ตอนที่ 648 สู้กัน! สู้กัน!
ในตอนแรกสถานการณ์ของ EO มันก็ชัดเจนดีอยู่หรอก มีสองผลลัพธ์ที่สามารถเป็นไปได้ ผลลัพธ์แรกคือพวกเขาจะได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างองค์กรใหญ่และได้กำไรมาอย่างงาม หรือผลลัพธ์ที่สองก็คือถูกองค์กรใหญ่ทำลายล้างไปเลย และผู้ชนะก็จะได้ทรัพยากรแร่ไป
วันที่หลี่ว์ซู่ออกไปป่วนประสาทองค์กรต่างๆ เขาได้รับข่าวจากเครือข่ายฟ้าดินมาว่าที่ EO ตัดสินใจจัดการเจรจาแบบนี้ไม่ใช่เพราะเบ็นเนตต์เป็นคนเก่งและกล้าหาญ แต่เป็นเพราะฝ่ายศรัทธานั้นบีบให้ EO เอาทรัพยากรแร่มาให้ในเวลาอันจำกัด เบ็นเนตต์ไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ เลยเสี่ยงเชิญทั้งสิบเอ็ดองค์กรมาในคราวเดียว หากคิดถึงผลที่แย่ที่สุดแล้ว เรียกได้ว่าเขาสู้สุดฤทธิ์กับฝ่ายศรัทธาเลยละ
หลี่ว์ซู่เข้าใจแล้ว เบ็นเนตต์กำลังเดิมพันครั้งใหญ่อยู่นี่เอง หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าต่อให้เบ็นเนตต์จะถือเป็นยอดฝีมือของโลกของผู้บำเพ็ญก็ตาม แต่เขาไม่ได้ทรงหรือโอ้อวดตัวเองว่าฉลาดอะไรด้วย ใครๆ ก็พูดได้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนฉลาดเลย แล้วทำไมเขาถึงยังยอมเสี่ยงอยู่อีก
งั้นฝ่ายศรัทธาก็อยู่เบื้องหลังมาตลอดเลยสิ หลี่ว์ซู่ต้องปกป้องตัวเองหน่อยเสียแล้ว
เอาจริงๆ แล้วหลี่ว์ซู่ก็ชื่นชมเบ็นเนตต์เหมือนกันนะ ในโลกแห่งผู้บำเพ็ญนี้ ทุกคนต่างอยู่กันแบบปลาใหญ่กินปลาเล็กทั้งนั้นแหละ ฝ่ายศรัทธามีผู้บำเพ็ญระดับ A เยอะแยะอย่างกับปล้นมา ส่วนเบ็นเนตต์นั้นมีพลังแค่ระดับ B เท่านั้น เขาเลยทำได้แค่ใช้ความสามารถปกป้องตัวเองเอาตัวรอดไปอย่างนั้นแหละ
แต่หลังจากที่หลี่ว์ซู่มาที่ประเทศนี้ เขาก็พบว่าเบ็นเนตต์ไม่ได้ทำอะไรดีเด่เท่าไหร่ หลี่ว์ซู่ได้ข้อมูลมาว่าที่เบ็นเนตต์สร้างค่ายทหารขึ้นมาก็เพราะเขาอยากสร้างกองกำลังหน้าใหม่ให้กับ EO เท่านั้น อีกอย่างทหารที่มาฝึกก็ไม่ได้สมัครใจมาเองด้วย พวกเขาโดนบังคับมาต่างหาก
พวกเขาบุกเข้าโจมตีหมู่บ้านและลักเอาพวกเด็กๆ มา หลี่ว์ซู่รู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วแต่พออ่านข้อมูลนี้อีกรอบ เขาก็มั่นใจจริงๆ ว่าพวกเขากระทำเรื่องผิดศีลธรรม
หลี่ว์ซู่กินผลชี่ไห่อยู่เงียบๆ ในวิลล่า ตอนนี้ทั้งพวกองค์กรใหญ่และ EO ต่างก็อยู่ในความโกลาหลกันใหญ่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่หลี่ว์ซู่จะเคลื่อนไหวทำอะไร เขารู้สึกว่าถ้าเขาออกไปตอนนี้ก็มีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง
แต่ถ้าเครือข่ายฟ้าดินยังได้ข้อมูลนี้มา ฮาเวิร์ดเองก็น่าจะได้ข้อมูลนี้ไปเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้หลี่ว์ซู่ทำให้องค์กรอื่นเข้าใจว่าเบ็นเนตต์มีคนหนุนหลัง แล้วตอนนี้สถานการณ์กลายเป็นแบบไหนไปแล้วละ
คืนนั้นหลี่ว์ซู่รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานจากด้านนอกของวิลล่า คลื่นพลังน่ากลัวนั่นทำให้หลี่ว์ซู่คิดว่ามีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นข้างนอก
เขารีบกระโดดขึ้นไปสังเกตการณ์บนหลังคาของวิลล่า แล้วทันใดนั้นเขาก็เห็นนกฟีนิกซ์ตัวใหญ่กำลังสยายปีกเพลิงบินไปทางฟรานเชสโก้จากฝ่ายศรัทธา เปลวไฟกระจายออกจากปีกของมันเหมือนขนนกกำลังร่วงหล่น แต่ขนนกพวกนี้อันตรายมาก พวกเขาไม่กล้ายืนดูเลย
กลุ่มลูกน้องของเขารออยู่นอกสนามรบ คอยป้องกันไม่ให้คนอื่นๆ เข้ามาโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว
ฮาเวิร์ดชี้ไม้เท้าสีแดงทรงพลังของเขาขึ้นฟ้า แล้วนกฟีนิกซ์ก็เปลี่ยนสีจากสีส้มเป็นสีแดงก่ำ ทันใดนั้น บรรดาลูกน้องที่อยู่ด้านนอกก็ปลิวขึ้นไปในอากาศกันหมด!
ฟรานเชสโก้ค่อยๆ เดินออกมาราวกับว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย พอฟีนิกซ์เพลิงบินมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็อ้าแขนออกทันที แสงสีขาวบริสุทธิ์พลันปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาเพื่อทำหน้าที่เป็นโล่ป้องกันฟีนิกซ์ให้ออกไป
เขาเหาะขึ้นไปข้างบนอย่างใจเย็นประหนึ่งกำลังอยู่ในพายุ จากนั้นก็เอ่ยเสียงเรียบ “แสงของวายร้ายจะต้องถูกดับมอด แสงของเขาไม่ควรส่องประกายออกมา”
ฮาเวิร์ดหัวเราะอย่างเย็นชา “พวกฝ่ายศรัทธานี่เป็นองค์กรเปี่ยมศีลธรรมจริงๆ เลยนะ ก็เป็นพันธมิตรกับเบ็นเนตต์แล้วนี่ งั้นก็รับความโกรธเกรี้ยวจากกลุ่มฟีนิกซ์ไปเสียเถอะ”
ฟรานเชสโก้เงียบไป เขาไม่เข้าใจเลย กลุ่มฟีนิกซ์ไม่ใช่เหรอที่เป็นผู้หนุนหลังเบ็นเนตต์น่ะ ทำไมกลุ่มฟีนิกซ์ถึงต้องเดือดดาลด้วยล่ะ
เขาฉุกใจคิดว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง พวกเขาต่างคิดกันหมดว่าเบ็นเนตต์มีองค์กรใหญ่องค์กรหนึ่งคอยหนุนหลัง แต่จริงๆ แล้วเบ็นเนตต์แกล้งแสดงเพื่อหลอกให้พวกเขาสับสนรึเปล่า งั้นก็แปลว่าเขาไม่ได้มีใครหนุนหลังมาตั้งแต่แรกแล้วสิ!
เบ็นเนตต์กำลังทำอะไรอยู่กันแน่…
พวกเขาอาจไม่เชื่อก็ได้ แม้กระทั่งตัวเบ็นเนตต์เองก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาไปทำอะไร…
แต่ฟรานเชสโก้นั้นไม่อยากให้ฮาเวิร์ดล่วงรู้ความจริง เขาอาจใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ได้มาขาดๆ หายๆ นี้ได้
ทันใดนั้นฟรานเชสโก้ก็ดึงดาบยาวออกมาจากผ้าคลุมสีขาว ดาบนั้นส่องแสงสีเงินออกมาสะท้อนกับแสงไฟของนกฟีนิกซ์ อากาศรอบๆ บิดเบี้ยวไปหมดเพราะแสงสีเงินดังกล่าว
ความขัดแย้งระหว่างผู้มีพลังระดับ B สองคนนั้นน่ากลัวเหลือเกิน แสงสีเงินนั้นปกคลุมเปลวเพลิงของนกฟีนิกซ์ ฮาเวิร์ดรู้สึกว่านกฟีนิกซ์ของเขาคงหลบการผูกมัดนี้ไม่ได้ง่ายๆ แน่
เขาวางไม้เท้าไว้บนพื้น จากนั้นมันก็ระเบิดออกมาเป็นอัคคีคลั่ง เขากระโจนเข้าหาฟรานเชสโก้ประหนึ่งงูพิษที่ปกคลุมด้วยเปลวเพลิง
ทันใดนั้นผู้มีพลังสายธาตุดินระดับ B ซึ่งคอยมองดูการต่อสู้อยู่ตลอดเวลาก็ถลาเข้ามาโจมตีฮาเวิร์ด ฟรานเชสโก้คลี่ยิ้ม
ตอนนี้องค์กรทั้งสิบเอ็ดมาถึงแล้ว ไม่มีใครแย่งแร่มาเป็นของตัวเองอีกแล้ว พวกพันธมิตรได้ตัดสินใจจุดยืนของตัวเองเรียบร้อย พวกเขาแค่รอให้สมรภูมิรบเปิดฉากขึ้นจริงๆ เท่านั้นเอง!
ฮาเวิร์ดที่อยู่ในสภาพไร้การป้องกันถูกพื้นดินใต้เท้าส่งให้ลอยขึ้นไปในอากาศ เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ เมื่อพสุธาเริ่มดันตัวขึ้นมา ฮาเวิร์ดก็รีบถลาเข้าไปรวมตัวกับเปลวไฟอย่างเต็มรูปแบบ เพลิงอัคคีนั้นกำลังปกป้องเขาอยู่!
อย่างไรก็ตามไม้เท้าที่อยู่บนพื้นก็ลอยกระเด็นออกไปด้วย เปลวไฟของนกฟีนิกซ์กลับมาเป็นสีส้มอีกครั้ง แล้วพลังของมันก็ลดลงมาอย่างเห็นได้ชัด
ฟรานเชสโก้ค่อยๆ พับเสื้อคลุมแล้วเดินเข้าไปหาฮาเวิร์ด ทันใดนั้นก็มีก้อนหินก้อนใหญ่ลอยผ่านไป ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา “ฮาเวิร์ด เราจะช่วยกันฆ่ามันใช่ไหม”
แล้วหินใหญ่ก้อนหนึ่งก็ลอยผ่านฟรานเชสโก้ไป ฟรานเชสโก้รีบหลบเข้าไปในหลุมของตึก EO ที่โดนหนูตัวเล็กๆ นั่นทำลายไป…
ทันใดนั้นฟรานเชสโก้ก็คิดบางสิ่งออก งั้นฮาเวิร์ดก็เป็นคนโจมตีสำนักงานใหญ่ของ EO น่ะสิ แต่ทำไมเขาต้องทำแบบนั้นละ
ฮาเวิร์ดคิดอยู่นานแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้มีกองกำลังมาช่วยเขาได้ จริงอยู่ว่าในบรรดาสิบเอ็ดองค์กรนี้ กลุ่มฟีนิกซ์พอจะมีพันธมิตรอยู่ในนั้นบ้าง แต่ชายผิวขาวคนนี้… เขาจำไม่ได้เลย!
สงสัยคนพวกนี้อยากจะขอใช้อำนาจของเขาเพื่อจัดการฝ่ายศรัทธาซะ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขาที่นี่ พวกฝ่ายศรัทธาก็จะได้เปรียบในสถานการณ์นี้ไปเต็มๆ
ฮาเวิร์ดรู้ว่าตัวเขาอาจจะถูกหลอกใช้เป็นอาวุธ แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธสิ่งเพราะเขาอยากกดดันฝ่ายศรัทธาสักหน่อยน่ะสิ!
กระนั้นชายคนนี้ไม่ได้วิ่งเข้าหาฟรานเชสโก้ แต่พุ่งตรงไปหาไม้เท้าของฮาเวิร์ดต่างหากล่ะ!
ทันใดนั้นความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วสนามต่อสู้ ทุกคนมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ชายคนนั้นก้มลงเก็บไม้เท้าของฮาเวิร์ด จากนั้นเขาก็วิ่งหนีหายไป…
[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +999!]
เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย! ฮาเวิร์ดรู้สึกได้ถึงโทสะของตัวเองเมื่อเขาเห็นร่างนั้นวิ่งหนีจากไป…