เสียงตบนั้นดำเนินไปเรื่อยๆ แต่หลี่ว์ซู่ไม่อยากทำตามคนอื่น เขาไม่ยอมโดนตบฟรีๆ หรอก!
ขณะเดียวกันนั้น คู่ของเขาก็เตรียมจะตบหน้าเขาเข้าให้แล้ว แต่ยังทำไม่ได้เพราะหลี่ว์ซู่ยังไม่ได้ถอดหมวกออก ถ้าจะให้ตบหมวกก็คงเจ็บมือแน่
“ตบฉันเร็ว ถ้าไม่งั้นละก็…”
ตอนที่เขากำลังจะบอกให้หลี่ว์ซู่ถอดหมวกออก หลี่ว์ซู่ก็บอกออกไปว่า “งั้นต้องขอโทษด้วยนะ”
หลี่ว์ซู่ตบหน้าเข้าไปเน้นๆ ฉาดใหญ่จนเขาหมดสติลงไปกับพื้น ขาของเขากระตุกแหง็กๆ เหมือนกำลังจะตาย
เค่อเหวินตัวถึงกับเงียบ
ทุกคนต่างมองไปยังหลี่ว์ซู่…
[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อเหวินตัว +666…]
[ได้แต้มอารมณ์จาก…]
ทหารในชุดดำที่นั่งอยู่ก็มองมาเหมือนกัน เขาใช้เวลาชั่วครู่หนึ่งกว่าจะรวบรวมสติได้ เขาเคยมีความสุขที่เห็นพวกนี้ถูกทำโทษแบบที่ทำให้อับอายนะ แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนตายที่นี่
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!
ในขณะที่คนอื่นมองมาอย่างประหลาดใจสุดขีด หลี่ว์ซู่ก็มองลงไปกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้ ทำไมเจ้านี่อ่อนแบบนี้ล่ะ…
ในความเป็นจริงแล้ว ความแข็งแกร่งของหลี่ว์ซู่ตอนนี้เทียบเท่ากับระดับ B เลยทีเดียว กลับกัน ทหารพวกนี้เพิ่งจะขึ้นมาระดับ C ช่วงเริ่มต้นเท่านั้นเอง เมื่อไม่มีเกราะป้องกันตัวแล้ว พวกมันทนพลังของหลี่ว์ซู่ไม่ได้หรอก
ทหารชุดสีดำลุกขึ้นมาแล้วเดินมาที่หลี่ว์ซู่ เขาก่นด่าทหารที่นอนกองอยู่บนพื้น “ไอ้สวะเอ๊ย!”
แล้วก็หันกลับมายังหลี่ว์ซู่ “ถอดหมวกออก!”
ทหารที่เหลือเริ่มรู้สึกสงสารเค่อเหวินหลี่ขึ้นมา เพราะหากโดนทหารชุดดำทำโทษส่วนตัว โอกาสรอดของเขาก็เหลือน้อยเต็มกลืน
เมื่อก่อนก็มีผู้ขบถต่อทหารชุดดำเหมือนกัน แล้วก็จบไม่สวยกันไป ในโลกของพวกเขานั้น ทหารชุดดำจะคร่าชีวิตพวกเขาไปอย่างไรก็ได้ตามต้องการ
แต่หลี่ว์ซู่กลับไม่ทำตามที่เขาสั่ง เขาก้มหัวลงแต่ก็ใส่หมวกไว้อยู่แบบนั้น
“ทำไมยังใส่หมวกอยู่อีก” ทหารชุดดำถามอย่างเย็นชา
หลี่ว์ซู่คิดไปสองวินาทีก่อนตอบกลับ “ผมเย็นหัวครับ…”
ทหารชุดดำได้ยินแล้วก็พูดไม่ออก
[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อจื้อ +666!]
[ได้แต้มอารมณ์จาก…]
เอามาเป็นเหตุผลได้ไงฟะ!
หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดในใจว่าหากถอดหมวกออกแล้วจะตีเนียนต่อยังไงได้บ้าง แต่ว่าทรงผมของเขาไม่เหมือนคนอื่นนี่ ถึงหน้ากากนี่จะทำให้ผมของเขาเป็นสีฟ้าแต่ก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนทรงให้ด้วย
เพราะงั้นเขาจะถอดหมวกออกไม่ได้ ถึงจะอยากถอดก็เถอะ!
หลี่ว์ซู่ถอนใจอย่างสิ้นหวัง ทำไมทุกอย่างต้องเป็นไปเหนือความคาดหมายด้วยเนี่ย…
แต่แล้วทหารชุดดำคนนั้นก็เหวี่ยงหอกสามง่ามใส่หลี่ว์ซู่เสียงดัง
แล้วกระบี่ล่องหนเฉิงอิ่งในมือหลี่ว์ซู่ก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเขาทันที หลี่ว์ซู่ตะโกน “ไปเลย!”
เม็ดทรายสีขาวใต้ทะเลนั้นพุ่งออกมาจากพื้นของปราสาท กระเด็นเข้าใส่หน้าของทหารทุกคนก่อนพวกเขาจะทันได้ตั้งตัว
หลี่ว์ซู่ก้าวถอยหลังเพื่อหลบหอกสามง่ามทันที เขาเอี้ยวตัวหลบและกระโดดไปข้างหน้า เหวี่ยงกระบี่ไปยังรอยแยกระหว่างหมวกของทหารชุดดำและเสื้อเกราะ
ทหารชุดดำคนนั้นอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าจะมีการซุ่มโจมตีแบบนี้จากศัตรูที่แข็งแกร่งมาก ดูเหมือนว่าเขาจะมีอาวุธล่องหนไม่ธรรมดาในมือ แต่ทหารชุดดำก็ไม่สามารถตอบสนองได้เร็วพอ อีกทั้งหอกสามง่ามนี้ก็ดูงกๆ เงิ่นๆ เมื่อเทียบกับกระบี่เฉิงอิ่ง!
ทหารชุดดำนั้นเอี้ยวตัวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเอาชีวิตรอดจากการโจมตีและใช้ความแข็งแกร่งของเกราะเพื่อป้องกัน แต่กระนั้น จู่ๆ กระบี่บินสองเล่มก็ได้พุ่งมาจากแผนภูมิดาราของหลี่ว์ซู่ นี่แหละ ไพ่ตายของหลี่ว์ซู่ที่ซ่อนไว้!
ในความเป็นจริงแล้ว แค่กระบี่ฉิงอิ่งอย่างเดียวก็ช่วยจบการต่อสู้ได้แล้ว แต่หลี่ว์ซู่ไม่อยากให้เกราะพวกนี้เป็นรอย…
[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อจื้อ +1000!]
ในขณะเดียวกันทหารคนอื่นๆ ก็ได้ถูกกำจัดไปหมดด้วยทรายขาวทะเลลึก แอนโธนี่ที่หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจปรากฏขึ้นมาจากพื้นและจัดทรายให้เป็นเส้นอย่างเรียบร้อย “น่าประทับใจไหม!”
หลี่ว์ซู่ชะงัก “ถึงกับเรียงออกมาเป็นเครื่องหมายอัศเจรีย์ได้เลยเหรอ…”
เส้นสายนั้นเต็มไปด้วยการรอคอยที่จะได้คำชม หลี่ว์ซู่ยิ้มอย่างดีใจ “ควบคุมแอนโธนี่ได้เก่งมากแล้วนี่ น่าประทับใจจริงๆ”
“แน่นอนอยู่แล้วล่ะ!” แล้วก็มีเส้นเพิ่มมาและเครื่องหมายอัศเจรีย์อีกหนึ่งอัน
ทุกคนคิดว่าหลี่ว์ซู่มาคนเดียว แต่เขาฉลาดกว่านั้น ทำไมเขาต้องเสี่ยงคนเดียวละ ในเมื่อรู้ว่าสัตว์ประหลาดใต้น้ำนี้อย่างน้อยๆ ก็มีพลังระดับ B
เพราะแอนโธนี่เป็นวิญญาณ ก็เลยไม่จำเป็นต้องใช้อากาศหายใจ อีกอย่างเขายังเคลื่อนไหวในท้องทะเลลึกนี่ได้อย่างอิสระเพราะอย่างไรก็ยังมีดินอยู่
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายอดมนุษย์ที่มีพลังสายธาตุดินนั้นแข็งแกร่งมาก เป็นสาเหตุว่าทำไมองค์กรต่างๆ ถึงต้องมีกลุ่มรักษาความปลอดภัยเผื่อสำหรับผู้มีพลังสายธาตุดิน รวมถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกลุ่มทวยเทพถึงใช้โครงเหล็กหลากชนิดสร้างใต้ดินในป้อมปราการของพวกเขา ว่ากันว่ายอดมนุษย์ที่มีธาตุโลหะนั้นยังรับมือง่ายกว่ายอดมนุษย์ที่มีธาตุดิน
แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่ายอดมนุษย์ที่มีธาตุโลหะจะไม่เก่งนะ พวกเขามีพลังมากอย่างน่าตกใจเลยล่ะ แต่พวกเขาไม่สามารถโจมตีอย่างหลบๆ ซ่อนๆ ได้เฉกเช่นผู้มีพลังธาตุดินต่างหาก
หลี่ว์ซู่บอกแผนนี้ให้เสี่ยวอวี๋รู้แล้ว เพราะอย่างนั้นแอนโธนี่เลยตามเขามาติดๆ ที่ใต้เท้าของเขา
หลี่ว์ซู่เก็บซากของทหารที่ตายแล้วลงไปในตราแผ่นดินและเปลี่ยนร่างตัวเองให้เป็นทหารในชุดเกราะสีดำ…
การปลอมตัวเข้ามาที่นี่ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาถึงต้องเปลี่ยนร่างไปเรื่อยๆ แบบนี้…
การปลอมตัวที่กลุ่มทวยเทพประสบผลสำเร็จกว่านี้เยอะเพราะมาที่นี่แล้วเขาต้องเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาไปเฉลี่ยทุกๆ สองชั่วโมงแล้วเนี่ย ขนาดเขาเองยังเครียดเลย
หลี่ว์ซู่เดาขนาดของชุดเกราะสีดำซึ่งดูดีกว่าเกราะสีทองเยอะเลยถ้าดูจากแค่รูปร่างภายนอกแล้ว และมันคงจะเพิ่มพลังต่อสู้มากขึ้นด้วย
เป็นอาวุธร้ายกาจถึงตายในสนามรบเลยทีเดียว!
แอนโธนี่หัวเราะชอบใจขณะจมตัวเองลงไปบนพื้น ต่อจากนั้นไม่นาน หลี่ว์ซู่ก็เดินออกมาเห็นหัวหน้าของทหารชุดเกราะดำกำลังเดินตรงมาที่เขา…
จะเอายังไงต่อดีเนี่ย เขาไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเจ้านี่เลยด้วยซ้ำ! หรือคราวนี้เขาจะโดนกระชากหน้ากากอีก…