ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 505 สินค้าสี่คันรถ!

สินค้าสี่คันรถ!

 

คืนนั้นคาวาโยชิปฏิเสธที่จะดื่มน้ำแม้สักแก้วก่อนนอน เผื่อในกรณีที่หลี่ว์ซู่จะเสนอให้เขาแข่งกันกลั้นฉี่อีกรอบ…

 

การสนทนายามบ่ายของพวกเขาทำให้คาวาโยชิรู้สึกอึดอัดใจอยู่นาน ว่าไปแล้วเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าเจ้ายามาดะ อาคิระคนนี้จะน่ารำคาญขนาดนี้! เขาจึงแอบส่งข้อความไปถามไถ่กับเพื่อนของเขาเรื่องยามาดะ

 

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ในที่สุดเพื่อนของเขาก็ได้ตอบกลับหลังจากไปถามคนที่คุ้นเคยกับยามาดะมา แท้จริงแล้วความจริงใจของยามาดะได้ทำให้คนขุ่นเคืองใจมากมาย แต่มันก็ได้ทำให้เขาได้รับการยอมรับและเป็นที่โปรดปรานของโนกิวะ ฮากุชุน

 

ความจริงมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้นำจะต้องการผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์ เนื่องจากพวกเขาจะได้ไม่ต้องกังวลใจเรื่องการทรยศหักหลังและสารพันปัญหาที่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้น

 

และเราก็ต้องยอมรับเลยว่าเนี่ยถิงตัดสินใจถูกต้องที่เลือกบทบาทของยามาดะให้หลี่ว์ซู่เข้ามาสวมรอย

 

ความเถรตรงมักจะมีแนวโน้มที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่น่ารำคาญ คาวาโยชิเลิกข้องใจทันทีที่ได้เห็นข้อความที่ส่งกลับมา

 

เขาเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะถูกจ้างกลับอย่างเป็นทางการในฐานะหัวหน้าฝ่าย โดยไม่มีคำนำหน้าตำแหน่งว่า ‘รักษาการ’

 

ถึงตอนนั้น การมีคนที่จริงใจติดตามเขาคงจะช่วยเลี่ยงปัญหาไปได้เยอะ ความรู้สึกนั้นคงจะพ้องกับความรู้สึกของผู้นำหลายๆ คน และคาวาโยชิคิดว่าคนที่สมบูรณ์แบบเกินไปเป็นคนอันตราย

 

โชคดีที่หลี่ว์ซู่ไม่รู้เรื่องนั้น มิฉะนั้นเขาจะต้องพิสูจน์ให้เห็นอย่างสุดความสามารถถึงความแตกต่างระหว่างการตั้งใจทำตัวน่ารำคาญกับการไม่ตั้งใจทำตัวน่ารำคาญเพราะความเถรตรง

 

จากนั้นหลายวันได้ผ่านไปอย่างสุขสงบและทั้งคาวาโยชิและหลี่ว์ซู่ก็กำลังรอการถูกจ้างกลับไปทำงานใหม่ของฝ่ายแรก…

 

คาวาโยชิจะโทรเรียกสาวๆ ไม่ซ้ำหน้ามาที่โกดังทุกวันและใช้เวลาช่วงหนึ่งกับพวกเธอ

 

วันหนึ่งเขาเสร็จกิจในระยะเวลาที่รวดเร็วเพียงไม่กี่นาที ด้วยความสงสัยหลี่ว์ซู่จึงถามเขาว่าทำไมเขาถึงได้เสร็จธุระเร็วนัก

 

นั่นทำให้คาวาโยชิต้องละอาย จากวันนั้นเป็นต้นมา เขาจะยืนกรานให้พวกสาวๆ คุยกับเขาสองชั่วโมงก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้กลับไปได้…มันน่าอึดอึดแทบตายเมื่อพวกเขาหมดเรื่องจะคุย!

 

หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป คาวาโยชิดูเวลาแล้วเดินออกไปพร้อมสีหน้าที่อิ่มเอมใจได้ในที่สุด หลี่ว์ซู่เงยหน้ามองฟ้าด้วยความสงสัยว่าคาวาโยชิจะทนบทสนทนาที่ยืดยาวและน่าอึดอัดไปได้อีกสักกี่น้ำ…

 

“ทำอย่างนั้นทุกวัน ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ” หลี่ว์ซู่ถามขึ้นอย่างสงสัย “เพราะอย่างไรเสียนายก็ไม่ใช่…”

 

แต่คาวาโยชิรีบขัดขึ้นมา “ฉันยังหนุ่มอยู่นะ แค่สามสิบกว่าๆ เอง ใครๆ ก็ว่าฉันดูเหมือนนักศึกษา”

 

หลี่ว์ซู่มองเขาอย่างละเอียด และจู่ๆ ก็รู้สึกว่าข้ออ้างนี้ฟังคุ้นหูเพราะเขาก็เคยได้ยินคำพูดแบบนี้มาก่อนจากประเทศจีนเหมือนกัน

 

แต่กระนั้นก็ตาม ความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายเช่นนั้น

 

หลี่ว์ซู่ขบคิดอยู่สองวินาทีก่อนจะชี้ให้เห็นความจริงว่า “ที่นายดูเหมือนนักศึกษาไม่ใช่เพราะว่านายเด็กหรอก แต่เพราะนายดูเหมือนคนบ้านนอกต่างหาก!”

 

[ได้แต้มจากนากายะ คาวาโยชิ +777…]

 

แท้จริงแล้ว การที่ผู้คนแสดงความเห็นแบบนั้นเพราะพวกเขามุ่งความสนใจไปยังรสนิยมทางแฟชั่นแทนรูปร่างหน้าตา มันเป็นธรรมดาที่หลังจากจบการศึกษาแล้วหลายๆ คนจะเริ่มการแสวงหาความทันสมัย และนักศึกษาปีหนึ่งและปีสองบางคนรวมแม้กระทั่งนักเรียนมัธยมปลายก็เริ่มรู้จักการแต่งตัว แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว นักเรียนนักศึกษาคือสิ่งที่มีความหมายพ้องกับความไร้รสนิยมนั่นเอง

 

โอ๊ย! คาวาโยชิตัดสินใจไม่สานต่อบทสนทนานั้นอีก

 

ณ ตอนนี้เองพวกเขาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถคำรามลั่น และมันก็ดังสะเทือนไปทั่วโดยเฉพาะในชนบทที่เงียบและอ้างว้างนี้ นอกจากโรงงานไม่กี่แห่งแล้ว ในภูมิภาคนี้ก็มีคนพักอาศัยอยู่สองสามคน

 

เมื่อดูจากจำนวนรถแล้ว หลี่ว์ซู่คิดว่าพวกเขาคงจะมาที่โกดัง แต่ไม่แน่ใจว่าพวกเขาเป็นใคร

 

สีหน้าจริงจังที่หาดูได้ยากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคาวาโยชิ เขาถึงขนาดจัดเสื้อผ้าที่สวมอยู่ให้เรียบร้อยเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์เหล่านั้น

 

ภายในไม่ถึงห้านาทีก็มีรถยนต์และรถบรรทุกสี่คันหยุดอยู่ตรงหน้าโกดัง ในขณะที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาจากรถ เขาหันมองมองคาวาโยชิแวบหนึ่งซึ่งทำให้ฝ่ายหลังวิ่งอ้าวเข้าไปหาด้วยท่าทีประจบสอพลอ คาวาโยชิทักทายเขาว่า “ลมอะไรพามาถึงนี่ล่ะคุริยามะซัง”

 

“ก็มาส่งสินค้าสี่คันรถบรรทุกให้ถึงโกดังเลยไง ฉันส่งคนมาให้นายใช้ตามสบายยี่สิบคน ท่านอาจารย์อยากให้สินค้าพวกนี้ได้รับความปลอดภัยอย่างเต็มที่ เข้าใจไหม ไม่ได้เก็บไว้นานหรอกและจะถูกขนไปอาทิตย์หน้าในวันที่เปิดฐานอย่างเป็นทางการ” ในขณะที่เขาพูดเขาไม่ได้หันกลับไปมองคาวาโยชิอีกเลย หลังจากนั้นเขาก็เอาบุหรี่ออกมามวนหนึ่งและคาวาโยชิก็รีบจุดบุหรี่ให้เขาทันที

 

ใบหน้าของหลี่ว์ซู่เป็นประกายขึ้นมา นั่นคือศิษย์เอกของทาคาชิมะ ทาอิรัตสึ หลี่ว์ซู่บอกได้เลยว่าเขาอาจจะอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับ C

 

แต่ปรากฏว่าคาวาโยชิไม่ได้เก๋าจริงอย่างที่เขาโม้เอาไว้ เขาเป็นแค่คนดวงดีที่ติดตามนายถูกคน ในระหว่างการสนทนากัน มีผู้ชายยี่สิบคนลงมาจากรถบรรทุกเจ็ดคัน พวกเขาลงกลอนประตูอีกครั้งก่อนที่จะมารายงานตัวกับคุริยามะ

 

เมื่อคุริยามะหันมาเห็นหลี่ว์ซู่เขาก็ถามว่า “เขาเป็นใคร”

 

“เขาคือ ยามาดะ อาคิระ ถูกเข้าใจผิดว่าฝักใฝ่ฝ่ายอนุรักษนิยมแบบฉันนั่นแหละ เขาเคยเป็นคนขับรถและผู้ช่วยของโนกิวะ ฮากุชุน แต่ตอนนี้เขามาติดตามฉันแล้ว ไม่เป็นไรหรอก” คาวาโยชิตอบพร้อมกับแสยะยิ้ม แล้วเขาก็กระซิบที่ข้างหูของคุริยามะอย่างรวดเร็วว่า “เป็นแค่คนที่เพิ่งเริ่มต้นระดับ D แค่นั้นเอง ไม่ต้องกังวลนะ ถ้าเขาก่อเรื่องล่ะก็ฉันฆ่าเขาทิ้งได้เลยทุกเมื่อเลย”

 

ในขณะเดียวกัน หลี่ว์ซู่ก็รอฟังคำสั่งอยู่ข้างๆ พวกเขาด้วยหน้าตาที่ใสซื่อ

 

ชายหนุ่มคนนั้นไม่สนใจหลี่ว์ซู่อีกต่อไปเพราะพวกปลาซิวปลาสร้อยอย่างนั้นไม่มีค่าพอที่จะให้เขาต้องมาสนใจอะไร จากนั้นคุริยามะก็หันไปทางคาวาโยชิและกล่าวว่า “ห้ามเกิดข้อผิดพลาดเสียหายกับสินค้าเด็ดขาดนะ ดูแลตัวเองในตอนกลางคืนด้วย วางใจเถอะว่าท่านอาจารย์ไม่ได้ทอดทิ้งนายและต่อไปนายก็จะได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงและการป้องกันที่ฐานใหม่เอง”

 

“ขอบคุณมาก คุริยามะซัง! โปรดส่งต่อความสำนึกในบุญคุณของฉันถึงท่านทาคาชิมะให้ด้วยนะ!” คาวาโยชิปลาบปลื้มยินดีออกนอกหน้า ตำแหน่งที่ว่านั้นมีอำนาจอย่างแท้จริง ไม่เหมือนกับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัยตามโรงแรมทั่วไปหรอก!

 

ในตอนนี้เองก็มีใครคนหนึ่งตะโกนเป็นภาษาญี่ปุ่นออกมาจากหนึ่งในรถบรรทุกสี่คันว่า “ไอ้ชั่วทาคาชิมะ! แกเต็มใจสละกระทั่งคนของตัวเองเลยเหรอ! เราเคยเป็นฝ่ายสนับสนุนของแกนะ!”

 

หลี่ว์ซู่อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เขาไม่ได้คาดฝันว่าสิ่งที่เรียกว่าสินค้าคือผู้บำเพ็ญจากทวยเทพเอง! นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อตัดสินจากคำพูดของเขาแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นพวกลัทธิคลั่งชาติเสียด้วยสิ!

 

คุริยามะหน้าหมองลง “ขับรถเข้าไปในโกดังเลย เร็วเข้า นากายะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้ นายรู้ผลลัพธ์ที่จะตามมาอยู่แล้วนะถ้ามีอะไรเกิดขึ้น”

 

“สบายใจได้เลย ฉันจะไม่ทำให้ท่านคุริยามะและท่านทาคาชิมะเสียความเชื่อมั่นหรอก” คาวาโยชิซึ่งโค้งคำนับอย่างนอบน้อมตอบกลับไป

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset