ตอนที่ 640 มาถึงแอฟริกาใต้แล้ว
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋รำคาญใจมานานแล้ว ทำไมแอนโธนี่ถึงเพิ่งนึกออกว่าเขาสามารถคายไข่มุกออกมาแล้วเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้แค่ตอนที่เขาหัวเราะ
พลังของแอนโธนี่จะเพิ่มขึ้นหลังจากที่ไข่มุกวิญญาณนี้ดูดซับพลังวิญญาณไปแล้ว หรือก็คือการดูดซับพลังของไข่มุกวิญญาณนี่ช่วยทำให้แข็งแกร่งขึ้นได้ หลี่ว์ซู่เคยคิดว่าไข่มุกวิญญาณนี้เป็นของที่ใช้แล้วทิ้งเท่านั้น แต่ไม่ใช่แบบนั้นเลย
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋อยากทำให้แอนโธนี่หยุดหัวเราะมานานแล้ว แต่พอคิดไปคิดมาก็คงไม่เอาดีกว่า ถ้าแอนโธนี่หยุดหัวเราะแล้วเธอจะหาหลี่ว์ซู่เจอได้ยังไงกันล่ะ
ถึงเสียงหัวเราะของแอนโธนี่จะทำให้เสี่ยวอวี๋รำคาญใจ แต่เธอก็ใจเย็นลงได้เมื่อนึกออกว่าเสียงหัวเราะนี้จะช่วยห้เธอหาตัวหลี่ว์ซู่เจอ…
วิญญาณของเลียฟ ชาจินที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เพิ่งได้มาทำให้เธอได้เศษเสี้ยวของความทรงจำใหม่มาด้วย เศษเสี้ยวพวกนี้กระจัดกระจายกันไปหมด แต่ชิ้นส่วนทั้งหมดก็เชื่อมโยงไปยังเรื่องเดียวกัน หลี่ว์เสี่ยวอวี๋อ้าปากค้างด้วยความตกใจขณะเห็นร่างของเลียฟ ชาจิน ชายคนนี้เองเหรอที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มหมีขาว
งั้นเธอก็เพิ่งจะกำจัดผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจากกลุ่มหมีขาวไปงั้นเหรอ!
ชะตาฟ้าลิขิต! นี่เธอทำอะไรลงไปเนี่ย!
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋นึกขึ้นได้ว่าเธอมีอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องคุร่นคิด หากกลุ่มหมีขาวไม่เหลืออยู่แล้ว งั้นหลี่ว์ซู่กับคนที่เหลือจะยังมาอยู่หรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าคงจะไม่แล้วล่ะ…
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋อารมณ์เสียเลย แล้วทำไมเขาถึงตายง่ายแบบนี้เล่า!
งั้นแปลว่าเธอก็ไม่ได้อะไรจากการถ่อมาถึงที่นี่น่ะสิ ถ้าอย่างนั้นหลี่ว์ซู่คงเปลี่ยนแผนแล้วทุกคนก็คงมุ่งหน้าไปที่ยุโรปกันหมดแน่เลย หลี่ว์เสี่ยวอวี๋คิดหนัก ใบหน้าของเธอตอนกำลังใช้ความคิดทั้งจริงจังและดูน่ารักในเวลาเดียวกัน
“งั้นมุ่งหน้าไปยุโรปแล้วกัน!” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดออกมาอย่างมั่นใจ แล้วทันใดนั้นแอนโธนี่ก็หัวเราะออกมาก่อนคว้าเอาตัวเสี่ยวอวี๋ลงไปบนพื้นเพื่อเดินทางไปยังทิศตะวันตก
ขณะเดียวกันนั้นเอง เครื่องบินที่หลี่ว์ซู่โดยสารมาถึงแอฟริกาใต้แล้ว เขาเห็นชื่อภาษารัสเซียเด้งขึ้นมาในบันทึกค่าอารมณ์ของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋
พลันหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที หลังจากที่เขาเดินลงมาจากเครื่องบินแล้วเขาก็เปลี่ยนซิมการ์ดในโทรศัพท์ จากนั้นก็โทรหาหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ [ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้]
ถึงครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินอะไรแบบนี้ เพราะจงอวี้ถังเองก็เคยตั้งเสียงรอสายแบบนี้เหมือนกัน แต่ครั้งนี้หลี่ว์ซู่คิดว่าเสี่ยวอวี๋น่าจะไปที่ไหนสักแห่งที่ห่างไกลมากจนอับสัญญาณ…
เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ออกไปรัสเซียเพื่อตามหาเขาแบบไม่บอกหรือเปล่า หลี่ว์ซู่ยังค่อยไม่แน่ใจเท่าไหร่ เพราะชื่อที่ปรากฏขึ้นมานี้เป็นชื่อภาษารัสเซีย แล้วหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะไปจู่โจมคนรัสเซียในประเทศจีนได้ยังไงกันละ
เขาอยากใช้จอห์นสันและเสกร่างปลอมออกมาเพื่อดูว่าเสี่ยวอวี๋กำลังทำอะไรอยู่ แต่ขณะที่หลี่ว์ซู่คิดจะใช้แผนภูมิดาราเพื่อปลดผนึกจอห์นสัน จู่ๆ เสี่ยวอวี๋ก็เรียกเก็บแอนโธนี่ที่กำลังบ้าคลั่งเข้ามาในหลุมดำ
หลี่ว์ซู่ต้องได้รับอนุญาตจากเสี่ยวอวี๋ก่อนถึงจะเสกตัวปลอมขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นหลี่ว์ซู่ก็ไม่สามารถใช้แอนโธนี่ได้หากเสี่ยวอวี๋ไม่ปล่อยแอนโธนี่ออกมา
เขาพยายามจะปล่อยแอนโธนี่ออกมาตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วอยู่ๆ เขาก็จำได้ว่าเซี่ยเหรินเซิงรู้ภาษารัสเซียนี่นา เขามองดูชื่อที่ปรากฏอยู่ในบันทึกและพยายามลอกเลียนอักขระลงบนกระดาษ จากนั้นก็ยื่นกระดาษไปให้เซี่ยเหรินเซิง “นี่เป็นชื่อรัสเซียหรือเปล่า อ่านว่าอะไรน่ะ”
พอเซี่ยเหรินเซิงเห็นชื่อนี้ก็ตกใจมาก “นี่มันชื่อของหัวหน้ากลุ่มหมีขาวที่อพยพไปต่างประเทศแล้วนี่! ชื่อเลียฟ ชาจิน หลายๆ กลุ่มตามหาเขากันให้ควั่ก”
ฮ่าๆ ไม่ต้องตามหาเขาอีกต่อไปแล้วละพวก ค่าอารมณ์ 1000 แต้มแบบนี้แปลว่าตายแล้วชัวร์!
หลี่ว์ซู่เครียดเลย เสี่ยวอวี๋ไปเจอหัวหน้ากลุ่มคนนั้น แถมยังไปฆ่าเขาทิ้งด้วยนะ!
ช่างเป็นปริศนาจริงๆ …
อากาศที่แอฟริกาใต้ร้อนและชื้นมาก พวกเขาอยู่ในเมืองที่ชื่อว่าอันกั๋ว สำนักงานใหญ่ของ EO เองก็ตั้งอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
ส่วนแร่ที่ว่านั้นอยู่ทางตะวันออก เนื่องจาก EO เคยกลับคำตัวเองมาก่อน รวมถึงพลังต่อสู้ของพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่าผู้บำเพ็ญท้องถิ่นด้วย เลยทำเกิดข้อขัดแย้งเกิดขึ้นติดต่อกันมาเป็นเวลาสองสามปีแล้ว แต่เนื่องจากยังมีการแทรกแซงขององค์กรภายนอก ทำให้บริเวณนี้ยังสงบดีอยู่
ถึงพวกเขาจะอยู่กันที่แอฟริกาใต้ แต่หลี่ว์ซู่ก็คิดว่าพวกเขาน่าจะต้องได้พบปะกับกลุ่มอื่นๆ อย่างกลุ่มฟีนิกซ์แน่ แล้วก็คงไม่ได้เข้าไปยุ่งกับพวกผู้บำเพ็ญท้องถิ่นมากนัก
ในขณะที่พวกเขาเดินออกมาจากสนามบิน หลี่ว์ซู่ก็สังเกตเห็นฮาเวิร์ดจากกลุ่มฟีนิกซ์เดินออกมาเหมือนกัน มีสมาชิกกลุ่มฟีนิกซ์กว่ายี่สิบคนล้อมรอบฮาเวิร์ดอยู่ และพวกเขาก็ดูแข็งแกร่งจนน่ากลัว!
หลี่ว์ซู่เคยเจอกับฮาเวิร์ดตอนอยู่คนเดียวมาก่อน เขาเป็นคนจัดการเรื่องความสัมพันธ์ในต่างประเทศของกลุ่มฟีนิกซ์และมีบรรยากาศหยิ่งยโสอยู่รอบตัว เขาน่าจะมีพลังนระดับ B ขั้นสูงแล้ว
หลี่ว์ซู่หันไปมองเซี่ยเหรินเซิงอย่างโดยไม่ตั้งใจ เขาเพิ่งเห็นว่าเซี่ยเหรินเซิงดูจะรู้สึกอ่อนแอขึ้นมา…
หลี่ว์ซู่ถามอย่างสงสัย “คุณดูไม่มั่นใจเลยนะหัวหน้า”
เซี่ยเหรินเซิงไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็รู้สึกไม่มั่นใจและอ่อนแอจริงๆ นั่นแหละ เขาเป็นผู้รับผิดชอบงานด้านวิจัยและความสัมพันธ์ระหว่างประทเศ แต่ทำไมเขาถึงไม่มีข้อมูลของฮาเวิร์ดมาก่อนเลยนะ อย่างที่คาดไว้เลย คนคนนี้ก็เป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่มีพลังระดับ B พอย้อนกลับมามองตัวเองที่มีพลังระดับ C ช่วงปลายแล้วจะไม่ให้รู้สึกอ่อนแอได้อย่างไร อะไรกันเนี่ย ราชันฟ้าเนี่ยไม่ได้จะประเมินความสำคัญของแร่พวกนี้ต่ำไปหรอกใช่ไหม
ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเซี่ยเหรินเซิง แต่เขาเป็นหัวหน้าของกลุ่ม เขาไม่สามารถแสดงด้านอ่อนแอออกไปได้ ถึงเขาจะรู้สึกตัวเล็กกระจ้อยร่อยแค่ไหนเขาก็ต้องนำกลุ่มนี้ต่อไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดอาจไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจะทำ แต่สิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำให้สำเร็จต่างหาก
เซี่ยเหรินเซิงตอบออกไปอย่างใจเย็น “ดูเหมือนว่าตัวแทนจากประเทศต่างๆ จะมาถึงกันเกือบครบแล้วนะ เราจะเริ่มเจรจาก็ต่อเมื่อพวกเขามาถึงกันหมดแล้ว พวกผู้บำเพ็ญลับตอนนี้ไปพักผ่อนกันได้ เรายังไม่มีอะไรมาแลกเปลี่ยนกันที่แอฟริกาในตอนนี้ แต่สำหรับพวกนักเจรจานั้นมีภาระที่ต้องแบกรับหนักอึ้งกว่า ฉันหวังว่าทุกคนจะทำงานด้วยกันอย่างราบรื่น และขอให้ทุกคนตั้งใจกับเป้าหมาย รวมถึงงานที่เราต้องทำเพื่อให้ภารกิจสำเร็จด้วยนะ”
เมื่อหลินกานอวี่ได้ยินดังนั้น สายตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้น เธออยากทำตัวให้เป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ เมื่อมีคนต้องการให้เธอช่วยก็แปลว่าการมีอยู่ของเธอตรงนี้นั้นมีค่า แล้วเธอก็จะรู้สึกประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน “หัวหน้าคะ คุณไว้ใจได้เลย!”
“ผู้บำเพ็ญลับทั้งหลาย พยายามอย่าไปมีเรื่องกับผู้แทนคนอื่นๆ ล่ะ” เซี่ยเหรินเซิงเอ่ยเตือนพวกเขา “พวกตัวแทนน่ะแข็งแกร่งกว่าพวกเรามาก แต่ทุกคนไม่ต้องกลัว เครือข่ายฟ้าดินรายงานได้ข่าวแล้วตอนที่เราออกจากชายแดน เดี๋ยวอีกสองสามวันกำลังเสริมจากเครือข่ายฟ้าดินก็จะมาแล้วล่ะ”
หลี่ว์ซู่พยักหน้าตอบรับอย่างสบายๆ ขณะมองไปรอบๆ ตัว “ครับๆ ไม่มีเรื่อง ไม่มีเรื่องก็ไม่มีเรื่อง…”
หลิวฝานและคนที่เหลือเองก็พยักหน้าเพื่อตอบรับคำสั่งจากเซี่ยเหรินเซิง อย่างมากพวกเขาก็คงเดินไปรอบๆ เท่านั้นแหละ ไม่ไปหาเรื่องกับตัวแทนคนอื่นๆ หรอก สุดท้ายแล้วพวกเขาก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น
แต่เซี่ยเหรินเซิงกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ ทำไมผู้บำเพ็ญลับที่ชื่อหลี่เถิงถึงดูไม่จริงใจกับคำที่รับปากออกมาเลยนะ!