน พวกเขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นฮีโร่ทีข้ามผ่านการฝึกหนักหน่วงมาได้ แม้จะเป็นเด็กใหม่แต่ก็สามารถล้มคนอื่นคว่ำ 

 

 

ทว่าบางคนก็รู้ได้ทันทีว่าหลี่ว์ซู่นั้นแตกต่างจากคนอื่น อย่างเช่นมั่วเฉิงคงเป็นต้น 

 

 

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ามีแต่หลี่ว์ซู่นี่แหละที่ยื่นมือเข้ามาช่วยชีวิตมั่วเฉิงคง การตอบสนองรวดเร็วว่องไวขนาดนั้นไม่มีทางที่เขาจะเป็นแค่นักเรียนห้องเต้าหยวนธรรมดาๆ ได้หรอก แล้วหลี่ว์ซู่ยังกล้าจะออกไปนอกแนวป้องกันคนเดียวด้วย ความคิดความอ่านของเขานั้นมากกว่านักเรียนทั่วไปแล้ว 

 

 

หลี่ว์ซู่เดินออกไปอีกสองก้าว แต่ก่อนที่เขาจะได้จากไป มั่วเฉิงคงก็พยายามที่จะตีสนิทเขา “ยอดฝีมือ อย่าไปเลยนะ!”  

 

 

“ไม่ได้จะไปไหนสักหน่อย” หลี่ว์ซู่ถอนหายใจ “หัวหน้า ฉันว่าชื่อของหัวหน้าน่าจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์การฝึกฝนแล้วล่ะ” 

 

 

หลี่ว์ซู่ขอชื่นชมเลยที่มั่วเฉิงคงนั้นยังคงดูสบายๆ กันเองเมื่ออยู่กับแข็งแกร่งกว่า เขาไม่มีทีท่างกๆ เงิ่นๆ หรือเขินอายเลยสักนิด และคนแบบนี้แหละที่จะตายเอาง่ายๆ … 

 

 

ในเวลาเดียวกันพวกทหารจากทะเลก็เข้ามาล้อมทั่งทั้งแนวป้องกันตามชายฝั่งบนเกาะที่ปลอดภัย ตอนนี้นักเรียนห้องเต้าหยวนกำลังตั้งใจรวบรวมสมาธิกันอย่างมากเพื่อเตรียมรับมือการโจมตีครั้งถัดไป 

 

 

มีแต่เฉินไป่หลี่เท่านั้นที่จะเอาวัตถุโบราณมาได้ เฉินไป่หลี่ลอยตัวอยู่ในอากาศและมองดูการเคลื่อนไหวของศัตรูจากทะเลอย่างตั้งใจ เขาไม่ได้ดูหวาดกลัวเลย สถานการณ์แบบนี้กลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ 

 

 

หากพวกเขาใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้วเครือข่ายฟ้าดินเห็นว่าเวลาที่ใช้นั้นเกินขีดจำกัดและเสี่ยงที่จะเป็นอันตราย เครือข่ายฟ้าดินก็จะส่งกำลังคนมาเพิ่มในโบราณสถาน 

 

 

บางทีเนี่ยถิงอาจจะเข้ามาทำภารกิจให้สำเร็จด้วยตัวเองก็ได้ 

 

 

ทันใดนั้นทหารจากท้องทะเลก็เร่งขึ้นมาบนผิวน้ำ แค่พริบตาเดียวก็เกิดการปะทะกันขึ้นบนเกาะทันที 

 

 

เฉินไป่หลี่เลือกไปช่วยบริเวณที่โดนเล็งโจมตีมากที่สุด เขาโบกมือออกไปแล้วดาบบินก็ถูกส่งไปยังสนามรบ ดาบพวกนั้นบินกลับไปกลับมาระหว่างจุดที่เขาอยู่และจุดที่พวกทหารจากทะเลอยู่ พลังของเขาช่างเหลือร้ายจริงๆ! 

 

 

ตอนนี้มีทหารจากท้องทะเลเข้ามาที่ชายฝั่งที่เฉินไป่หลี่ไม่ได้สังเกตไปครู่หนึ่ง ทหารพวกนี้รู้ดีว่าประมือกับเฉินไป่หลี่ไปก็ยุ่งยากเปล่าๆ พวกเขาจึงใช้ทหารคนอื่นเป็นตัวล่อเพื่อที่จะให้อีกกลุ่มได้เข้ามาในแนวป้องกัน 

 

 

บริเวณที่ตั้งใจจะโจมตีจะอยู่ที่แถวๆ กองพันที่ 42 และกองพันที่ 48 

 

 

พวกทหารยกหอกสามง่ามขึ้นมาแล้วกระโดดเข้ามาในกำแพงป้องกัน หลี่ว์ซู่เห็นแบบนั้นก็ชักหงุดหงิด ทำไมฝั่งของเขาต้องตกเป็นเป้าโจมตีหลักด้วย นี่มันจะเกินไปแล้วนะ! 

 

 

ในสายตาของหลี่ว์ซู่แล้ว ทหารแต่ละคน…นับเป็นเป็นอาวุธที่วิ่งได้! 

 

 

หลี่ว์ซู่ปัดพวกศัตรูออกไปแล้วตะโกนถาม “หัวหน้ามั่ว ไหนบอกว่าเราจะไม่โดนโจมตีไง!” 

 

 

มั่วเฉิงคงตะโกนกลับมาเหมือนกัน “ฉันว่านี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าฉันทิ้งพวกนายไว้น่ะ!” 

 

 

มั่วเฉิงคงอยากให้กองทหารของเขาถอยออกไปก่อนแล้วรอความช่วยเหลือจากกลุ่มที่ใหญ่กว่า แต่หลี่ว์ซู่กลับถลาเข้าไปประจันหน้ากับกลุ่มศัตรูที่เข้ามาแล้วเปลี่ยนแผนเป็นเดินหน้าเข้าโจมตีแทน 

 

 

หลี่ว์ซู่ถือหอกสามง่ามไว้ในมือแล้วพุ่งตัวออกไปข้างหน้า เกราะทองแดงบนตัวของศัตรูนั้นน่ารำคาญจริงๆ ดาบยาวที่พวกหลี่ว์ซู่ใช้นั้นสั้นกว่าสามง่ามของอีกฝ่าย แถมเกราะทองแดงนี่ยังเจาะยากอีก 

 

 

แต่หลี่ว์ซู่น่าทึ่งกว่านั้นมาก เมื่อไม่สามารถฝ่าด่านเข้าไปได้ เขาเลยใช้หอกสามง่ามนั้นโจมตีเหมือนไม้ตีผ้าที่ใช้ตอนซักผ้า ทักษะการใช้หอกสามง่ามของเขาแม่นยำมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

เกราะทองแดงยังไม่ทันแตก พวกทหารจากทะเลก็ถูกหลี่ว์ซู่ซัดจนหมอบไปกับพื้นหมด 

 

 

“นี่ใช่ฝีมือระดับ D งั้นเหรอ อย่ามาล้อเล่นกันหน่อยเลย ฉันเองก็ระดับ D ขั้นกลางเหมือนกัน” ใครบางคนพูดออกมาด้วยความตกตะลึง 

 

 

พวกนักเรียนห้องเต้าหยวนที่หวาดกลัวศัตรูจากท้องทะเลต่างรู้สึกสบายใจกันขึ้นมานิดหนึ่งหลังจากได้สัมผัสฝีมือของหลี่ว์ซู่ “ถ้าบอกว่าเขาเป็นราชันฟ้า ฉันก็เชื่อนะ…” 

 

 

เมื่อมีคนแสดงฝีมือสุดเจ๋งในการต่อสู้ก็อาจทำให้สหายร่วมรบคนอื่นรู้สึกว่าเขานั้นพึ่งพาได้ แต่เมื่อมียอดฝีมือที่กวาดเรียบตั้งแต่เปิดฉากต่อสู้ได้แปดนาที ต่อให้เป็นไอ้โง่ก็ยังรู้ว่าพวกเขาได้เจอคนจริงเข้าให้แล้ว… 

 

 

หลี่ว์ซู่วิ่งเข้าวิ่งออกไปมาในสนามรบ คอยค้นหาทหารจากทะเลเพื่อปัดป้องพวกมันให้ล่าถอยไป แต่ถึงอย่างนั้นพวกศัตรูก็ยังพยายามฝ่าเข้ามาอยู่ดี ไม่ใช่ว่าหลี่ว์ซู่ไม่แข็งแกร่งพอหรอก แต่การป้องกันพื้นที่ของกองพันที่ 42 ทั้งหมดมันเหนื่อยเอามากๆ น่ะสิ เขาไม่สามารถดูแลแนวป้องกันที่ยาวกว่าร้อยเมตรนี่เพียงคนเดียวได้หรอก! 

 

 

เฉินจู่อานที่อยู่ข้างหลี่ว์ซู่เองก็กระโจนเข้าไปร่วมวงเข่นฆ่าด้วยเหมือนกัน เขาสามารถตามทันจังหวะการสู้ของหลี่ว์ซู่ในสนามรบได้ 

 

 

ในสังเวียนรบที่วุ่นวายโกลาหลเช่นนี้ บาดแผลเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน กระนั้นมั่วเฉิงคงก็สมกับเป็นหัวหน้าจริงๆ เมื่อมีใครบาดเจ็บขึ้นมา เขาก็จะส่งคนไปปกป้องคนที่บาดเจ็บและพากลับมา ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มเปิดฉาก พวกเขายังไม่สูญเสียกำลังไปเลย 

 

 

ส่วนการโจมตีของหลี่ว์ซู่นั้นไม่ได้มุ่งเอาถึงตาย เขาเพียงแค่ใช้หอกสามง่ามฟาดเท่านั้น ไม่ได้เอาไว้แทงให้ถึงฆาต เมื่อพวกทหารจากท้องทะเลผ่านพวกเขาไป พวกเขาก็จะถูกฟาดจนงง แต่ยังไม่ตาย 

 

 

ส่วนหน้าที่ปลิดชีพนั้นยกให้เป็นของเฉินจู่อาน 

 

 

“พี่ซู่ หอกสามง่ามของพวกมันหายไปไหนหมดล่ะ” เฉินจู่อานถามเพราะพวกทหารจากทะเลที่เขากำลังจะฆ่านั้นไม่มีใครถืออาวุธไว้ในมือเลย 

 

 

ในขณะที่หลี่ว์ซู่มองหาพวกทหารจากท้องทะเล เขาก็หัวเราะ “นกกระจอกน้อย ใส่เสื้อผ้าสีสดใส มากันทุกฤดูใบไม้ผลิ ขอถามหน่อยนกกระจอกเอย ทำไมถึงมากัน” 

 

 

เฉินจู่อานงุนงง ทำไมอยู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็ร้องเพลงออกมาล่ะ 

 

 

เฉินจู่อานพยายามทายคำตอบ “นกกระจอกตอบว่าเพราะฤดูใบไม้ผลิที่นี่มันสวยงามรึเปล่า” 

 

 

“เปล่า นกกระจอกตอบว่าไม่ใช่เรื่องของแกซะหน่อย” หลี่ว์ซู่ส่ายหัวตอบ 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเฉินจู่อาน +999!] 

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset