ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 653 ข้อตกลง

ตอนที่ 653 ข้อตกลง  

 

 

ฮาเวิร์ดต้องใช้พลังถึงขีดสุดแล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าเขาช้ากว่านี้ เขาอาจตายได้ มีแต่ต้องระเบิดพลังออกมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วดูว่ามันสามารถช่วยให้เขาหลุดรอดจากพลังยับยั้งไฟนี่ไปได้หรือเปล่า  

 

 

ความสามารถในการยับยั้งไฟนั้นมีเอาไว้กดพลังของผู้มีพลังธาตุไฟอย่างเขา ตอนนี้เขาเสียเปรียบมาก เขาชักกลัวขึ้นมาแล้วสิ เมื่อก่อนเขาคิดว่าพลังสายธาตุต่างๆ ของผู้มีพลังนั้นมีความสำคัญ แล้วตอนนี้ผู้มีพลังธาตุไฟอย่างเขาก็พบกับศัตรูโดยธรรมชาติเสียแล้ว  

 

 

ความได้เปรียบของหลี่ว์ซู่นั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กระบี่ซือโก่วและกระบี่ฝูฉื่อเองก็เฉียดเข้ามาใกล้ฮาเวิร์ดขึ้นเรื่อยๆ  

 

 

เลือดของฮาเวิร์ดซึมไหลออกมาจากผิวกาย เสื้อคลุมของเขาเองก็เป็นรอยขาดวิ่น แขนของเขาชาไปแล้ว ร่างกายบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง  

 

 

เขาเคยคิดว่าตัวเองนั้นเก่งที่สุดในโลก แต่ดูตอนนี้สิ เขาต้องมาวิ่งหนีตายหัวซุกหัวซุน นี่เหมือนกับการตบหน้าฮาเวิร์ด และเขาก็รู้สึกโกรธมาก!  

 

 

เมื่อเขารู้สึกว่าพลังของเขาพุ่งขึ้นมาถึงขีดสุด เขาก็ยืนนิ่งๆ โดยไม่สนใจอีกว่าจะถูกโจมตีอย่างไร จากนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วเรียกนกฟีนิกซ์ไฟออกมา วงแหวนไฟที่อยู่รอบตัวเขาปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง มันช่วยปัดป้องกระบี่บินทั้งสองออกไป  

 

 

อากาศรอบวงแหวนไฟในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรนั้นพลันบิดเบี้ยว พืชพรรณทั้งหลายเ**่ยวแห้ง ใบของพวกมันห่อม้วน  

 

 

จากนั้นนกฟีนิกซ์ไฟก็บินออกไปจากมือของฮาเวิร์ด เพียงแค่ไม้เท้าของเขาเพียงอย่างเดียว อุณหภูมิสูงของสภาพแวดล้อมรอบๆ ก็พลันสูงขึ้น  

 

 

สายตาของฮาเวิร์ดเย็นยะเยือก ในที่สุดเขาก็เรียกนกฟีนิกซ์ออกมาได้จากการใช้พลังชีวิตจนถึงขีดจำกัด การทำแบบนี้นั้นเป็นการทำลายโครงสร้างพลังชีวิตของเขาและอาจไม่สามารถทำให้กลับคืนมาได้ในอนาคตด้วย เป็นเรื่องยากสำหรับฮาเวิร์ดที่จะยอมรับเรื่องนี้ เพราะเขาเคยเป็นคนที่มีความสามารถที่จะเลื่อนเป็นระดับ A ได้มากที่สุดในกลุ่มฟีนิกซ์แล้ว  

 

 

แต่หากเทียบกับความตายแล้ว แค่นี้นับว่าโชคดีมาก เขาถึงกับคิดว่าเครือข่ายฟ้าดินต้องการฆ่าเขาตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นจะส่งราชันฟ้าแปลกๆ คนนี้ไปเจรจากับ EO ทำไม  

 

 

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตัวหลี่ว์ซู่เองก็เพิ่งค้นพบว่าตัวเองมีความสามารถยับยั้งความสามารถไฟได้นี่แหละ  

 

 

หางของนกฟีนิกซ์นั้นสะบัดไปมาอยู่บนฟ้า อากาศรอบๆ เริ่มบิดเบี้ยว ฮาเวิร์ดชี้นิ้วไปที่หลี่ว์ซู่ เขาอยากจะใช้ไฟของเขาจัดการคนร้ายคนนี้ที่บังอาจมาทำให้โครงสร้างพลังชีวิตของเขาเสียหายหนัก  

 

 

ส่วนหลี่ว์ซู่ที่ระวังตัวไว้อยู่แล้วก็ปกป้องตัวเองไว้ได้ดี ฮาเวิร์ดนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ ก่อนหน้านี้หลี่ว์ซู่อยากจบการต่อสู้นี้ไวๆ แต่หลังจากเขารู้ว่าเขาสามารถยับยั้งพลังไฟนี้ได้ ต่อให้ต้องวิ่งหนีตาย เขาก็ไม่รู้สึกร้อนใจอะไร กระบี่ซือโก่วและกระบี่ฝูฉื่อนั้นไม่สามารถทำให้ฮาเวิร์ดบาดเจ็บสาหัสได้อีกต่อไป  

 

 

ตอนนี้ฮาเวิร์ดหลุดพ้นจากการถูกยับยั้งพลังไฟของตัวเองแล้ว แต่หลี่ว์ซู่ก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติไป ฮาเวิร์ดได้ใช้ยาขวดนั้นเพื่อเลื่อนระดับตัวเองเป็นระดับ A ชั่วคราว เขาใช้วิธีผิดธรรมชาตินี้เพิ่มพลังให้กับตัวเอง แปลกมาก!  

 

 

“ไปเสียตอนที่ยังไปได้ แต่เราไม่จบกันแค่นี้หรอกนะ ฉันจะไปสะสางเรื่องนี้กับแกในถิ่นของแกด้วย” ฮาเวิร์ดพูดเสียงเย็น  

 

 

นกฟีนิกซ์บินออกไปทันที หลี่ว์ซู่ขมวดคิ้วพลางคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป เขาเพิ่งเห็นว่านกฟีนิกซ์ไม่ได้บินมาตรงๆ ที่เขา  

 

 

นกฟีนิกซ์สีแดงตัวนั้นสะบัดปีกและคาบไก่ติดไฟสองตัวนั้นไว้ในปากก่อนจะบินหนีไป  

 

 

ฮาเวิร์ด “…”  

 

 

หลี่ว์ซู่มองดูนกฟีนิกซ์นั้นบินหายไป เขาเองก็อึ้งเหมือนกัน เขาถามฮาเวิร์ด “เมื่อกี้พูดว่าไงนะ”  

 

 

ฮาเวิร์ดค้อมหัวให้ “ขอโทษด้วยครับ”  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +999!]  

 

 

“ช้าไปแล้วล่ะพวก!” หลี่ว์ซู่ถอนใจ เขาได้รับการยืนยันแล้วว่าไฟสีขาวของเขานั้นอยู่ระดับสูงกว่าไฟอื่นๆ จริง ความสามารถในการยับยั้งไฟได้น่าจะนำหน้าพลังสายธาตุต่างๆ เลยล่ะ แล้วไฟของเขาก็เหนือกว่าอย่างชัดเจน  

 

 

ฮาเวิร์ดหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป เขาไม่คิดเลยว่าแม้เขาจะใช้พลังถึงขีดสุดแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ถึงแม้ว่าเขาจะเรียกนกฟีนิกซ์ระดับสูงออกมาแล้วแต่มันก็อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว  

 

 

ข้างหลังเขามีกระบี่แสงสายฟ้าสิบเล่ม ตามมาด้วยกระบี่ซือโก่วและกระบี่ฝูฉื่อ มันพุ่งเร็วจี๋ตรงไปที่ฮาเวิร์ด  

 

 

กระบี่แสงสายฟ้านั้นได้สร้างตาข่ายไฟฟ้าและดักจับฮาเวิร์ดไว้ จากนั้นกระบี่ซือโก่วและกระบี่ฝูฉื่อก็ตามมาเสร็จงานให้ทีหลัง ไฟรอบๆ ฮาเวิร์ดนั้นเริ่มจะมอดลงแล้ว เขาค่อยๆ ยกเกราะวิญญาณพลังวิญญาณขึ้นมาปกป้องตัวเองไว้อย่างหนักแน่น ทว่ามันกลับแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ อย่างรวดเร็ว  

 

 

จากนั้นเขาก็รู้ว่าชีวิตตัวเองจบเห่แล้ว!  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +1000!]  

 

 

ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็หยุดทุกอย่าง เขาถามออกไป “เคยสู้กับปรมาจารย์หุ่นเชิดมาก่อนไหม”  

 

 

ฮาเวิร์ดเตรียมใจที่จะตายแล้ว แต่พอเขาได้ยินคำถามของหลี่ว์ซู่แบบไม่ทันตั้งตัว เขาก็ตกใจ เขาไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรแล้ว  

 

 

เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแค่มองหลี่วชู่อย่างเย็นชา หลี่ว์ซู่เลยถามต่อ “ปรมาจารย์หุ่นเชิดนี่โจมตียังไงเหรอ แบบว่าใช้ตุ๊กตาไม้ที่ใช้ด้ายสีแดงทอเป็นตาข่ายและฆ่าคนแบบนั้นหรือเปล่า บอกหน่อยสิ”  

 

 

นี่เป็นข้อสงสัยที่หลี่ว์ซู่เก็บไว้ในใจเป็นเวลานาน เขาสงสัยว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นใช้วิธีการโจมตีแบบเดียวกันหรือเปล่า เขาเคยเจอแค่สองคน และพวกเขาก็มีหุ่นเชิดเหล็กกันทุกคนด้วย แต่เขาเห็นอวิ๋นอี่ใช้ตุ๊กตาหุ่นไม้เล็กๆ เพราะฉะนั้นเขาจึงอยากรู้ว่าการโจมตีของหู่จื๋อนั้นเป็นอย่างไร!  

 

 

ฮาเวิร์ดไม่คิดว่าหลี่ว์ซู่จะสนใจเรื่องนี้ เขาคงไม่ถามซักไซ้ต่อเรื่องความลับของกลุ่มฟีนิกซ์หรอกใช่ไหม  

 

 

เอาจริงๆ แล้วหลี่ว์ซู่ไม่ได้ตั้งใจจะถามฮาเวิร์ดเรื่องกลุ่มฟีนิกซ์เลย เพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้จักองค์กรนี้ดีอะไรขนาดนั้น ถึงเขาอยากจะถาม เขาก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไรอยู่ดี…  

 

 

แต่ข้อมูลเกี่ยวกับปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นไม่ได้เป็นความลับของกลุ่มฟีนิกซ์นี่ ฮาเวิร์ดก็รีบคิดอย่างว่องไว เขาไม่ยอมปล่อยโอกาสจะมีชีวิตรอดไปหรอก  

 

 

เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “ถ้าอยากรู้เรื่องปรมาจารย์หุ่นเขิดก็ปล่อยฉันไปสิ ข้อมูลเรื่องนี้สำคัญมากนะ ถ้ารู้เรื่องนี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อเครือข่ายฟ้าดินมากๆ เชียว…”  

 

 

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลี่ว์ซู่ก็พูดแทรกขึ้นมา “โอเค”  

 

 

คำตอบของหลี่ว์ซู่นั้นตรงไปตรงมา แต่ฮาเวิร์ดเองก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี…  

 

 

นี่เหมือนกับการซื้อเสื้อผ้าที่ตลาดเลย ราคาเสื้อผ้าอยู่ที่หนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าหยวน แต่ต่อราคามาได้เหลือร้อยเก้าสิบเก้า ตอนแรกก็อยากจะต่อราคากับเจ้าของร้านไปนานๆ แต่ว่าเจ้าของร้านกลับตกลงอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ซื้อก็เหมือนกับว่าจะต้องแพ้ไป แล้วถ้าไม่ซื้อก็ต้องโง่มากแน่ๆ …  

 

 

รู้สึกน่าขายหน้าแบบทันทีเลยล่ะ…  

 

 

หลี่ว์ซู่เริ่มไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่าฮาเวิร์ดไม่ยอมพูดอะไรออกมา  

 

 

“ก็ตกลงไปแล้ว รีบๆ บอกมาเสียสิ”  

 

 

ฮาเวิร์ดรู้สึกว่าตัวเองนั้นหมดหนทางแล้ว งั้นเขาก็ต้องบอกไปสินะ!  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +999!]  

 

 

ฮาเวิร์ดหัวเราะอย่างเยียบเย็น “งั้นก็ปล่อยฉันไปสิ จะรู้ได้ไงว่าเชื่อใจได้รึเปล่า ขอหลักประกันหน่อย”  

 

 

หลี่ว์ซู่หงุดหงิด “ทำไมถึงจะไม่เชื่อกันล่ะ ไม่ใช่แค่จะปล่อยไปเฉยๆ นะ เดี๋ยวจะช่วยส่งออกไปด้วย…”  

 

 

ฮาเวิร์ดใช้เวลาสักพักก่อนจะคิดออกว่า ‘ช่วยส่งออกไป’ นั้นน่าจะไม่ได้มีความหมายที่ดีนักเท่าไหร่…  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +999!]  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset