ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 645 เซี่ยเหรินเซิงยอดนักสืบ

ตอนที่ 645 เซี่ยเหรินเซิงยอดนักสืบ  

 

 

ทำไมเบ็นเนตต์ถึงจัดการเจรจาในพื้นที่ทุรกันดารแบบนี้กันนะ คงเป็นเพราะหาหนีทีไล่ง่ายกว่าละมั้งถ้าผลการเจรจาออกมาไม่เป็นอย่างที่คิด แถมยังช่วยป้องกันไม่ให้สำนักงานใหญ่ถูกผู้บำเพ็ญระดับ B อย่างฮาเวิร์ดทำลายได้  

 

 

แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน สำนักงานใหญ่ถูกทำลายก่อนการเจรจาจะเริ่มเสียอีก…  

 

 

เบ็นเนตต์เป็นคนอารมณ์ร้อนเสียด้วย เขาประกาศออกไปว่าใครที่สามารถแกะรอยคนร้ายและฆ่าเขาทิ้งได้ เขาจะยอมเจรจาด้วยเป็นองค์กรแรก!  

 

 

น่าอายอะไรขนาดนี้นะ EO ไม่ได้เป็นองค์กรผู้บำเพ็ญเดียวในประเทศเสียหน่อย หลังจากที่เรื่องเกิดขึ้นก็มีข่าวออกไปว่าสำนักงานใหญ่ของ EO เกือบโดนทำลายเพราะหนูตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งภายในสองชั่วโมง เบ็นเนตต์ได้อับอายไปทั้งชีวิตแน่ถ้าพวกเขาไม่เจอตัวการ  

 

 

เบ็นเนตต์ไม่ได้แค่ลงทุนหาตัวคนร้ายด้วยตัวเองเท่านั้น แต่เขายังขอให้ตระกูลใหญ่มาช่วยหาอีกแรงด้วย กระนั้นบรรดาตระกูลใหญ่ก็ประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ พวกเขาตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปยุ่งในสถานการณ์งมเข็มในมหาสมุทรเช่นนี้  

 

 

เห็นได้ชัดเลยว่ามีองค์กรอื่นเตรียมการมาอย่างดี พวกเขาคิดจะใช้โอกาสนี้ทำลายการเจรจา แล้วถ้าองค์กรนั้นแข็งแกร่งมากละ  

 

 

มีหลายองค์กรที่ไม่ได้รับเชิญมาเข้าร่วมการเจรจา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่ใช่องค์กรที่มีอำนาจและแข็งแกร่ง อย่างกลุ่มเทพเจ้าหรือกลุ่มที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ในออสเตรเลียก็เหมือนกัน  

 

 

พวกองค์กรใหญ่ไม่ได้ตื่นตกใจอะไรนัก หากพวกเขาหาคนร้ายไม่เจอ เบ็นเนตต์จะรอไปเรื่อยๆ ไม่ออกมาเจรจากับพวกเขางั้นเหรอ เขาคงจะรอดูว่าพวกองค์กรสามารถรอต่อไปได้นานแค่ไหนมากกว่า  

 

 

ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า EO นั้นจะเป็นพียงพ่อค้าคนกลางและกันชนให้สำหรับองค์กรใหญ่ๆ เท่านั้น เพราะองค์กรใหญ่ต่างก็ไม่ต้องการมีปัญหาโดยตรงกับกลุ่มอื่นๆ พวกเขาเลยอยากแก้ปัญหานี้อย่างสงบสุขที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าพ่อค้าคนกลางไม่ผ่านการคัดเลือกล่ะก็ พวกเขาก็จะรวมหัวกันเปลี่ยนพ่อค้าคนกลางคนใหม่และเริ่มต้นการเจรจาอีกครั้ง  

 

 

ตอนนี้พวกองค์กรใหญ่จึงรอดูกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป  

 

 

เซี่ยเหรินเซิงและหลินกานอวี่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ทีนี้พวกเขาก็ไม่ต้องรอให้กองกำลังเสริมรีบมาไวๆ แล้ว แต่พวกเขาเองก็ยังไม่รู้เช่นกันว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้และต้องการอะไร  

 

 

เซี่ยเหรินเซิงส่งข้อมูลกลับไปที่จีนเพื่อรายงานว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเนี่ยถิงก็ได้รับข้อมูลนี้ในที่สุด แต่เซี่ยเหรินเซิงแปลกใจมากที่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับกลุ่มเจรจาของเขา เนี่ยถิงกลับนิ่งและรอดูเหตุการณ์เงียบๆ มากกว่า  

 

 

เขาไม่ตอบกลับเซี่ยเหรินเซิงด้วยซ้ำว่าที่เขาทำไปนั้นถูกต้องแล้วหรือไม่ เขาไม่แม้แต่จะช่วยหาด้วยว่าคนร้ายเป็นใคร  

 

 

พอพวกเขากลับมาที่วิลล่า เซี่ยเหรินเซิงก็คิดอะไรบางอย่างออก เขาพาหลิวฝานและคนอื่นๆ มาที่ห้องของหลี่ว์ซู่ก่อนลงมือเคาะประตูห้อง  

 

 

หลี่ว์ซู่เปิดประตูออกมาด้วยความง่วง ใบหน้าเซี่ยเหรินเซิงมืดคล้ำน่ากลัว “พวกเราออกไปทำภารกิจและเสี่ยงชีวิตเพื่อเครือข่ายฟ้าดิน แต่นายกลับนอนหลับอุตุอยู่ที่วิลล่าเนี่ยนะ คิดว่ามันสมควรแล้วเหรอ”  

 

 

ถึงเซี่ยเหรินเซิงจะพูดออกมาแบบนั้น แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่ในใจลึกๆ ตอนที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่ม EO โดนโจมตี หลี่ว์ซู่กลับไม่ได้อยู่กับพวกเขาเสียอย่างนั้น เรื่องนี้ทำให้เซี่ยเหรินเซิงนึกไปถึงการ์ตูนที่ชื่อยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน ตอนที่เขาดู เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าพวกตัวละครในการ์ตูนนั้นโง่เง่าอะไรแบบนี้ ตอนที่พวกเขาพยายามจะแก้คดี ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยหรือไงว่าโคนันหายไปทุกทีน่ะ  

 

 

เพราะฉะนั้นตอนหลี่ว์ซู่หายไป เขาก็เลยสงสัยว่าหลี่ว์ซู่อาจเป็นคนร้ายก็ได้ แต่ดูเหมือนสมมติฐานของเขาจะผิดไปเสียแล้ว  

 

 

ผู้บำเพ็ญลับจะมีความสามารถที่จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน ถ้าหลี่ว์ซู่เป็นคนร้ายจริงๆ ก็ต้องมีคนตามหาเขากันให้ขวักแล้วสิ  

 

 

เซี่ยเหรินเซิงไม่มีทางรู้หรอกว่าถ้าหลี่ว์ซู่ตั้งใจจะหนีจริงๆ ก็ไม่มีใครไล่ล่าเขาได้หรอก เว้นแต่ว่าคนคนนั้นจะมีพลังระดับ A ละนะ  

 

 

หลิวฝานหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา “ถึงนายจะแข็งแกร่งกว่าพวกเรา แต่แล้วยังไงละ ผลก็ออกมาว่านายขี้ขลาดหางจุกตูด! กล้าออกจากวิลล่านี้หรือเปล่าเถอะ”  

 

 

“แน่นอนว่ากล้าสิ” หลี่ว์ซู่งุนงง เขาพูดต่อ “มีอะไรให้กลัวด้วยรึไง”  

 

 

พอพูดจบหลี่ว์ซู่ก็เดินไปข้างล่างเพื่อจะออกไปจากวิลล่านี้ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาจะไปไหน…  

 

 

พวกคนที่อยู่ข้างหลังเขามองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เขาเดินออกไปข้างนอกจริงๆ เหรอ การเจรจาถูกยกเลิกไปแล้วนะ แล้วหมอนั่นจะไปไหน!  

 

 

หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทุกคนไม่รู้ว่าจะคิดกับหลี่ว์ซู่ในทางที่ดีได้อย่างไร ตอนนี้หลี่ว์ซู่กลายเป็นผู้บำเพ็ญลับขี้ขลาดไร้มีศีลธรรมไปเสียแล้ว กระทั่งหลินกานอวี่ยังเห็นว่าหลิวฝานหน้าตาดีกว่าหลี่ว์ซู่เสียอีกในตอนนี้…  

 

 

หลี่ว์ซู่เดินออกไปตามถนนก่อนหยุดลงที่ร้านขายของชำที่มีสุราและบุหรี่ขายด้วย เขาหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาซองหนึ่ง “เท่าไหร่”  

 

 

“หกหยวน” เจ้าของร้านพูด  

 

 

หลี่ว์ซู่คิดไปนิดหนึ่งก่อนพูดออกมา “ลดให้หน่อย สองไคว่ สามเหมา สามเฟิน ถ้าถูกกว่านี้อาจจะซื้อก็ได้”  

 

 

เจ้าของร้านนั้นเป็นคนจีนโดยกำเนิด เขาเจอคนแบบนี้มาเยอะในแอฟริกา และดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว  

 

 

เขาก้มหัวลงต่ำ ไม่อยากสบตาหลี่ว์ซู่ เขายื่นถุงบางอย่างให้หลี่ว์ซู่ “ลดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เอาแบบนี้เป็นไง”  

 

 

หลี่ว์ซู่รับถุงนั้นมาโดยไม่ดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน พอเขาเดินออกไปก็มีบางคนดึงแขนเสื้อเขาไว้ เจ้าของร้านมองหน้าเขาแล้วพูดออกมา “จ่ายมาซะ ลูกพี่เนี่ยบอกว่านายต้องจ่าย”  

 

 

ใบหน้าหลี่ว์ซู่ดำทะมึน “เท่าไหร่ละ”  

 

 

เนี่ยถิงนี่แปลกคนจริง ขนาดหลี่ว์ซู่มาที่นี่แล้ว แต่เนี่ยถิงก็ยังคอยรังควานเขาอยู่ได้!  

 

 

“หนึ่งหยวน” เจ้าของร้านหัวเราะ “แถวนี้ค้าขายยาก การแข่งขันก็สูง ช่วยธุรกิจฉันหน่อยนะ”  

 

 

หลี่ว์ซู่มองไปรอบๆ เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ ก่อนที่เขาจะหยิบหอกสามง่ามออกมาแล้วชี้มันไปที่เจ้าของร้าน “ให้โอกาสพูดใหม่อีกรอบนะ”  

 

 

เจ้าของร้านชะงัก  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากจ้าวหย่งเฉิน +399!]  

 

 

จ้าวหย่งเฉินตะลึง “แต่ราชันเนี่ยบอกแบบนั้นนี่…”  

 

 

“ปล่อยฉันไปซะ” หลี่ว์ซู่พูดอย่างใจเย็น  

 

 

จ้าวหย่งเฉินเม้มปากแล้วปล่อยมือจากแขนเสื้อของหลี่ว์ซู่ “ก็แค่หยวนเดียวเอง…”  

 

 

“จนขนาดนั้นเลยรึไง” หลี่ว์ซู่เก็บหอกสามง่ามเข้าไปที่เดิม “เนี่ยถิงบอกมาว่ายังไง”  

 

 

จ้าวหย่งเฉินพูด “ฉันเป็นคนสืบราชการลับในแอฟริกา ถ้ามีปัญหาอะไรให้มาหาฉัน ข้อมูลของแอฟริกาทั้งหมดจะไปอยู่ในมือนาย และนี่ก็เป็นข้อมูลที่ราชันเนี่ยฝากให้มาบอกนาย มาช่วยกันหาแร่อย่างเต็มกำลังกันเถอะ”  

 

 

หลี่ว์ซู่อารมณ์เสีย ทำไมภารกิจนี้มันหนักหนาแบบนี้เนี่ย แล้วมันต้องเป็นเขาที่รับหน้าที่นี้ด้วยนะ บ้าไปแล้วรึไง  

 

 

“รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร” หลี่ว์ซู่ถาม เขายังใช้ใบหน้าของหลี่เถิงอยู่  

 

 

จ้าวหย่งเฉินส่ายหัว “ฉันไม่ควรรู้หรอก ฉันไม่รู้อะไรเลย ฉันแค่พึ่งรหัสลับเท่านั้นแหละ”  

 

 

หลี่ว์ซู่หันหลังกลับ จ้าวหย่งเฉินตามเขามาและพูดเบาๆ ว่า “แล้วจะให้เราช่วยนายยังไง”  

 

 

“ไม่ต้องหรอก” หลี่ว์ซู่พูด เขาไม่ได้อยากได้เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองส่วนตัวหรอก งานของเขายากเกินกว่าจะลากคนอื่นมาเสี่ยงด้วยแล้ว และเขาก็ตั้งใจจะปฏิเสธตำแหน่งราชันฟ้าอยู่แล้วด้วย  

 

 

แต่จ้าวหย่งเฉินยังไม่ยอมแพ้ เขาถามออกไปอีก “งั้นเรื่องแร่จะเอายังไงละ”  

 

 

“ไม่ต้องคิดมาก ปล่อยให้สถานการณ์พาไป”  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากจ้าวหย่งเฉิน +199!]  

 

 

จ้าวหย่งเฉินไม่รู้ว่าหลี่ว์ซู่เป็นใคร เขาไม่รู้ด้วยว่าหลี่ว์ซู่เคยทำภารกิจอะไรสำเร็จมาแล้วบ้าง เขาเพิ่งเห็นว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้อมูลของแอฟริกาทั้งหมดถูกโอนถ่ายไปให้คนคนเดียวโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ  

 

 

แต่…ไอ้หมอนี่มันดูไว้ใจไม่ได้เลยสักนิด!  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset