ทะเลทรายบิลมา แอฟริกา
บรรยากาศรอบข้างทั้งร้อนและแห้งถ้ามองจากที่ไกลๆ แล้วก็จะเหมือนมีคนยัดกระดาษแก้วไว้ในอากาศจนทำให้ในอากาศบิดเบี้ยวไปหมด
รถวิ่งทางไกลกำลังวิ่งอยู่ในความเร็วระดับสูงสุด ล้อรถปัดทรายไปตามทาง ทางที่พวกเขามานี้แทบไม่มีใครมาเลย ขนาดพวกคนแอฟริกาท้องถิ่นเองยังไม่ค่อยมีให้เห็น มีใครคนหนึ่งสวมแว่นกันแดดนั่งอยู่บนเบาะโดยสารและเขากำลังถืออาวุธวิเศษทั่วๆ ไปอยู่ในมือ เหมือนกับว่าเขากำลังดูการเคลื่อนไหวรอบ ๆ อย่างระมัดระวังขณะลาดตระเวน
ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นว่ามีคนกำลังเดินอยู่ในทะเลทรายบิลมาแห่งนี้ ทั้งหน้าและศีรษะของเขาถูกทรายปกคลุมไปทั่วอย่างกับว่าเขาเดินเท้าในทะเลทรายอย่างนั้นแหละ คนคนนั้นสวมชุดทหารที่ดูคล้าย ๆ กับที่พวกเขาใส่อยู่ แต่นี่มันกลางเดือนพฤษภาคมนะ ความร้อนในตอนนี้ไม่ปรานีใครเลย แล้วใครกันจะสามารถเดินเท้าในทะเลทรายบิลมาในตอนนี้ได้ ทั้งสองคนบนรถเป็นผู้มีพลังระดับ E พวกเขาไม่อยากจะคิดถึงว่าความร้อนในทะเลทรายบิลมาตอนนี้จะเป็นอย่างไรเลย
พวกเขาเดากันว่าชายหนุ่มที่สวมชุดทหารคนนี้น่าจะเดินตามชายขอบของทะเลทรายมา
ชายหนุ่มคนนั้นหยุดอยู่ที่ชายแดนทะเลทราย เขามองดูพืชพรรณเขียวชอุ่มที่อยู่ไกล ๆ “ในที่สุดก็ออกมาซะที่นะเนี่ยถิง ท่านนี่มันเกินไปจริง ๆ ให้ผมเดินมาตั้งไกลเพื่อมาร่วมกับกลุ่มใหม่เนี่ย”
รถวิ่งทางไกลหยุดห่างจากหลี่ว์ซู่ไปประมาณห้าสิบเมตร ทหารทั้งสองคนลงมาจากรถเพื่อมาสอบปากคำหลี่ว์ซู่ เพราะพวกเขาเห็นว่าหลี่ว์ซู่ใส่ชุดคล้าย ๆ กับพวกเขา “แกเป็นสายลับหรือเป็นเจ้าหน้าที่สืบราชการลับของศัตรูกันแน่”
“แล้วมันต่างกันตรงไหนเนี่ย” ชายหนุ่มคนนั้นดูงง ๆ
“….ก็ต่างเยอะอยู่” ทหารสองคนนั้นดูงง ๆ เหมือนกัน แต่พวกเขาก็ถามต่อ “อย่าเปลี่ยนเรื่อง นายเป็นใครกัน”
“ฉันก็เป็นผู้สืบทอดของระบบสังคมนิยมไง เดี๋ยวนะ ขอถามอะไรหน่อยสิ ตอนนี้ฉันอยู่ไหนน่ะ อยู่ตรงส่วนไหนของทะเลทรายบิลมากันแน่” ชายหนุ่มคนนี้เงียบไปสักพักก่อนพูดออกมา
ชายหนุ่มคนนี้ไม่เข้าใจเลยว่าเขาไปเป็นสายลับหรือเจ้าหน้าที่สืบราชการลับของศัตรูตอนไหน คนพวกนี้เข้ามาซักไซ้เขาเองนี่ เขาไม่อยากจะไปกวนโมโหอะไรคนพวกนี้หรอก เขาก็แค่คนเดินผ่านมาเท่านั้น
แต่ทหารทั้งสองคนดูจะงงกว่าเดิม ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้สนใจอะไรพวกเขาเลย ถึงพวกเขาจะมีอาวุธอยู่ในมือแต่ชายหนุ่มคนนี้ก็ยังดูมีท่าทีสบาย ๆ พวกเขาไม่รู้จะรู้สึกอย่างไร “ตอนนี้พวกเราอยู่ทางเหนือ แล้วนายเป็นใครกัน”
“มาถูกทางแล้วสินะเรา ขอติดรถไปด้วยได้ไหมครับ” หลี่ว์ซู่เช็ดหน้าของเขาแล้วถามต่อ “ส่งผมตรงที่ทะเลก็ได้”
ทหารสองคนนั้นมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา นี่เขาไม่ได้มองพวกเราเป็นศัตรูเลยเหรอ “แล้วนายเป็นใคร ทำไมพวกเราต้องไปส่งนายที่ทะเลด้วย”
ขณะที่พูดพวกเขาก็ถอยกันไป ทหารสองคนนี้ไม่ได้โง่นะ ชายหนุ่มคนนี้ดูไม่กลัวพวกเขาเลยเพราะมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งอยู่น่ะสิ
เขาอาจจะร้ายขึ้นเมื่อผ่านไปสักพักก็ได้ เพราะฉะนั้นไอ้หมอนี่มีคนหนุนหลังแหงๆ
พวกเขาสองคนคงเอาชนะเขาไม่ได้ด้วย พวกเขาจะต้องรีบกลับฐานเพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยกำลังเสริม การถอยทัพบางครั้งก็เป็นกลยุทธ์ที่ดีและไม่น่าอายหรอก
หลี่ว์ซู่เริ่มเสียใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเลือกแล้ว เขาน่าจะใช้พลังน้ำของตัวเองเดินทางใต้น้ำตั้งแต่แรก เขาน่าจะถามไปว่าจะมีใครไปส่งเขาไปยุโรปหรือเปล่าตอนได้รับข้อความมา และมีแต่ราชันฟ้าเท่านั้นที่จะได้รับอะไรแบบนี้
เขาทนอายต่อไปไม่ไหวแล้ว พวกเครือข่ายฟ้าดินต้องการจะทำให้ใครอับอายกันนะ เขาเลยเริ่มเดินเท้าด้วยความโมโห อยากจะขับรถก็ขับไม่ได้เพราะเขาจนเกินไป
เขาก็คิดว่าเรื่องนี้มันผิดถนัด เขาน่าจะลงไปใต้น้ำแต่แรก ถึงจะต้องเดินทางไกลกว่านี้เป็นสองเท่าแต่อย่างน้อยเขาก็ไปเร็วกว่าเดิมได้ เขาไม่อยากจะถูกปกคลุมใต้ทรายตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนี้หรอก เขาต้องเดินในทะเลทรายบิลมานี้ตั้งสามวันสามคืนเลยนะ แต่ดีที่เขายังไม่ต้องคิดมากเรื่องอากาศ น้ำ และอาหารในตอนนี้
เขาโดนหลอกมาตลอดเลย!
แล้วพอสองคนนี้กำลังจะกลับไปขึ้นรถ หลี่ว์ซู่ก็รีบเดินไปตรงหน้ารถ เขาชี้หอกสามง่ามไปที่ศีรษะของคนขับ “อย่าทำแบบนี้เลย ไม่อยากอยู่อย่างสงบๆ เหรอ เข้าใจความหมายของความสงบใช่ไหม นี่ฉันเพิ่งฆ่าคนไป อย่าให้ฉันได้ฆ่าไปมากกว่านี้เลย ดูสิ พวกนายไม่ได้ปฏิบัติต่อฉันอย่างเป็นธรรมเลยนะ ฉันเสียใจนะเนี่ย ไม่อยากจะแก้ตัวกันหน่อยเหรอ”
ทหารสองคนนั้นพูดไม่ออก เขาพ่นว่าฆ่าคนออกมาเรื่อย ๆ แบบนั้นได้อย่างไรกัน บ้าหรือเปล่า
แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าชายคนนี้เข้ามาประชิดรถได้เร็วขนาดไหน พวกเขาก็รู้สึกว่าไม่ควรจะปฏิเสธเขาดีกว่า
ตอนแรกหลี่ว์ซู่จะใช้กระบี่เฉิงอิ่งเพื่อขู่ แต่ก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไรมากเพราะกระบี่นั้นเป็นกระบี่ล่องหน เขาเดินไปที่เบาะหลังและถอดเครื่องแบบ EO ที่เขาใส่อยู่จนทรายร่วงกราวไปทั่ว
พอเขาเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดแล้วก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย เขามองขึ้นไปดูพระอาทิตย์ก่อนที่จะเอาหอกสามง่ามออกมาอีกรอบแล้วสั่งออกไป “ขับขึ้นเหนือ อย่าได้กล้าพาฉันอ้อมเชียวล่ะ”
พวกทหารกำลังจะเอาหลี่ว์ซู่กลับไปที่ฐาน แต่หลี่ว์ซู่รู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะทำอะไร “พวกนายคิดจะไปไหนไม่ทราบ ขึ้นไปทางเหนือสิ จากนั้นเราก็จบกัน” หลี่ว์ซู่รู้ว่าถ้าเขาขึ้นไปทางเหนือแล้วจะต้องไปเจอทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแน่ ๆ แล้วถ้าเขาข้ามทะเลทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปได้เขาก็จะเข้าไปสู่เขตแดนของยุโรป
“ไปขออนุญาตจากพวกเขาเองสิ เดี๋ยวเราก็ต้องเดินทางกลับแล้วถ้าเวลาหมด เราเอารถออกมานานไม่ได้หรอก” คนขับพูดอย่างระมัดระวัง
“งั้นเดี๋ยวขอถามก่อนนะ” หลี่ว์ซู่พูดขึ้นมาและบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นกันเองทันที หลี่ว์ซู่เลยส่งข้อความไปเล่น ๆ
[ผมต้องไปเจอกับกลุ่มใหม่ที่ไหนนะครับ]
[ซาร์ดิเนีย]
หลี่ว์ซู่หาสถานที่นี้ในแผนที่ ซาร์ดิเนียเหรอ มันอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนี่ อยู่ทางเหนือของตูนิเซีย
[ส่งข้อมูลของสมาชิกคนอื่น ๆ มาด้วยครับ] หลี่ว์ซู่ส่งข้อความไปอีก
[ข้อมูลนี้เป็นความลับสุดยอด มีแต่ราชันฟ้าเท่านั้นถึงจะเข้าถึงข้อมูลได้]
[จงอวี้ถัง คุณไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อนเลยนะครับ] หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย เขารู้เลยว่าเนี่ยถิงอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ ๆ ถ้าไม่อย่างนั้นจงอวี้ถังคงไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก
เนี่ยถิงคิดว่าเขาอยากเป็นราชันฟ้าหลังจากฆ่าระดับ B ไปถึงสามคนงั้นเหรอ
[ฉันไม่ใช่จงอวี้ถัง] ข้อความถูกตอบกลับมาแล้ว อ้าว งั้นก็เปลี่ยนคนดูแลเรื่องนี้แล้วสิ หลี่ว์ซู่ไม่รู้เลยว่าคนคนนั้นเป็นใคร
แล้วเขาคิดอะไรออก เขาเลยส่งข้อความตอบกลับไป [อ๋อ]
[???]
[ได้รับแต้มจากโยวหมิงอวี่ +666…]
[ฮ่าๆๆ คุณเองสินะ] หลี่ว์ซู่หัวเราะอย่างเย็นชา ครั้งนี้มีแต่เนี่ยถิง ฉือสเวจิ้น จงอวี้ถัง โยวหมิงอวี่ และหลี่อีเสี้ยวเท่านั้นที่รู้ข้อมูล ถ้ามีคนว่างส่งข้อความมาหาเขานอกจากจงอวี้ถังก็คงเป็นโยวหมิงอวี่นี่แหละ
แล้วทหารทั้งสองคนก็ตัวสั่นเมื่อได้ยินหลี่ว์ซู่หัวเราะอย่างเย็นชา แต่พวกเขาไม่เข้าภาษาจีนเลยสักนิด
ส่วนโยวหมิงอวี่นั้นก็รู้ตัวแล้ว [รู้ได้ไงว่าเป็นฉัน]
[รีบ ๆ หน่อยสิครับ จะมีคนประเภทไหนมาอีกล่ะเนี่ยรอบนี้ ผมสงสัยจะแย่]
[ราชันฟ้าเนี่ยบอกว่านายรู้จักคนพวกนี้แน่ แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะส่งข้อมูลไปด้วย] โยวหมิงอวี่ตอบกลับ
หลี่ว์ซู่ก็เข้าใจได้ในทันที งั้นก็ต้องเป็นคนที่เขารู้จักดีน่ะสิ ถ้าไม่อย่างนั้นเนี่ยถิงก็คงไม่พูดอะไรอย่างนี้หรอก
[ขอข้อมูลภารกิจในยุโรปด้วยได้ไหมครับ] หลี่ว์ซู่ส่งคำถามไป
[ปกป้องคอรัลและพันธมิตรคนอื่นๆ]