ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 649 การปล่อยไปตามสถานการณ์คืออุบายที่ร้ายที่สุด

ตอนที่ 649 การปล่อยไปตามสถานการณ์คืออุบายที่ร้ายที่สุด

 

 

การต่อสู้ไม่ควรจบแบบนี้สิ ไม่อย่างนั้นทั้งกลุ่มฟีนิกซ์และฝ่ายศรัทธาคงขัดแย้งกันแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว พวกเขาคงต้องใช้ทุกกลยุทธ์และพันธมิตรที่มี องค์กรอื่นๆ ก็คงถูกบีบให้ต้องเลือกข้างระหว่างสององค์กรนี้ และสุดท้ายแล้วมันจะกลายเป็นสงครามที่สั่นสะเทือนไปทั้งโลก

 

 

ที่สุดแล้วอำนาจของทั้งสององค์กรก็แผ่ขยายไปไกลถึงต่างประเทศ พวกเขาจะต้องเข้าห้ำหั่นกันอย่างแน่นอน นอกเหนือจากองค์กรแถวหน้าอย่างเครือข่ายฟ้าดินที่ดูเผินๆ อาจจะไม่ได้แข็งแกร่งนัก ก็มีฝ่ายศรัทธาและกลุ่มฟีนิกซ์นี่แหละ ที่เป็นสององค์กรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกตอนนี้ เพราะทั้งสององค์กรมีผู้มีพลังระดับ A อยู่

 

 

องค์กรทั้งสองตั้งใจจะสู้กันเมื่อพวกเขาพบหน้าที่แอฟริกา

 

 

กระนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงเมื่อชายผิวขาวได้ขโมยเอาไม้เท้าของฮาเวิร์ดไป สถานการณ์อยู่นอกเหนือการควบคุมไปเสียแล้ว…

 

 

ไม่ใช่ฮาเวิร์ดคนเดียวเท่านั้นที่ตกใจและโกรธมาก ขนาดฟรานเชสโก้เองยังตะลึงไปด้วยเหมือนกัน “ใครน่ะ…”

 

 

พวกเขาต่างตกตะลึงอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครเข้าใจว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อฟรานเชสโก้คิดไปถึงเหตุการณ์ที่ชายคนนั้นขโมยไม้เท้าไป เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างช่วยไม่ได้…

 

 

ฮาเวิร์ดพยายามจับสัมผัสระหว่างตัวเขากับไม้เท้า แต่กลายเป็นว่าเขาสัมผัสถึงไม้เท้าไม่ได้เลย มีคำอธิบายอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือชายคนนั้นเก็บไม้เท้าเข้าไปในที่เก็บของล่องหน

 

 

แต่ชายคนนั้นมันเป็นใครกันล่ะ!

 

 

ทุกคนพยายามวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา เขาคือคนที่โยนเต้าหู้เหม็นและเขาก็เป็นคนที่เข้าไปโจมตีสำนักงานใหญ่ของ EO ด้วย แถมเขายังขโมยไม้เท้าของโฮเวิร์ดไปอีก เขาต้องการอะไรกันแน่นะ แล้วเขามาจากองค์กรไหนกัน

 

 

ในเรื่องเล่านั้นมีเหตุการณ์ที่ใช้อุบายปรากฏอยู่มากมาย แต่ก็ไม่มีอันไหนที่ดูลึกลับจนผิดสังเกต การแต่งหน้ากลบตัวตนน่ะทำได้อยู่แล้ว แต่พวกเขาไม่เคยเห็นใครที่สามารถเปลี่ยนเชื้อชาติหรือรูปลักษณ์ได้ขนาดนั้น

 

 

ทุกคนต่างไม่มีใครคาดคิดว่าชายคนนี้จะมาจากเครือข่ายฟ้าดิน อย่างไรก็ตามคนคนนี้น่าจะมีพลังระดับ B เป็นอย่างต่ำละนะ พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามียอดฝีมือที่รับผิดชอบดูแลงานต่างประเทศเข้าร่วมกับเครือข่ายฟ้าดิน

 

 

เรื่องที่หลี่ว์ซู่มีหน้ากากนั้นยังเป็นความลับอยู่ แต่ทุกคนรู้ว่าเครือข่ายฟ้าดินได้เอาดวงตาแห่งค่ายกลจากเกาะช้างไป กระนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าดวงตาแห่งค่ายกลนั้นทำอะไรได้บ้าง

 

 

หลี่ว์ซู่แค่อยากดูสององค์กรสู้กันแค่นั้นเอง เขารู้ว่าถ้าเขาลงเคลื่อนไหวย่อมต้องเกิดความเงียบชวนอึดอัดใจขึ้น แต่พอเขาเห็นไม้เท้าของฮาเวิร์ดตกอยู่ เขาก็ห้ามใจไม่ได้…

 

 

เขาบอกจ้าวหย่งเฉินไปว่าให้เล่นไปตามสถานการณ์ การปล่อยไปตามสถานการณ์นี่แหละคืออุบายที่ร้ายที่สุด

 

 

สีหน้าของฮาเวิร์ดเปลี่ยนไปเป็นน่ากลัว เขามองไปทางฟรานเชสโก้ “มันมาจากองค์กรของแกใช่ไหม”

 

 

ฟรานเชสโก้ได้ยินแล้วก็หัวเราะ เขาไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธอะไร ดูแล้วหมอนั่นไม่น่าจะอยู่ข้างฮาเวิร์ดแน่ ถ้าเขากดดันฮาเวิร์ดไปว่ามีคนระดับ B ซ่อนอยู่ก็ไม่น่าเป็นปัญหาอะไร

 

 

“ดีจริงๆ” ฮาเวิร์ดหัวเราะ “องค์กรที่มีศีลธรรมสูงส่งแบบนี้กลับทำเรื่องผิดศีลธรรมเอง”

 

 

สมาชิกฝ่ายศรัทธาที่อยู่ตรงนั้นกว่ายี่สิบคนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที คำพูดของฮาเวิร์ดนั้นดูถูกสมาชิกทุกคนทั้งหมด แล้วฟรานเชสโก้ก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอดทน “การอภัยให้ความผิดพลาดของผู้อื่นถือเป็นเรื่องทรงเกียรติ”

 

 

พอเขาพูดจบ แขนเสื้อของฮาเวิร์ดก็สะบัดขึ้นในอากาศ แล้วทันใดนั้นร่างของเขาเปลี่ยนเป็นอัคคีลุกโชน ผมบนศีรษะของเขาเองก็เปลี่ยนเป็นไฟด้วย ตาของเขาทอประกายเจิดจ้า “คิดเหรอว่าจะได้เปรียบเพราะฉันไม่มีไม้เท้าน่ะ น่าหัวร่อจริงๆ เพราะอย่างนี้สินะเลยต้องแอบซุกหัวตอนปรมาจารย์หุ่นเชิดปรากฏตัว ในขณะที่ฝ่ายเรานี่แหละที่เข้าไปประจันหน้าตรงๆ!”

 

 

ทันใดนั้นฟีนิกซ์เพลิงก็ดิ้นออกจากประกายแสงสีเงินจากดาบของฟรานเชสโก้ เมื่อได้อิสระ มันก็บินกลับไปหาฮาเวิร์ด แล้วฮาเวิร์ดก็ลอยขึ้นบนอากาศราวกับเทพสวรรค์ ฟีนิกซ์เพลิงพ่นลูกไฟขนาดใหญ่ไปทางฟรานเชสโก้

 

 

ไฟนั้นพุ่งเข้าหาเขาราวกับกลุ่มก้อนพลังอันรุนแรง!

 

 

ฟรานเชสโก้รักษาท่าทีใจเย็นสบายๆ ไม่ได้อีกต่อไป เขารีบคุกเข่าลงกับพื้นแล้วปักดาบลงไปโดยมีเกราะสีขาวล้อมอยู่รอบๆ

 

 

ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงคำรามแสบแก้วหูดังขึ้นท่ามกลางค่ำคืน แล้วเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกไปจู่โจม ฮาเวิร์ดปกปิดมาตลอดว่าเขาเป็นผู้มีพลังสายธาตุโลหะระดับ B!

 

 

ฮาเวิร์ดและสหายร่วมรบของเขากระโจนเข้ามาในการต่อสู้ทันทีเพื่อฆ่าฟรานเชสโก้ ผู้มีพลังสายธาติดินว่าเองก็เตรียมจะเข้าไปร่วมการต่อสู้ด้วย แต่ก็ต้องหยุดกลางคัน มีผู้มีพลังระดับ B จากออสเตรเลียคนหนึ่งบังทางเขาไว้ กองหนุนของฮาเวิร์ดนั้นมีพลังมากกว่าของฟรานเชสโก้มาก!

 

 

ตูม! ทั้งเข็มทั้งเปลวไฟพุ่งชนใส่กันบนเกราะของฟรานเชสโก้ การพุ่งชนทำให้เกิดแรงระเบิดไปทั่วและทำให้เกิดความปั่นป่วนในอากาศ ความปั่นป่วนนั้นเป็นเหมือนด้ายที่ถักทอปกคลุมการมองเห็นของทุกคน กลุ่มลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ไม่แม้แต่จะมีโอกาสเข้าไปร่วมการต่อสู้ด้วยเพราะโดนระเบิดกระเด็นออกไปหมด!

 

 

ในขณะที่ชุลมุนกันอยู่นั้นเอง ฟรานเชสโก้ก็ดึงดาบที่ปักอยู่บนพื้นแล้วชี้ไปที่ฮาเวิร์ด เขาอยากหยุดป้องกันตัวแล้วใช้พลังทั้งหมดทุ่มฆ่าฮาเวิร์ด มาดูกันว่าใครจะเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่า

 

 

แต่แล้วดาบเล่มหนึ่งก็โผล่ออกมากลางอากาศ แล้วชุดอัศวินก็ปรากฏอยู่บนตัวของฟรานเชสโก้ ฟีนิกซ์เพลิงโฉบลงไปทางฟรานเชสโก้ และทั้งสองก็เขาโจมตีกันอย่างเต็มกำลัง!

 

 

จากนั้นก็มีระเบิดเกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อให้เกิดเป็นรอยแยกบนพื้น การปะทะกันของพลังกระเพื่อมผ่านท้องฟ้าอันมืดมิดยามค่ำคืน

 

 

ทั้งฮาเวิร์ดทั้งฟรานเชสโก้ต่างกระเด็นออกไปทางด้านหลัง ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง

 

 

และในตอนนี้ก็มีคนคนหนึ่งที่กระโดดไปทั่วราวกลุ่มดาวบนนภา เขาเดินแหวกผ่านคลื่นพลังเพื่อเข้าไปในการต่อสู้ เขาสามารถต่อต้านพลังที่น่ากลัวนี้ได้!

 

 

พอฟรานเชสโก้และฮาเวิร์ดสังเกตเห็นเขา พวกเขาก็มีลางสังหรณ์แปลกๆ …

 

 

ฟรานเชสโก้ไม่พูดอะไรออกไปสักคำ

 

 

ฮาเวิร์ดเองก็เงียบ

 

 

พอคนนั้นเข้ามาในสนามต่อสู้แล้วก็ดูเหมือนว่าเขากำลังหาของบางอย่าง เมื่อสายตาของเขาเลื่อนไปหยุดที่ฟรานเชสโก้ เขาก็มีปฏิกิริยาบางอย่าง เขาพุ่งเข้าไปหาฟรานเชสโก้และกระโดดข้ามเขาไปในครั้งเดียว!

 

 

ต่อมานั้นฟรานเชสโก้ก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังถือดาบของเขาอยู่ในมือ…

 

 

ฟรานเชสโก้ที่ยังอยู่กลางอากาศกำดาบของตัวเองไว้แน่น “อะไรวะ…”

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากฟรานเชสโก้ รุสโซ่ +666!]

 

 

คนคนนั้นพูดภาษาอังกฤษตอบฟรานเชสโก้ด้วยเสียงเล็กๆ “คุณติดเชื้อราที่เล็บแน่ะ เดี๋ยวมันจะลามไปถึงอีกคนด้วยนะ”

 

 

ฟรานเชสโก้ร้องเสียงดัง “อะไรนะ!!!”

 

 

ตอนที่ฟรานเชสโก้ตกใจอยู่นั่นเอง เขาก็ถูกฉกดาบไป! ผ่านมาจนถึงตอนนี้เขายังไม่เข้าใจเลยวาทำไมคนคนนั้นต้องพูดแบบนี้กับเขาด้วย เขาไม่มีเชื้อราในเล็บสักหน่อย ตอนแรกก็คิดว่าจะมีอะไรสำคัญมาพูดด้วย แต่ตอนนี้กลับไม่มีวี่แววอะไรจากเขาเลย

 

 

บ้าไปแล้วเหรอ!

 

 

ในตอนนั้นฟรานเชสโก้ทิ้งลูกโลหะออกจากแขนเสื้อด้านขวาของเขา เขาตั้งใจจะทำให้ลูกโลหะนี้ระเบิดไปพร้อมกับหลี่ว์ซู่

 

 

แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอย่างนั้น หลี่ว์ซู่ก็วิ่งหนีหายไปแล้ว…

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากฟรานเชสโก้ รุสโซ่ +999!]

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset