ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 671 ส่วนแบ่งไม่เท่ากัน

“หลี่อีเสี้ยว อย่าถอยเพื่อที่จะได้ก้าวหน้า อย่าปล่อยบังเ**ยนแล้วค่อยกลับมาคว้ามันทีหลัง อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากเลยถ้าขอแหวนจากฉันไปตอนนี้ฉันให้เลยก็ได้ แต่ต้องสัญญากันอย่างหนึ่งก่อน” น่าหลานเชวี่ยลองถามดูอีกครั้งตอนเดินกลับไป

 

 

“พวกผู้หญิงนี่เป็นอะไรกันมากไหมเนี่ย!” หลี่อีเสี้ยวพูด “เราจะต้องเอาแหวนนี่ไปให้คนที่อยู่ตำแหน่งสูงกว่า แล้วจะให้เรายึดเอามาเป็นของตัวเองได้ไง ไม่เข้าใจเหรอ อย่ามาเอาความคิดสกปรกๆ มาแปดเปื้อนคุณธรรมของฉันนะ!”

 

 

หลี่อีเสี้ยวไม่ได้สนใจเรื่องแหวนเลย และเขาก็ใช้โอกาสนี้ทำเป็นเข้มต่อหน้าน่าหลานเชวี่ย เขาก็ไม่เห็นจะต้องอารมณ์ไม่ดีเลยนี่!

 

 

“ฮ่าๆ ” น่าหลานเชวี่ยหัวเราะ “ขอโทษนะที่ฉันทำให้ความคิดของเธอแปดเปื้อน อย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ!”

 

 

พอหลี่อีเสี้ยวกลับมาที่วิลล่าแล้วเขาก็นั่งไม่ติดและไม่เข้านอนจนเวลาเข้าเที่ยงคืน เขาบอกน่าหลานเชวี่ยว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่เขาแอบออกมาหาหลี่ว์ซู่ในห้อง เขาถามออกไปเบาๆ

 

 

“เป็นไงบ้างน้องชาย ได้มาเยอะเหมือนกันใช่ไหม”

 

 

“ก็ไม่แย่นะครับ” หลี่ว์ซู่ตอบอย่างใจเย็น “เราพูดเรื่องการร่วมงานกันมานานแต่ไม่เคยได้ร่วมงานกันเลยจริงๆ ท่านต้องรับผิดชอบมากมายตอนที่เราไปที่โบราณสถานเกาะช้างก็เลยไม่ได้อะไรมามาก พอเราเปิดตลาดมืดด้วยกัน เนี่ยถิงก็เอาเงินพวกเราไปอีก ครั้งนี้ผมก็เลยจะทำตามสัญญา แบ่งให้ท่าน 90% แล้วผมจะเอาแค่ 10%”

 

 

“เดี๋ยวก่อน น้องชาย นายได้ 90% ส่วนฉันได้ 10% ไม่ใช่เหรอ” หลี่อีเสี้ยวอึ้งไป

 

 

“ฟังถูกแล้วครับ ส่วนแบ่งท่าน 90% แล้วของผม 10%” หลี่ว์ซู่พูดอย่างสบายๆ

 

 

“เดี๋ยวก่อน ความคิดฉันตีกันไปหมดแล้ว” หลี่อีเสี้ยวพูด “อย่ามาล้อกันเล่นนะน้องชาย ฉันกะว่าจะเอา 10% เท่านั้นแหละ”

 

 

“ผมไม่ใช่คนใจดีหรอกเหรอ จะให้ผมเอาตั้ง 90% ตอนท่านออกไปต่อสู้เนี่ยนะ ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก” หลี่ว์ซู่เริ่มอารมณ์เสีย แล้วหลี่อีเสี้ยวก็รู้สึกว่าเขาได้เห็นคุณธรรมที่ตัวเองมีเมื่อตอนกลางวันอีกครั้งหนึ่ง เขาไม่ได้คิดอะไรมากเพราะหลี่ว์ซู่น่าจะเป็นคนที่ไม่เหมือนกับเขาหรอก สุดท้ายแล้วมันก็กำไรของเขาเองนี่นา เขาจับมือกับหลี่ว์ซู่

 

 

“น้องชาย หลังจากนี้เราจะเป็นพี่น้องที่แท้จริง หลี่อีเสี้ยวคนนี้ขอรับน้ำใจ ฉันติดหนี้นายละ ไหนรีบๆ เอาของที่ได้มาให้ดูหน่อยสิ”

 

 

หลี่ว์ซู่เทเอายาหม่องที่ได้มาบนเตียง มันกองพะเนินเป็นภูเขาลูกเล็กๆ หลี่ว์ซู่ไม่รอช้าที่จะเปิดวีดิโอให้หลี่อีเสี้ยวดู เขากลัวว่าหลี่อีเสี้ยวจะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ เขาก็เลยแปลให้หลี่อีเสี้ยวไปด้วยขณะทั้งสองดูวีดิโอ หลี่อีเสี้ยวมองกองยาหม่องสลับกับมองหลี่ว์ซู่และกลับไปดูวีดิโออีกรอบ แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมา

 

 

“พอๆ ไม่ต้องแปลแล้ว ฉันเริ่มปวดหัวละ”

 

 

[ได้แต้มจากหลี่อีเสี้ยว +999…]

 

 

“เรื่องก็เป็นแบบนี้เองสินะ” หลี่อี่เสี้ยวหยุดคิดไปครู่หนึ่ง แล้วอยู่ๆ เขาก็พูดออกมา “งั้นนายเอาไป 90% ฉันเอาแค่ 10% ไหมล่ะ แล้วนายก็เป็นหนี้ฉันรอบหนึ่งไง! เอาแบบนั้นไหม”

 

 

“แบบนั้นไม่ได้หรอกครับ เราคุยกันแล้วนี่ ท่านเอา 90% ผมเอา 10% จะให้ผมเอาเปรียบท่านไม่ได้หรอกนะครับ!” หลี่ว์ซู่พูดอย่างร่าเริง หลี่อีเสี้ยวดูเหมือนจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา เขาคิดถึงตอนที่คุยกับน่าหลานเชวี่ยตอนกลางวันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจเร็วเกินไปแล้วสินะ!

 

 

[ได้แต้มจากหลี่อีเสี้ยว +999…]

 

 

แล้วการแข่งขันเอากรรมสิทธิ์แร่ก็มาถึงจุดสรุปกันแล้ว แล้วบางคนก็กล่าวไว้ว่าเหตุการณ์ที่กลุ่มแก่นความเชื่อและกลุ่มฟีนิกซ์ต่อสู้กันนั้นเริ่มจุดชนวนเหตุการณ์ประหลาดๆ ในโลกแห่งการบำเพ็ญนี้

 

 

ตอนแรกหลี่ว์ซู่ก็คิดว่าเขาจะตามกลุ่มของเขาไปที่ยุโรปด้วย แต่เขาไม่คาดคิดว่าเครือข่ายฟ้าดินจะสั่งการมาอย่างกะทันหันให้ทุกคนกลับไปประเทศจีนตามเดิมแบบนี้

 

 

แต่นั่นก็เป็นคำสั่งสำหรับคนอื่นๆ หลี่ว์ซู่ได้รับคำสั่งที่ต่างออกไป เขาจะต้องไปอีกแห่งหนึ่งในเวลาที่กำหนด เพื่อไปร่วมงานกับอีกกลุ่มใหม่

 

 

เขาไม่คาดคิดเลยนะเนี่ย ตอนที่หลี่กานอวี่กับทุกๆ คนมาที่นี่ก็เพื่อมาเป็นตัวแทนของเครือข่ายฟ้าดินทำการเจรจากับ EO ทุกๆ คนนั้นใจจดจ่อกับพลังของตัวเองมาก ถึงแม้ว่าองค์กรใหญ่ๆ อื่นๆ จากทั่วโลกจะไม่ได้มาร่วมด้วย พวกเขาก็สนใจแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในแอฟริกาอย่างเดียวอยู่ดี

 

 

ทุกๆ คนประหลาดใจมากเมื่อเครือข่ายฟ้าดินตั้งใจตักตวงผลประโยชน์จากสถานการณ์นี้ แล้วผู้คนก็เริ่มให้ความสนใจกับจุดยืนของพวกเขาแล้ว

 

 

จริงๆ แล้วพวกคนในกลุ่มควรที่จะใช้ตัวตนที่ไม่เป็นทางการเพื่อเจรจาขอเป็นพันธมิตรกับองค์กรอื่นๆ แต่กลุ่มที่มีเซี่ยเหรินเซิงเป็นหัวหน้ากลุ่มนี้กลับกลายเป็นเป้าสายตาที่ทุกคนสนใจและกลายเป็นตัวแทนของเครือข่ายฟ้าดินไปโดยปริยาย

 

 

เพราะฉะนั้นถ้าพวกเขาจะต้องไปยุโรปต่อ กลุ่มอื่นๆ จะต้องเข้ามาทำหน้าที่แทนแล้ว

 

 

เครือข่ายฟ้าตัดสินใจจากสถานการณ์ปัจจุบัน หลังจากที่เจอนักบุญมาให้ทรัพยากรจากแอฟริกาแล้ว กลุ่มแก่นความเชื่อก็คงจะส่งผลเป็นลูกโซ่ไปทั่วยุโรปเป็นการใหญ่ สถานการณ์ในยุโรปก็เลยยิ่งบานปลายไปมากเรื่อยๆ การส่งกลุ่มผู้บำเพ็ญออกไปที่นั่นก็เหมือนส่งพวกเขาไปตาย เครือข่ายฟ้าดินเลยไม่อยากจะเป็นโจมตี พวกเขาคงจัดการการโจมตีจากรอบทิศไม่ได้ในความวุ่นวายครั้งนี้

 

 

สถานการณ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดแต่ก็เข้าใจได้ ขนาดหลี่อีเสี้ยวและน่าหลานเชวี่ยยังต้องยอมถอนตัวออกมาเลยถ้าหากจะมีใครคิดเข้ามาต่อสู้ด้วยกับพวกเขาขึ้นมา ที่ทำไปก็เพื่อไม่ให้ถูกล้อมโจมตีจากทั่วทิศทาง

 

 

เครือข่ายฟ้าดินให้ข้อมูลมาว่ามีระดับ B สามคนตามมาที่แอฟริกาหลังจากหลี่อีเสี้ยวและน่าหลานเชวี่ยฆ่าเบ็นเนตต์ไป ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามาทำไม แต่พวกเขามาในเวลาเหมาะเจาะเหลือเกิน แถมพวกเขายังมีชื่อเสียงในความอำมหิตอย่างมากในโลกของการบำเพ็ญอีก หลี่ว์ซู่คงเดาได้ประมาณ 80% ว่าพวกเขามาที่นี่ทำไม

 

 

ดูเหมือนว่าการล่าที่แท้จริงจะเริ่มต้นในโลกแห่งการบำเพ็ญแล้วสินะ

 

 

หลี่อีเสี้ยวนำกลุ่มไป พวกเขาต้องนั่งเรือสินค้ากลับไปในคืนนั้น หลี่อีเสี้ยวยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือและโบกมือลาใครบางคนไกลๆ ในความมืด มีคนแอบมองไปเหมือนกันว่าเขากำลังโบกมือให้ใครแต่ก็ไม่เห็นอะไร แต่แล้วก็มีใครบางคนถามขึ้นมา

 

 

“หลี่เถิงไปไหนล่ะ! เมื่อกี้ยังอยู่กับพวกเราเลยไม่ใช่เหรอ”

 

 

หลี่ว์ซู่อยู่กับกลุ่มจนกระทั่งพวกเขาเข้าไปในท่าเรือ เขาสบโอกาสตอนไม่มีใครสนใจและหนีออกมา ไม่ว่าหลี่กานอวี่จะมองหาหลี่ว์ซู่ขนาดไหนก็ไม่เจอเขาหรอก แล้วจู่ๆ พวกเขาก็เริ่มคิดว่าหลี่เถิงนั้นทำตัวลึกลับเหลือเกิน เขาไม่ได้แยแสอะไรเลยตลอดภารกิจครั้งนี้ พอคิดแล้วก็น่าสงสัยจริงๆ

 

 

จงอวี้ถังเคยเจอเซี่ยเหรินเซิงมาก่อน และเมื่อเซี่ยเหรินเซิงเห็นหลี่อีเสี้ยวโบกมือแล้วเขาก็เข้าใจว่าในกลุ่มของเขามียอดฝีมือแฝงตัวอยู่มาตลอดและเขาก็ไม่รู้ตัวเลย ยอดฝีมือคนนี้คงจะมีฝีมือขั้นสูงมากกระทั่งเขาเองก็ไม่สามารถรู้เรื่องอะไรของยอดฝีมือคนนั้นได้เลย

 

 

หลี่ว์ซู่ยืนอยู่ในความมืดและมองดูเรือสินค้าแล่นออกไป เขาหันหลังและวิ่งเข้าไปในป่า ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของพลังจิตวิญญาณฟื้นคืนได้เกิดขึ้น พวกราชันฟ้าก็เป็นเป้าหมายการโจมตีของพวกยอดฝีมือที่กระหายเลือดกันทั้งนั้น ถ้าทำได้ก็คงเป็นความสำเร็จบางอย่างในชีวิต แต่ก็ยังไม่มีใครทำได้

 

 

พอหลี่ว์ซู่ได้ยินอย่างนั้นเขาก็โกรธขึ้นมา

 

 

และในขณะเดียวกันที่บ้านบนถนนหลิวไห่นั้น เนี่ยถิงก็ส่งข้อความเข้ารหัสไปให้จ้าวหย่งเฉินที่อยู่ในแอฟริกา

 

 

“ได้บอกหลี่ว์ซู่ไปแบบที่ฉันพูดไปหรือเปล่า”

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset