ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 503 ตัวตนที่ไม่อาจทำลายได้

ตัวตนที่ไม่อาจทำลายได้

 

ชายวัยกลางคนนั้นเป็นศัตรูกับพลังการแยกสายน้ำโดยธรรมชาติเลยจริงๆ หลี่ว์ซู่อดไม่ได้ที่จะมองไปที่คนหน้ากลมด้วยความรู้สึกแค้นฝั่งหุ่น

 

หลี่ว์ซู่นึกว่าสิ่งที่เขาทำจะต้องเปิดเผยชื่อที่แท้จริงของเขาได้แน่ แต่เขาไม่เคยคิดสักนิดเลยว่าบางทีการแยกสายน้ำปัสสาวะของเขาเป็นสองสายจะทำให้เขาดีใจได้ขนาดนั้น ก็ปกติแล้วมันแยกออกตั้งสามสายแน่ะ ทำไม วันนี้ไตของเขาอยู่ในสภาพดีหรืออย่างไร!

 

น่าสนใจ เนื่องจากชายคนนี้ไม่ยอมรับกลยุทธ์ที่ง่ายขนาดนั้น หลี่ว์ซู่จึงไม่มีทางเลือกนอกจากเปลี่ยนแผนของเขา

 

อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ต้องคิดมาก เมื่อหลี่ว์ซู่จริงจัง ก็ไม่มีทางที่ภาพลักษณ์และตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยหรอก!

 

กลยุทธ์ก่อนหน้านี้นิ่มนวลเกินไป หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขายังไม่ได้ใช้ความสามารถของเขาอย่างเต็มที่

 

ตัวละครทั้งหมดในภาพยนตร์ที่มีสองบุคลิกต่างพูดตรงกันไม่ใช่เหรอว่า “หากเขามีรูปลักษณ์ที่ลึกลับ มันไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน แต่มันเป็นเพราะพวกที่เคยเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาได้ตายไปหมดแล้วต่างหาก…”

 

ภาพลักษณ์แบบนี้ช่างเป็นคนขี้โม้ แต่หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าตอนนี้เขาก็มีภาพลักษณ์เดียวกันนี้แล้ว

 

ต่อจากนี้ไป เขาจะกำจัดใครก็ตามที่มองเขาออก

 

คนหน้ากลมดึงกางเกงขึ้นแล้วเดินกลับไป ในขณะที่เดิน เขาก็หัวเราะขำด้วยความร่าเริง “ยามาดะ ได้ข่าวว่านายต่อสู้ได้เก่งนี่ แม้กระทั่งพวกขั้นกลางของระดับ D ยังเอาชนะนายไม่ได้เลย คราวหน้ามากับฉันสิ เมื่อใดที่ฉันก้าวหน้าไปเป็นสมาชิกคนสำคัญระดับ C แล้วล่ะก็ นายมาแบ่งเอาพวกสาวปีสองในองค์กรไปก็ได้ พวกเขาให้ความร่วมมือดีมาก”

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เรื่องนั้นฉันต้องพึ่งนายเลยล่ะ”

 

ภายนอกนั้นเขากำลังหัวเราะอยู่ แต่เขากำลังด่าไอ้หน้ากลมอยู่ข้างใน พวกคนที่อยู่จุดสูงสุดของระดับ D กล้าดีมีลิ่วล้อทุกที่ที่ไปตั้งแต่เมื่อไรกันเหรอ

 

“แค่เพราะฉี่ของฉันมันแยกเป็นสองสาย ก็อย่ามาเหมาว่าไตของฉันไม่ดีล่ะ ร่างกายของฉันแข็งแรงมาก ฉันสนุกได้คืนละหลายรอบสบายๆ เลย” ไอ้หน้ากลมกล่าวด้วยความพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะกู้หน้าและศักดิ์ศรีความเป็นชายของตัวเอง

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะออกมา นี่มันโม้เรื่องอะไรอยู่เนี่ย หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้แล้วยังจะมีหน้ามาโม้ได้อีกเหรอ

 

จู่ๆ ไอ้หน้ากลมก็ถามขึ้น “มีน้ำมันอยู่ในโกดังของนายบ้างไหม ถ้าที่มีคงคลังอยู่เกิดลดลงอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาจะรู้ไหม อย่าปิดฉันเลยนะ ตอนนี้เราสองคนมีหน้าที่คุมโกดังนี้ด้วยกัน นายจะมาปกปิดความจริงจากฉันไม่ได้เลยนะ”

 

“ที่นี่ไม่มีน้ำมันหรอก เวลาที่พวกเขาขนส่งของเข้าหรือออกจากที่นี่พวกเขาจะเปรียบเทียบอย่างละเอียดเสมอนะ ทำอย่างกับว่านายไม่รู้ว่าพวกเขาจริงจังกับเรื่องนี้ขนาดไหนอย่างนั้นแหละ” หลี่ว์ซู่กล่าว “ถึงจะมีน้ำมันอยู่ก็เถอะ พวกเขาจะไว้วางใจพวกเราซึ่งเป็นพวกที่ถูกลดความสำคัญไปแล้วได้เหรอ”

 

ไอ้หน้ากลมขบคิดและกล่าวออกมาว่า “น่าเสียดายว่ะ”

 

ทั้งสองคนกลับมาที่หอพักและกลับลงไปนอนอีกครั้ง หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะเป็นไปได้ไหมที่เขาจะรู้ชื่อจริงของไอ้หน้ากลม เขาจะมัวเรียกเขาว่า ‘ไอ้หน้ากลม’ ตลอดเวลาแบบนี้ไม่ได้ เขาจะไม่รู้จักชื่อของเขาตั้งแต่แรกยันจบได้อย่างไรเล่า

 

วันหนึ่งๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในระยะยาวสิ่งนี้จะต้องก่อปัญหาให้อย่างแน่นอน ภายใต้สถานการณ์ปกติ หลี่ว์ซู่มักจะร้องเพลงดาวดวงน้อยให้ตัวเองฟัง แต่เมื่อมีไอ้หน้ากลมอยู่ใกล้ๆ ตัว เขาก็ทำเช่นนั้นไม่ได้

 

เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ไอ้หน้ากลมสวมกางเกงและเดินไปเข้าห้องน้ำโดยไม่ใส่เสื้อกันหนาว จู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็หัวเราะลั่นเสียงดัง “ปวดอีกแล้วเหรอ นายอั้นไม่อยู่ใช่ไหมล่ะ”

 

ไอ้หน้ากลมอึ้งจนพูดไม่ออกและกลับลงไปนอนดังโครม ไม่มีทางที่ใครจะปฏิเสธได้หรอก!

 

[ได้แต้มจากนากายะ คาวาโยชิ +69!]

 

การเป็นปฏิปักษ์ต่อกันของผู้ชายนั้นแสนจะประหลาด พวกเขาทั้งสองคนนอนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ แม้จะรู้ว่าได้เวลากินข้าวเที่ยงแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่แม้แต่จะพูดเรื่องการลุกขึ้น…พวกเขาถึงขนาดเลิกเฝ้าโกดังสินค้าไปเลยด้วยซ้ำ…

 

ใบหน้าของคาวาโยชิเริ่มจะกลายเป็นสีม่วงและเขาก็หันมามองหลี่ว์ซู่ เขาส่งแต้มอารมณ์ให้หลี่ว์ซู่มากขึ้นเรื่อยๆ ในทางตรงกันข้าม หลี่ว์ซู่กลับไม่รู้สึกกดดันเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเขายังอายุน้อยเขาจึงแข็งแรงพอที่จะกลั้นฉี่เอาไว้ เขารอคอยให้คาวาโยชิส่งแต้มอารมณ์ให้เขามากขึ้นด้วยความกระตือรือร้น…

 

พูดตามตรงแล้ว วิธีการล่าแต้มอารมณ์แบบนี้ทำให้หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าตนเองได้พบกับวิธีการใหม่ในการเอาชนะศัตรูทีเผลอเสียแล้ว

 

เขาเดาธรรมชาติวิสัยของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ คาวาโยชิมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีมากเกินไปในแง่นี้และหลี่ว์ซู่ก็กำลังงัดอยู่กับแก่นของปัญหานี้เลย

 

ในชั่วขณะนี้เองที่มีใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาจากด้านนอกโกดัง “คนเฝ้าโกดังไปไหน มีใครอยู่บ้างไหม”

 

คาวาโยชิลุกขึ้นนั่งอย่างเร็วและตะโกนกลับไป “มีครับ กำลังไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

 

ในที่สุดเขาก็มีทางออก คราวนี้มันไม่ใช่เพราะเขากลั้นฉี่ไม่ไหว แต่เป็นเพราะเขามีงานต้องทำต่างหาก อย่างไรก็ตาม คาวาโยชิก็ยังวิ่งไปห้องน้ำก่อนเลย ทันทีที่เขาปลดทุกข์แล้ว เขารู้สึกได้เลยว่าโลกนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน…

 

หลี่ว์ซู่สวมเสื้อผ้าและเปิดประตูของโกดัง มีรถบรรทุกคันหนึ่งมาจอดอยู่หน้าโกดัง ชายที่สวมหมวกหม้อตาลมองมาที่เขาและกล่าวว่า “ยามาดะ! ปกตินายค่อนข้างจะเร็วไม่ใช่เหรอ เกิดอะไรขึ้นกับ…”

 

เขายังไม่ทันพูดจบก็ถึงกับเสียวสันหลังวาบ เขามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไรเลย

 

ในทางกลับกัน หลี่ว์ซู่ที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็สงสัยว่าชายคนนี้รู้ตัวตนของเขาแล้วหรือยัง และมันจะเป็นผลทำให้เขาต้องกำจัดชายคนนี้หรือไม่…

 

“อะแฮ่ม” ชายคนนั้นพูดขึ้น “นี่คือทรัพยากรชุดใหม่ หลังจากเซ็นรับแล้วช่วยเอามันลงทะเบียนในคอมพิวเตอร์ด้วยนะ ตอนเก็บของพวกนี้ในโกดัง อย่าเอาไปเก็บไว้ลึกๆ ล่ะ เพื่อว่าฐานข้างโกดังจะได้มารับไปในอีกสองวัน”

 

หลี่ว์ซู่ถอนหายใจอย่างมีความสุข คนอีกสองคนโผล่ออกมาจากรถบรรทุกเพื่อย้ายกล่องสิบสามกล่องไปที่โกดัง กล่องเหล่านั้นทำมาจากอะลูมิเนียมและปิดผนึกมาอย่างแน่นหนา

 

ในที่สุดคาวาโยชิก็สวมกางเกงและเดินมาหา เขาจำคนส่งของได้และกล่าวว่า “อุชิดะ! ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะ”

 

ชายที่สวมหมวกหม้อตาลดูประหลาดใจแกมยินดีที่ได้เห็นคาวาโยชิ “พระเจ้า นากายะ! ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่เหมือนกันละ”

 

“มีใครบางคนถ่ายรูปฉันกับมัตสึอุระ ฮาราอิชิโร่จากกลุ่มอนุรักษนิยมไปร่วมงานศพด้วยกัน พูดตามจริงแล้วฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำว่ามัตสึอุระ ฮาราอิชิโร่เป็นใคร” คาวาโยชิพล่ามต่อ

 

อุชิดะหัวเราะ “นายไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าดูจากพละกำลังของนายแล้ว นายสามารถเลื่อนขึ้นระดับ C ได้ทันทีเลย ถ้าเป็นแบบนั้นรับรองว่านายต้องถูกจ้างกลับไปใหม่แน่นอน”

 

“ฮ่าๆ แน่อยู่แล้ว” คาวาโยชิหัวเราะ เขาไม่ห่วงอนาคตของตัวเองเลย ตอนที่หลี่ว์ซู่คุยกับเขาเมื่อบ่ายวานนี้ หลี่ว์ซู่รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนที่อยู่เหนือคาวาโยชิ การถูกย้ายมาที่โกดังของเขาเป็นเหมือนช่วงการบำบัดที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการแสดงเท่านั้น เขาค่อนข้างจะแตกต่างจากยามาดะที่หลี่ว์ซู่ได้เข้ามาแทนที่

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่เคยคิดว่าจริงๆ แล้วคาวาโยชิคนนี้จะเป็นสมาชิกคนโปรดของกลุ่มทวยเทพ!

 

ในความเป็นจริง หัวหน้าฝ่ายทุกๆ คนในทวยเทพมักจะเป็นสมาชิกระดับ C คนสำคัญ ภายใต้สถานการณ์ปกติ เมื่อคุณได้เลื่อนขั้นขึ้นสู่ระดับ C แล้ว คุณก็จะได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากเมื่อก่อนเหมือนอยู่กันคนละโลกเลย

 

ฉะนั้นในกรณีนี้ ไม่เพียงแต่มันจะส่งผลให้คนระดับ C เป็นที่โปรดปราน แต่พวกที่มีแนวโน้มที่จะได้เลื่อนขึ้นระดับ C ก็จะได้เป็นที่โปรดปรานไปด้วย หลายๆ คนจึงพยายามชนะใจพวกเขาแต่เนิ่นๆ

 

ในตอนนี้ทวยเทพกำลังขาดคนสืบช่วง นี่ไม่ได้เป็นผลจากการสังหารครั้งใหญ่ของเนี่ยถิงก่อนหน้านี้เพียงเท่านั้น แต่เป็นเพราะพวกเขาประสบกับความสูญเสียอย่างหนักในโบราณสถานเกาะช้างอีกด้วย ตำแหน่งสำคัญหลายๆ ตำแหน่งจึงยังคงว่างอยู่

 

ทุกคนกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด ผู้ที่ได้เลื่อนขั้นขึ้นสู่ระดับ C ก่อนจะมีโอกาสได้ครองตำแหน่งในฝ่ายที่สำคัญมากๆ ในครั้งนี้ผู้นำของคาวาโยชิซึ่งได้แก่ ทาคาชิมะ ทาอิรัตสึได้แต่งตั้งเขามาที่นี่เพื่อปกปิดความสามารถของเขา นั่นก็เพื่อให้เขาได้เลื่อนขึ้นสู่ระดับ C อย่างรวดเร็วและจะได้ทำงานชิ้นใหม่ในบทบาทที่สำคัญ

 

กลุ่มทวยเทพเองนั้นสมัครสามัคคีกันมากแต่ก็มีการเมืองอยู่ทั่วทุกแห่งหน เมื่อดูจากภายนอก ทาคาชิมะ ทาอิรัตสึและคิตะมุระ คิจิโทรินั้นมีความคิดเห็นที่เหมือนๆ กัน แต่ในใจแล้วพวกเขามีเจตนารมณ์ที่อยากจะกุมอำนาจเอาไว้เอง

 

ใครก็ตามที่มีพวกมากกว่าก็จะมีอิทธิพลที่มากขึ้นในทวยเทพ

 

ใครก็ตามที่ได้เลื่อนขึ้นสู่ระดับ A ก่อนย่อมจะต้องเป็นผู้นำที่ไร้คู่แข่งในกลุ่มทวยเทพ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset