ฝนตกลงมาทั้งคืนและดูราวกับว่าหลี่ว์ซู่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งกับมันไปแล้ว กระบี่เฉวียอินยังคงพุ่งไปมาในสายฝนอย่างปราดเปรียวและมีจิตสังหารแฝงอยู่ด้วย
หลี่ว์ซู่ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาถึง วันที่เขาแก้แค้นให้กับเพื่อนของเขาและกลับมาพร้อมกับโทสะในคืนฝนตก เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าโลกจะโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้
การที่จ้าวหย่งเฉินยังมีชีวิตนั้นทำให้หลี่ว์ซู่มีความสุขมาก เขายังไม่รู้สึกมีความสุขเท่านี้เลยตอนที่เขาได้เลื่อนไปเป็นระดับ B แล้วอยู่ๆ เขาก็อยากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมา พอเขาเปิดกระป๋องออกเขาก็คงจะพูดกับจ้าวหย่งเฉินว่า ‘นี่รู้ไหม คนบางคนพูดไว้ว่าถ้านายดึงแผ่นเหล็กจากกระป๋องออกมาได้…’
แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเดินเข้าไปท่ามกลางความมืดมิดและเริ่มการสังหารหมู่
เสียงฝีเท้าของหลี่ว์ซู่ดังสวบสาบในสายฝน และไฟสีเหลืองบนถนนก็กะพริบเหมือนจะดับอยู่ตลอดเวลา สิ่งก่อสร้างรอบๆ ถูกทำลายไปเกินกว่าที่จะซ่อมแซมได้ ดูเหมือนกับว่าเมืองนี้เป็นกลายเมืองร้างอย่างไรอย่างนั้น
อยู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็หยุดอยู่ใต้แสงไฟบนถนน และเขาก็เงียบไปนานพอควร
“เดี๋ยวนะ อีกสองคนนั้นหายไปไหนกัน” หลี่ว์ซู่มองขึ้นไปดูบนไฟถนน เขาเริ่มจะรู้สึกเศร้าขึ้นมาแล้ว “ฉันก็ประมาทไปหน่อย ลืมถามจ้าวหย่งเฉินเรื่องข้อมูลนี้ไปเสียสนิท”
หลี่ว์ซู่ไม่อยากจะเดินกลับไปเท่าไหร่ ตอนเขาเดินออกมาท่ามกลางสายฝนนั้นดูดีมากเสียจนถ้าเดินกลับไปแล้วมันจะไม่เท่เหมือนเดิมน่ะสิ
หรือเขาจะเดินกลับไปถามจ้าวหย่งเฉินดีนะ หลี่ว์ซู่ไม่รู้จะเอาอย่างไรต่อดีเลย
แต่แล้วโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้นมาในกระเป๋าเสื้อ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อดูข้อมูลที่เพิ่งได้ [พวกมันจะเข้ามาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองอีก 20 นาที]
หลี่ว์ซู่เก็บโทรศัพท์กลับเข้าไป ข้อมูลที่ได้จากเครือข่ายฟ้าดินนั้นเชื่อถือได้เสมอแหละ
…
เมืองหลวง บนถนนหลิวไห่
เนี่ยถิงที่อยู่ในชุดจีนสีดำกำลังยืนอยู่ในสวน สือเสวจิ้นก็เอาผ้าคลุมสีดำออกมาสวมใส่เหมือนกัน “ฉันตรวจสอบดูแล้ว กรีเออร์ คุก เป็นคนของโจรสลัดในคาบสมุทรแคริบเบียน หลังจากที่เขาปะทุพลังแล้วเขาก็ช่วยพวกโจรสลัดเผาทำลายที่ต่างๆ และฆ่าคน จากนั้นก็ขโมยของ เขามีพลังสายน้ำซึ่งเป็นประโยชน์ในการต่อสู้ในทะเล เดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่ของพวกโจรสลัดแบบชัด ๆ ให้อีกที รอข้อความของฉันด้วยล่ะ”
เนี่ยถิงพยักหน้ารับรู้และกำชุดของตัวเองไว้ ต้นวอลนัทกำลังสั่นไหว เนี่ยถิงบินขึ้นไปในอากาศและมุ่งหน้าไปทางตะวันออกด้วยความรวดเร็ว!
เขาอยากจะให้หลี่ว์ซู่มีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ในเมื่อตอนนี้หลี่ว์ซู่กำลังต่อสู้อยู่คนเดียวในแอฟริกา ก็เลยทำให้เนี่ยถิงคันไม้คันมืออยากจะฆ่าคนขึ้นมาด้วย!
หลี่ว์ซู่พิงเสาไฟบนถนนตรงทางเข้าเมืองที่ทรุดโทรมนี้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และเสาไฟที่เขาพิงนั้นก็ไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ มันส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเมื่อเขาเอนกายพิงมัน และคงทำให้คนได้ยินรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
เขาได้ยินเสียงคนสองคนเดินออกมาจากม่านน้ำไกลๆ พวกเขามองหลี่ว์ซู่ด้วยสีหน้าจริงจัง และหลี่ว์ซู่ก็ฉีกยิ้มให้พวกเขา
“มาสักทีนะ ฉันอยากจะถามคำถามพวกแกมาตลอดเลย แกตามล่าหาราชันฟ้าเพื่อเกียรติยศของตัวเอง แล้วเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง”
เขาอยากจะรู้ว่าคนพวกนี้รู้จักกลัวกันบ้างไหม แต่พูดกับคนบ้าไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก หลี่ว์ซู่ค่อย ๆ ลุกยืนขึ้นมาช้า ๆ
มีเสียงอะไรบางอย่างถูกฉีกขาดออกจากกัน และไฟบนนถนนก็มืดดับไป
คนระดับ B คนแรกเริ่มเคลื่อนไหวก่อน ราวกับว่าพื้นข้างล่างนั่นแยกออกจากกันทุกครั้งที่เขาก้าวเดิน
หลี่ว์ซู่เห็นแล้วว่าผู้มีพลังคนนี้นั้นมีอะไรพิเศษอยู่ เขาเป็นผู้มีพลังสายพละกำลังนั่นเอง
ทุกวันนี้นั้นมีการถกกันอย่างเผ็ดร้อนเรื่องที่ผู้มีพลังสายพละกำลังไม่ได้จะเก่งขนาดนั้นแล้ว หลี่ว์ซู่เคยเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกนี่แหละ คนคนนี้ไม่ได้ตัวใหญ่หรือสูงอะไรเลย แต่หลี่ว์ซู่รู้สึกได้ว่าเขามีพลังที่ไร้ขีดจำกัดแล่นไปทั่วร่างกาย
เขารีบดึงมีดสั้นสองเล่มออกมาอย่างรวดเร็วอย่างกับสายฟ้า ข้อได้เปรียบของการเป็นผู้มีพลังสายพละกำลังก็คือความเร็วและความแข็งแกร่ง เขาตั้งใจจะเข้าประชิดตัวหลี่ว์ซู่อย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็เอากระบี่เฉิงอิ่งออกมา แผนที่ดวงดาวที่หลี่ว์ซู่มีนั้นทำให้เขามีร่างกายเหมือนกับผู้มีพลังสายพละกำลัง ก่อนหน้าที่เขาจะเลื่อนระดับนั้นเขาเป็นรองระดับ A ไปแค่นิดหน่อยเท่านั้น แต่พอเลื่อนระดับขึ้นมาแล้วเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมาก
พอได้มาเจอผู้มีพลังสายพละกำลังแบบนี้แล้วหลี่ว์ซู่ก็อยากรู้ว่าเขาจะสู้ด้วยความแข็งแกร่งบวกกับความสามารถการใช้กระบี่ของตัวเองได้ขนาดไหน!
ตอนนี้หลี่ว์ซู่กำลังมุ่งมั่นอย่างเต็มที่แล้ว วินาทีที่พวกเขาเข้าปะทะกัน หลี่ว์ซู่ก็ย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อหลบมีดสั้นที่โจมตีเข้ามา เขาฟาดกระบี่ของเขาไปและมันตัดมีดสั้นพวกนั้นออกอย่างกับงูพิษที่เข้าฉกโจมตีระดับ B คนนั้นบริเวณกรามด้านล่าง เขาตั้งใจจะโจมตีทะลุเข้าในกะโหลกเลย!
ผู้มีพลังระดับ B คนนั้นคิดว่าตัวเองจะได้เปรียบถ้าเข้าไปประชิดตัวหลี่ว์ซู่ แต่เขาก็เข้าใจผิดไป เพราะหลี่ว์ซู่รวดเร็วกว่าเขา เขาเป็นถึงผู้มีพลังสายพละกำลังระดับ B แม้แต่คนระดับ B ขั้นสูงยังไม่รวดเร็วเท่าเขาเลย!
เขามองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ในมือหลี่ว์ซู่ แต่เขารู้สึกได้ว่ากำลังมีอันตรายตามมา!
เมื่อกระบี่นั้นเกือบจะสัมผัสกรามของเขา เขาก็ต้องเลี่ยงหลบไปด้านหลังอย่างเสียไม่ได้ เขาไม่กล้าจะเดาด้วยซ้ำว่าในมือของหลี่ว์ซู่มีอะไรอยู่!
หลี่ว์ซู่เป็นยอดฝีมือในการใช้กระบี่ เมื่อได้ใช้กระบี่เฉิงอิ่งแล้วยิ่งทำให้ผู้มีพลังสายพละกำลังคนนี้กดดันอย่างมาก
ผู้มีพลังสายพละกำลังคนนี้ชื่อวัทลีย์ ตอนนี้เขาก็เห็นกระบี่ในมือหลี่ว์ซู่อย่างชัดเจนเมื่อได้ถอยหลังออกมาเล็กน้อย ทันใดนั้นเม็ดฝนก็ถูกหั่นเป็นสองท่อนด้วยกระบี่ล่องหน เม็ดฝนที่โดนหั่นนั้นอาจจะกลายเป็นหัวของเขาก็ได้ เขาตกใจมาก หลี่ว์ซู่มีอาวุธอยู่ในมือจริงๆ ด้วยสินะ!
แล้วหลี่ว์ซู่ก็ไม่คิดจะปล่อยวัทลีย์ไปหรอก เขาก้าวมาข้างหน้าอีกนิดหน่อยจนน้ำกระเซ็น จากนั้นเขาก็ย่อตัวลงพร้อมกับยกขาขึ้น เขาเล็งไปที่หน้าอกของวัทลีย์และส่งแรงทั้งหมดที่มีออกไป!
วัทลีย์สร้างได้เพียงบาดแผลเล็กๆ สองแผลบนขาของหลี่ว์ซู่ด้วยการโจมตีด้วยมีดสั้นของเขาเท่านั้น ก่อนที่จะตัวของเขาจะปลิวไปเหมือนกับว่าว
จังหวะที่หลี่ว์ซู่กำลังจะไล่ล่าเขาไปต่อนั้น หลี่ว์ซู่ก็เห็นว่าทั้งเสาไฟบนถนนสองข้างทางและซากเหล็กจากสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ พุ่งตรงเข้ามาหาหลี่ว์ซู่ เป็นฝีมือของผู้มีพลังสายโลหะอีกคนนี่เอง!
แต่ก่อนที่เหล็กพวกนั้นจะเข้ามาถึงตัวหลี่ว์ซู่ได้ กระบี่เฉวียอินก็พุ่งเข้าใส่และกลุ่มโลหะพวกนั้นก็กลายเป็นฝุ่นผงไปในพริบตา
หลี่ว์ซู่หยุดไล่ล่าและหันมามองคนสองคนนั้นท่ามกลางสายฝน
วัทลีย์ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาและเช็ดเลือดออกจากปากตัวเอง ตอนแรกเขาคิดว่าจะจัดการกับหลี่ว์ซู่ได้ง่าย ๆ เสียอีก แต่ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บหน้าอกไปหมด ถ้าเขาไม่ได้เป็นผู้มีพลังสายพละกำลังลูกเตะเพียงครั้งเดียวนั่นคงได้หักอะไรที่ที่มากกว่ากระดูกซี่โครงของเขาแน่ ๆ!
ชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่กลางสายฝนพร้อมกับกระบี่ในมือ เขาดูแข็งแกร่งอย่างกับภูเขาและไม่มีใครสามารถขยับเขาได้
เลือดยังไหลออกมาจากขาของหลี่ว์ซู่อย่างไม่ขาดสาย มันก็ไหลจากขาของเขาลงไปสู่พื้น เหมือนกับว่าเป็นสีย้อมที่ถูกเจือจางลงด้วยน้ำ กระนั้นหลี่ว์ซู่ก็ยังมีสีหน้าใจเย็น “ฉันจะถามพวกแกอีกครั้งนะ พวกแกไล่ล่าราชันฟ้าเพื่อเกียรติของตัวเองอย่างกับหมาบ้า แล้วพวกแกได้คิดถึงผลที่จะตามมาบ้างไหม”