แล้วการไล่ล่ากันกว่าหลายชั่วโมงก็จบลงเสียที หลี่ว์ซู่ยืนอยู่บริเวณก้นทะเลและจ้องมองขึ้นไปบนผิวน้ำ ในขณะที่ฟรานเชสโก้และคนอื่นๆ เองก็มองกลับลงมาหาเขาเช่นกัน พวกเขาดูสับสนไปหมด
จริงๆ แล้วการมองทะลุเห็นถึงใต้น้ำนั้นค่อนข้างยาก แต่ที่ทั้งสองกลุ่มรู้สึกถึงกันได้ก็เพราะความตึงเครียดในบรรยากาศนั่นเอง หัวใจของฟรานเชสโก้เต้นรัว การต่อสู้เมื่อครู่น่าจะเป็นการต่อสู้ที่ตื่นเต้นที่สุดตั้งแต่เขาเคยสู้มาแล้ว
หลี่ว์ซู่ที่อยู่ก้นทะเลเก็บอาวุธเหล็กแหลมที่ผู้บำเพ็ญระดับ B เพิ่งใช้ไป เหล็กพวกนี้มีส่วนประกอบเหมือนกับดาบทั่วไปสามารถเอาไปเป็นอาหารให้โกลาหลได้
หลี่ว์ซู่ผิดหวังนิดหน่อยที่ผู้บำเพ็ญระดับ B ไม่ได้ทิ้งที่เก็บของล่องหนเอาไว้เลย พอหลี่ว์ซู่เก็บทุกอย่างที่เหลือทิ้งไว้ทั้งหมดที่เขาเห็นแล้ว เขาก็สัมผัสถึงคลื่นพลังงานของสิ่งอื่นไม่ได้อีก น่าสงสารจัง มิน่าล่ะคนคนนั้นถึงต้องมาหวังพึ่งฝ่ายศรัทธาแบบนี้
คนอื่นๆ ที่ลอยตัวกันอยู่บนผิวน้ำก็สับสนอย่างที่สุดขณะมองหลี่ว์ซู่ พวกเขาคาดว่าหลี่ว์ซู่จะเคลื่อนไหวอะไรเพิ่มอีก ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไม่อยากยอมรับว่าแม้พวกเขาจะมีกันหลายคนแต่ก็ไม่สามารถล้มคนคนเดียวได้
แล้วพวกเขาก็สะดุ้งตกใจที่เห็นหลี่ว์ซู่ควานหาอะไรบางอย่างบนพื้นทะเลอย่างกับชาวนาพรวนดิน แต่เนื่องจากการหักเหของแสงในน้ำทำให้พวกเขาเห็นไม่ค่อยชัดว่าหลี่ว์ซู่กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ รู้อย่างเดียวว่าสิ่งที่เห็นนั้นค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว
“เขากำลังเก็บเหล็กอะไรสักอย่างอยู่ใช่ไหม” ใครบางคนถามขึ้นมาอย่างงงๆ
ฟรานเชสโก้หัวเราะเสียงเย็น “ใครจะไปอยากได้ของพวกนั้นกัน เขาต้องมีเหตุผลอย่างอื่นแน่”
ฝ่ายศรัทธานั้นมีอิทธิพลเรื่องของทรัพยากรและเงิน เพราะฉะนั้นฟรานเชสโก้เลยเห็นของพวกนั้นเป็นแค่ขยะดีๆ นี่เอง แล้วยอดฝีมือที่เพิ่งจะพลิกสถานการณ์มาโจมตีพวกเขากลับจะอยากได้ของพวกนั้นไปทำไมกัน แล้วสิ่งที่เขาทำอยู่มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงต้องทำระหว่างสู้กันแบบนี้
เขามองหลี่ว์ซู่ผิดไปแล้ว
หลังจากที่หลี่ว์ซู่เก็บทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็มองขึ้นไปบนผิวน้ำและถอยไปอีกทางอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากกลับไปสู้กับยอดฝีมือระดับ B อีกสี่คนหรอกนะ เขาอ่านสถานการณ์และความสามารถของตัวเองออก
เขายังรู้อีกด้วยว่าฟรานเชสโก้คงไม่เสี่ยงตายกลับมาสู้กับเขาอีกแล้ว
ทั้งสองคนนั้นใจเย็นมากพอที่จะเข้าใจความสำคัญของการสงบศึกชั่วคราวเมื่อหลายๆ อย่างเริ่มซับซ้อนมากขึ้น
หลี่ว์ซู่ว่ายน้ำใต้ทะเลไปไกลก่อนจะกลับไปบนบกอีกครั้ง สิ่งแรกที่เขาทำก็คือเอาโทรศัพท์ออกมาจากตราแผ่นดินเพื่อตรวจกับเครือข่ายฟ้าดินว่าการต่อสู้ระหว่างหัวหน้าบาทหลวงและนักบุญนั้นผลออกมาเป็นอย่างไร
หลี่ว์ซู่กังวลว่าการแข่งขันแย่งการถือกรรมสิทธิ์แร่จะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ในครั้งนี้
ซึ่งตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของเขาแล้วที่จะแย่งชิงกรรมสิทธิ์แร่มาเป็นของเครือข่ายฟ้าดิน เขาสงสารพวกเด็กๆ ที่กำลังร้องไห้เพราะกังวลถึงความปลอดภัยของคนธรรมดา แต่เขาก็ไม่ได้มีจิตใจสูงส่งขนาดจะยอมเสียสละชีวิตของเขาเพื่อไปช่วยชีวิตคนตอนนี้
เขาไม่ปฏิเสธหรอกว่าตัวเองเห็นแก่ตัว ถึงมันจะไม่ได้ผิดอะไรมากมายนักก็เถอะ
จากนั้นเขาก็ได้ข้อความสามข้อความเข้ามาพร้อมกันทันทีที่เปิดโทรศัพท์ขึ้นมา
ข้อความแรกบอกว่าฮาเวิร์ดโดนฟรานเชสโก้และคนอื่นๆ ตามไล่ฆ่า ผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่าฮาเวิร์ดถูกไล่ล่าไปจนถึงทะเล พิจารณาจากความสามารถของเขาแล้วเขาไม่น่ารอดกลับมาได้
ข้อความที่สองบอกว่านักบุญและหัวหน้าบาทหลวงต่างบาดเจ็บกันทั้งคู่จากการต่อสู้ และการต่อสู้ครั้งนี้ก็หนักหน่วงกว่าระหว่างนักบุญและปรมาจารย์หุ่นเชิดเสียอีก เพราะว่าหัวหน้าบาทหลวงนั้นใช้กลยุทธ์การต่อสู้ที่ทำลายล้างมากกว่า และความสามารถในการต่อสู้จริงๆ ของเขาก็เหนือกว่านักบุญด้วย
และข้อความที่สามถามว่านายหายไปไหนน่ะ!
ข้อความที่สามนั้นฟังดูเหมือนจะเป็นเนี่ยถิงพูดเลย ราชันฟ้าทำไมทำตัวว่างแบบนี้เนี่ย
หลี่ว์ซู่คิดนิดหนึ่งก่อนตอบข้อความออกไป
[ขอบคุณสำหรับการสมัครรับข่าวสารจาก BBC ค่าธรรมเนี่ยสมัครสมาชิกรายเดือน: 3 หยวน โปรดตอบกลับมาว่า TD หากต้องการยกเลิกการสมัครสมาชิก]
[TD]
[ได้แต้มอารมณ์จากจงอวี้ถัง +199!]
ฮ่าๆๆ หลี่ว์ซู่หัวเราะออกมาทันที เป็นนายนี่เองสินะ
แล้วจงอวี้ถังก็เพิ่งรู้จัวว่าเขาไม่ได้ใช้โทรศัพท์เครื่องนี้เป็นปกติทุกวันนี่ เขารีบโทรหาหลี่ว์ซู่ทันที “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ดีแล้วล่ะที่นายไม่เป็นอะไร พวกเราติดต่อนายไม่ได้เลย หายไปไหนมาเนี่ย”
หลี่ว์ซู่จะบอกความจริงกับเขาอยู่แล้ว คงไม่ดีนักถ้าเขาให้ข้อมูลผิดๆ ไปในเมื่อเขาได้ข้อมูลชั้นยอดจากพวกเขาอยู่ตลอด
อีกอย่างเขาก็มั่นใจด้วยว่าถ้าพูดออกไปแล้วจะมีแค่จงอวี้ถัง สือเสวจิ้น และเนี่ยถิงเท่านั้นที่รู้ ความไว้ใจนี้เป็นสิ่งที่เครือข่ายฟ้าดินและเขาสั่งสมกันมาในการทำงานร่วมกัน
“อย่างแรกก็คือฮาเวิร์ดตายไปแล้ว ตายจริงๆ เลย ผมไปโจมตีเขาแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วก็ฆ่าเขาทิ้งไปแล้ว” หลี่ว์ซู่อธิบาย เขาข้ามพวกรายละเอียดเล็กน้อยไปเพราะอยากจะเก็บความลับเรื่องไฟในใจของเขาไว้ เหมือนเรื่องของแผนภูมิดารา
เพราะฉะนั้นการเข้าไปโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวนั้นฟังดูเชื่อถือได้มากกว่าการให้ข้อมูลเรื่องความแตกต่างระหว่างความสามารถที่มี ก่อนหน้านี้แผนที่เขาหวังไว้ก็ล้มไม่เป็นท่าไปแล้ว
จงอวี้ถังดูลังเล “อะไรนะ นี่นายไปซุ่มโจมตีเขาตอนที่เขาวิ่งหนีน่ะเหรอ”
“ไม่ใช่ ผมฆ่าเขาก่อน” หลี่ว์ซู่พูด เขาไม่อยากทำให้ทุกอย่างมันชัดเจนเกินไป…
จงอวี้ถังยังคงงุนงงเขา เขาถามต่อ “แต่นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเลยนี่ นายจะบอกว่าเขาวิ่งหนีคนที่มาไล่ล่าเขากว่าสิบกิโลเมตรหลังจากนายฆ่าเขาไปงั้นเหรอ วิ่งไปตายไปแบบซอมบี้เนี่ยนะ”
แต่หลังจากคิดอยู่นาน หลี่ว์ซู่ก็ตัดสินใจบอกความจริงไป “หลังจากที่ผมฆ่าฮาเวิร์ดไปแล้ว ผมก็เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นเขาแล้วไปป่วนองค์กรอื่นต่อ แต่ก่อนจะไป ฟรานเชสโก้ก็มาเจอผมก่อน พวกเขาเลยไล่ล่าผม ไม่ใช่ฮาเวิร์ดหรอก”
หลังจากหยุดไปนานพอควร หลี่ว์ซู่ก็ได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะดังมาจากโทรศัพท์ หน้าเชาไม่สบอารมณ์ทันที “ถ้าอยากหัวเราะนักก็หัวเราะออกมาเลย”
“ฮ่าๆๆ นี่จะบอกว่าพอเปลี่ยนเป็นฮาเวิร์ดก็เลยกลายเป็นแพะรับบาปเลยเหรอ” จงอวี้ถังเกือบโพล่งออกไปแล้วว่ากรรมตามทันหลี่ว์ซู่แบบติดจรวด…
แต่เขารู้ดีว่าหลี่ว์ซู่คงฆ่าระดับ B อย่างฮาเวิร์ดได้ง่ายๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว จงอวี้ถังรู้ดีกว่าที่จะกวนอารมณ์เขาต่อ
จริงๆ แล้วหลี่ว์ซู่ก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเครือข่ายฟ้าดินเลยนะ ถึงแม้ว่าเขาจะดังเรื่องนิสัยเสียและขี้เหนียวด้วยก็เถอะ ก็จะมีใครบ้างที่ปีนหน้าต่างมาดูว่าจงอวี้ถังจะรับโทรศัพท์ตัวเองหรือเปล่า พูดถึงเรื่องนั้นแล้วก็น่ากลัวชะมัด!