ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 623 มีคนตาย!

เสียงตบนั้นดำเนินไปเรื่อยๆ แต่หลี่ว์ซู่ไม่อยากทำตามคนอื่น เขาไม่ยอมโดนตบฟรีๆ หรอก! 

 

 

ขณะเดียวกันนั้น คู่ของเขาก็เตรียมจะตบหน้าเขาเข้าให้แล้ว แต่ยังทำไม่ได้เพราะหลี่ว์ซู่ยังไม่ได้ถอดหมวกออก ถ้าจะให้ตบหมวกก็คงเจ็บมือแน่ 

 

 

“ตบฉันเร็ว ถ้าไม่งั้นละก็…” 

 

 

ตอนที่เขากำลังจะบอกให้หลี่ว์ซู่ถอดหมวกออก หลี่ว์ซู่ก็บอกออกไปว่า “งั้นต้องขอโทษด้วยนะ” 

 

 

หลี่ว์ซู่ตบหน้าเข้าไปเน้นๆ ฉาดใหญ่จนเขาหมดสติลงไปกับพื้น ขาของเขากระตุกแหง็กๆ เหมือนกำลังจะตาย 

 

 

เค่อเหวินตัวถึงกับเงียบ 

 

 

ทุกคนต่างมองไปยังหลี่ว์ซู่… 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อเหวินตัว +666…] 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จาก…] 

 

 

ทหารในชุดดำที่นั่งอยู่ก็มองมาเหมือนกัน เขาใช้เวลาชั่วครู่หนึ่งกว่าจะรวบรวมสติได้ เขาเคยมีความสุขที่เห็นพวกนี้ถูกทำโทษแบบที่ทำให้อับอายนะ แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนตายที่นี่ 

 

 

นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย! 

 

 

ในขณะที่คนอื่นมองมาอย่างประหลาดใจสุดขีด หลี่ว์ซู่ก็มองลงไปกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้ ทำไมเจ้านี่อ่อนแบบนี้ล่ะ… 

 

 

ในความเป็นจริงแล้ว ความแข็งแกร่งของหลี่ว์ซู่ตอนนี้เทียบเท่ากับระดับ B เลยทีเดียว กลับกัน ทหารพวกนี้เพิ่งจะขึ้นมาระดับ C ช่วงเริ่มต้นเท่านั้นเอง เมื่อไม่มีเกราะป้องกันตัวแล้ว พวกมันทนพลังของหลี่ว์ซู่ไม่ได้หรอก 

 

 

ทหารชุดสีดำลุกขึ้นมาแล้วเดินมาที่หลี่ว์ซู่ เขาก่นด่าทหารที่นอนกองอยู่บนพื้น “ไอ้สวะเอ๊ย!” 

 

 

แล้วก็หันกลับมายังหลี่ว์ซู่ “ถอดหมวกออก!” 

 

 

ทหารที่เหลือเริ่มรู้สึกสงสารเค่อเหวินหลี่ขึ้นมา เพราะหากโดนทหารชุดดำทำโทษส่วนตัว โอกาสรอดของเขาก็เหลือน้อยเต็มกลืน 

 

 

เมื่อก่อนก็มีผู้ขบถต่อทหารชุดดำเหมือนกัน แล้วก็จบไม่สวยกันไป ในโลกของพวกเขานั้น ทหารชุดดำจะคร่าชีวิตพวกเขาไปอย่างไรก็ได้ตามต้องการ 

 

 

แต่หลี่ว์ซู่กลับไม่ทำตามที่เขาสั่ง เขาก้มหัวลงแต่ก็ใส่หมวกไว้อยู่แบบนั้น 

 

 

“ทำไมยังใส่หมวกอยู่อีก” ทหารชุดดำถามอย่างเย็นชา 

 

 

หลี่ว์ซู่คิดไปสองวินาทีก่อนตอบกลับ “ผมเย็นหัวครับ…” 

 

 

ทหารชุดดำได้ยินแล้วก็พูดไม่ออก 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อจื้อ +666!] 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จาก…] 

 

 

เอามาเป็นเหตุผลได้ไงฟะ! 

 

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดในใจว่าหากถอดหมวกออกแล้วจะตีเนียนต่อยังไงได้บ้าง แต่ว่าทรงผมของเขาไม่เหมือนคนอื่นนี่ ถึงหน้ากากนี่จะทำให้ผมของเขาเป็นสีฟ้าแต่ก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนทรงให้ด้วย 

 

 

เพราะงั้นเขาจะถอดหมวกออกไม่ได้ ถึงจะอยากถอดก็เถอะ! 

 

 

หลี่ว์ซู่ถอนใจอย่างสิ้นหวัง ทำไมทุกอย่างต้องเป็นไปเหนือความคาดหมายด้วยเนี่ย… 

 

 

แต่แล้วทหารชุดดำคนนั้นก็เหวี่ยงหอกสามง่ามใส่หลี่ว์ซู่เสียงดัง 

 

 

แล้วกระบี่ล่องหนเฉิงอิ่งในมือหลี่ว์ซู่ก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเขาทันที หลี่ว์ซู่ตะโกน “ไปเลย!” 

 

 

เม็ดทรายสีขาวใต้ทะเลนั้นพุ่งออกมาจากพื้นของปราสาท กระเด็นเข้าใส่หน้าของทหารทุกคนก่อนพวกเขาจะทันได้ตั้งตัว 

 

 

หลี่ว์ซู่ก้าวถอยหลังเพื่อหลบหอกสามง่ามทันที เขาเอี้ยวตัวหลบและกระโดดไปข้างหน้า เหวี่ยงกระบี่ไปยังรอยแยกระหว่างหมวกของทหารชุดดำและเสื้อเกราะ 

 

 

ทหารชุดดำคนนั้นอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าจะมีการซุ่มโจมตีแบบนี้จากศัตรูที่แข็งแกร่งมาก ดูเหมือนว่าเขาจะมีอาวุธล่องหนไม่ธรรมดาในมือ แต่ทหารชุดดำก็ไม่สามารถตอบสนองได้เร็วพอ อีกทั้งหอกสามง่ามนี้ก็ดูงกๆ เงิ่นๆ เมื่อเทียบกับกระบี่เฉิงอิ่ง! 

 

 

ทหารชุดดำนั้นเอี้ยวตัวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเอาชีวิตรอดจากการโจมตีและใช้ความแข็งแกร่งของเกราะเพื่อป้องกัน แต่กระนั้น จู่ๆ กระบี่บินสองเล่มก็ได้พุ่งมาจากแผนภูมิดาราของหลี่ว์ซู่ นี่แหละ ไพ่ตายของหลี่ว์ซู่ที่ซ่อนไว้! 

 

 

ในความเป็นจริงแล้ว แค่กระบี่ฉิงอิ่งอย่างเดียวก็ช่วยจบการต่อสู้ได้แล้ว แต่หลี่ว์ซู่ไม่อยากให้เกราะพวกนี้เป็นรอย… 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อจื้อ +1000!] 

 

 

ในขณะเดียวกันทหารคนอื่นๆ ก็ได้ถูกกำจัดไปหมดด้วยทรายขาวทะเลลึก แอนโธนี่ที่หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจปรากฏขึ้นมาจากพื้นและจัดทรายให้เป็นเส้นอย่างเรียบร้อย “น่าประทับใจไหม!” 

 

 

หลี่ว์ซู่ชะงัก “ถึงกับเรียงออกมาเป็นเครื่องหมายอัศเจรีย์ได้เลยเหรอ…” 

 

 

เส้นสายนั้นเต็มไปด้วยการรอคอยที่จะได้คำชม หลี่ว์ซู่ยิ้มอย่างดีใจ “ควบคุมแอนโธนี่ได้เก่งมากแล้วนี่ น่าประทับใจจริงๆ” 

 

 

“แน่นอนอยู่แล้วล่ะ!” แล้วก็มีเส้นเพิ่มมาและเครื่องหมายอัศเจรีย์อีกหนึ่งอัน 

 

 

ทุกคนคิดว่าหลี่ว์ซู่มาคนเดียว แต่เขาฉลาดกว่านั้น ทำไมเขาต้องเสี่ยงคนเดียวละ ในเมื่อรู้ว่าสัตว์ประหลาดใต้น้ำนี้อย่างน้อยๆ ก็มีพลังระดับ B 

 

 

เพราะแอนโธนี่เป็นวิญญาณ ก็เลยไม่จำเป็นต้องใช้อากาศหายใจ อีกอย่างเขายังเคลื่อนไหวในท้องทะเลลึกนี่ได้อย่างอิสระเพราะอย่างไรก็ยังมีดินอยู่ 

 

 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายอดมนุษย์ที่มีพลังสายธาตุดินนั้นแข็งแกร่งมาก เป็นสาเหตุว่าทำไมองค์กรต่างๆ ถึงต้องมีกลุ่มรักษาความปลอดภัยเผื่อสำหรับผู้มีพลังสายธาตุดิน รวมถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกลุ่มทวยเทพถึงใช้โครงเหล็กหลากชนิดสร้างใต้ดินในป้อมปราการของพวกเขา ว่ากันว่ายอดมนุษย์ที่มีธาตุโลหะนั้นยังรับมือง่ายกว่ายอดมนุษย์ที่มีธาตุดิน 

 

 

แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่ายอดมนุษย์ที่มีธาตุโลหะจะไม่เก่งนะ พวกเขามีพลังมากอย่างน่าตกใจเลยล่ะ แต่พวกเขาไม่สามารถโจมตีอย่างหลบๆ ซ่อนๆ ได้เฉกเช่นผู้มีพลังธาตุดินต่างหาก 

 

 

หลี่ว์ซู่บอกแผนนี้ให้เสี่ยวอวี๋รู้แล้ว เพราะอย่างนั้นแอนโธนี่เลยตามเขามาติดๆ ที่ใต้เท้าของเขา 

 

 

หลี่ว์ซู่เก็บซากของทหารที่ตายแล้วลงไปในตราแผ่นดินและเปลี่ยนร่างตัวเองให้เป็นทหารในชุดเกราะสีดำ… 

 

 

การปลอมตัวเข้ามาที่นี่ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาถึงต้องเปลี่ยนร่างไปเรื่อยๆ แบบนี้… 

 

 

การปลอมตัวที่กลุ่มทวยเทพประสบผลสำเร็จกว่านี้เยอะเพราะมาที่นี่แล้วเขาต้องเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาไปเฉลี่ยทุกๆ สองชั่วโมงแล้วเนี่ย ขนาดเขาเองยังเครียดเลย 

 

 

หลี่ว์ซู่เดาขนาดของชุดเกราะสีดำซึ่งดูดีกว่าเกราะสีทองเยอะเลยถ้าดูจากแค่รูปร่างภายนอกแล้ว และมันคงจะเพิ่มพลังต่อสู้มากขึ้นด้วย 

 

 

เป็นอาวุธร้ายกาจถึงตายในสนามรบเลยทีเดียว! 

 

 

แอนโธนี่หัวเราะชอบใจขณะจมตัวเองลงไปบนพื้น ต่อจากนั้นไม่นาน หลี่ว์ซู่ก็เดินออกมาเห็นหัวหน้าของทหารชุดเกราะดำกำลังเดินตรงมาที่เขา… 

 

 

จะเอายังไงต่อดีเนี่ย เขาไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเจ้านี่เลยด้วยซ้ำ! หรือคราวนี้เขาจะโดนกระชากหน้ากากอีก… 

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset