ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 673 การไว้อาลัยของโลก

เป็นที่รู้กันดีว่าสมาชิกของเครือข่ายฟ้าดินนั้นสามารถรองรับกระบี่บินได้เพียงอันเดียวเท่านั้นเพราะมีพลังที่จำกัด แต่จ้าวหย่งเฉินนั้นต่างออกไป เขาได้กำไรจากการขายของปลอมมาเยอะ เลยเอาไปลงทุนซื้อพวกอาหารเสริมเพื่อเพิ่มพลังร่างกายตัวเอง เขาจึงได้กระบี่บินสองเล่มมา

 

 

เขามักพูดเสมอว่าเขายอมเป็นคนค้าขายที่ไม่มีคุณธรรมเพื่อที่จะมีโอกาสได้อยู่รอดในโลกนี้

 

 

“พอพูดถึงเครือข่ายฟ้าดินแล้วเนี่ย ฉันเกรงว่านายจะไม่คุ้นเคยกับกระบี่ของเราหรือว่ามีดของเนี่ยถิงเท่าไหร่นะ” จ้าวหย่งเฉินพูดยิ้มๆ

 

 

จากนั้นกระบี่บินสีแดงก็แยกตัวออกจากกันกระทั่งกรีเออร์เองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว

 

 

เขารีบเสกน้ำขิ้นมาป้องกันเขาไว้ข้างหน้า แต่ก็ถูกกระบี่เข้าโจมตีทางด้านหลังแทน กรีเออร์รีบเพิ่มพลังของตนเองทันที ในพริบตาเดียวพลังวิญญาณชี่ก็พุ่งท่วมท้นออกมา

 

 

แล้วกรีเออร์ก็ควบคุมเม็ดฝนให้ยิงออกไปด้วยความเร็วเหมือนแสงพุ่งในทันใดเหมือนหยุดเวลาได้ มันเข้าไปปะทะกับกระบี่บินแดงอย่างจัง ส่วนเขาเองก็เปลี่ยนตัวเองให้เป็นมนุษย์น้ำที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในสายฝนเพื่อหลีกเลี่ยงกระบี่บินแดง กระบี่บินของจ้าวหย่งเฉินเข้าไปกดดันกรีเออร์ทางด้านขวา และกรีเออร์ก็ไม่สามารถหลบการโจมตีนั้นได้!

 

 

“ฉันประมาทแกไปหน่อย” กรีเออร์พูด เขากลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ปกติแล้ว มีเลือดไหลออกมาจากหน้าอกและหลังของเขา เขาไม่คิดเลยว่าจะบาดเจ็บเป็นแผลจากการโจมตีของสายลับระดับ C แบบนี้ได้ มันไม่ง่ายเลยที่จะแปลงร่างเป็นมนุษย์น้ำเพราะเขาต้องใช้พลังจิตวิญญาณสูงมากในการป้องกันไม่ให้จิตใจของตัวเองกลายเป็นส่วนหนึ่งกับน้ำไป เมื่อก่อนมีผู้มีพลังสายน้ำที่ชื่อว่าเอิร์ลได้สละร่างมนุษย์ของเขาไปตลอดกาลเพื่อการแปลงร่างเป็นมนุษย์น้ำ แต่กรีเออร์ยังไม่อยากทำแบบนั้น

 

 

หัวใจของเขาคงถูกตัดขาดด้วยกระบี่บินสองเล่มนั้นไปแล้วถ้าเขาหลบช้ากว่านี้ไปอีกหน่อย!

 

 

แต่จ้าวหย่งเฉินไม่ได้โชคดีอย่างนั้น เขายืนอยู่ท่ามกลางสายฝนและจับกระบี่ยาวไว้ในมือด้านขวา จากนั้นเม็ดฝนของกรีเออร์ก็เข้าไปโจมตีทั่วทิศทางและทำลายชุดเกราะวิญญาณชี่ของจ้าวหย่งเฉินด้วย

 

 

“วันนี้ไม่ใช่วันของฉันสินะ ไม่น่าขายของปลอมเยอะเลยเรา น่าจะขายของจริงบ้าง…” จ้าวหย่งเฉินถอนหายใจและมองดูท้องฟ้า เลือดพวยพุ่งออกมาทั่วร่าง “โธ่เอ๊ย ทำไมจะต้องมาฝนตกตอนนี้ด้วยนะ ลาก่อนนะพี่น้องทั้งหลาย ฉันจะไม่เสียใจกับการเดินทางข้างๆ พวกนายเลย”

 

 

จากนั้นร่างของเขาก็ล้มไป

 

 

กรีเออร์ยืนเงียบอยู่ในสายฝน เขาเกือบตายแล้ว จริงๆ แล้วเขาผิดเองที่ไปประมาทให้กับเครือข่ายฟ้าดิน แต่ดูเหมือนมันก็จะสายไปเพราะราชันฟ้าสองคนได้ออกจากประเทศไปแล้ว น่าเบื่อน่าดู เขายังไม่ได้เพลิดเพลินกับการฆ่าเลย

 

 

ทันใดนั้นกรีเออร์ก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารรอบตัวเขาขณะเมื่ออุณหภูมิลดลง

 

 

เขาหันขวับไปเจอเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงสุดถนน เด็กหนุ่มคนนั้นกำลังมองร่างไร้ชีวิตของจ้าวหย่งเฉินอยู่ สายตาของเขานั้นราบเรียบท่ามกลางสายฝน

 

 

หลี่ว์ซู่อยากจะกล่าวอำลาจ้าวหย่งเฉินหลังจากที่ไปส่งหลี่อีเสี้ยวแล้ว แต่เขาไม่คิดเลยว่าการกล่าวลาในครั้งนั้นจะเป็นการกล่าวลาครั้งสุดท้าย มันน่าเศร้าจริงๆ ที่การกลับมาของเขาต้องกลับกลายมาเป็นแบบนี้

 

 

คลื่นพายุลูกที่หลบอยู่ในส่วนลึกในใจหลี่ว์ซู่โหมหระหน่ำราวกับว่าสัตว์ร้ายที่อยู่ใต้น้ำนั้นอยากจะออกมาทำลายทุกสิ่งให้สิ้นซาก

 

 

เขารู้มาเสมอว่าสัตว์ร้ายตัวนั้นได้ถูกอยู่ขังในใจเขามาเนิ่นนาน และไม่เคยได้ถูกปล่อยออกมาเลยสักครั้ง

 

 

“อยากตายอีกคนสินะ” กรีเออร์ยิ้ม เขาก้าวออกมาหาหลี่ว์ซู่ท่ามกลางน้ำที่ขังอยู่ตามทาง แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าม่านน้ำสุดโปรดที่เขาชอบใช้นั้นได้เปลี่ยนกลายเป็นกรงขังเขาไว้

 

 

“ฉันเคยคิดมาตลอดว่าโลกนี้ยังมีแสงสว่างอบอุ่นอยู่ถึงแม้ว่าจะหนาวเย็นไปบ้างบางทีก็ตาม” หลี่ว์ซู่พูดเสียงเรียบ “ทำไมเราอยู่กันแบบสงบๆ ไม่ได้เลยนะ ทำไมจะต้องต่อสู้และฆ่ากันด้วย”

 

 

“อะไรกันล่ะเนี่ย” กรีเออร์เลิกคิ้ว จริงๆ แล้วเคราของเขาขยับได้เหมือนกับคิ้ว แต่จ้าวหย่งเฉินได้ตัดเคราครึ่งหนึ่งของเขาไปแล้ว

 

 

“ตอนนี้ฉันอยากจะฆ่าใครบางคนแล้วล่ะ” หลี่ว์ซู่แสยะยิ้มออกมาเห็นฟันสีขาวสะท้อนมาในสายฝน มันหนาวบาดใจเหมือนกับมีดน้ำแข็ง

 

 

ทันใดนั้นเองแผนที่ดวงดาวในใจของหลี่ว์ซู่ก็หมุนอย่างบ้าคลั่ง

 

 

ดวงดาวดวงที่เจ็ดปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้าในแผนที่ดวงดาวระดับที่สาม มันส่องแสงประกายเจิดจ้าไปทั่วทั้งห้วงอวกาศ แล้วดวงดาวที่เหลืออยู่ก็เริ่มหมุนเหมือนกัน ราวกับว่าโลกใหม่ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

 

 

ความโศกเศร้านั้นก็เหมือนฝนตกปรอยๆ หรือเป็นเส้นไหมจางๆ เมื่อได้เปิดเผยใจที่เศร้าชั้นนอกออกมาแล้วก็จะเห็นว่าชั้นในนั้นเป็นความเศร้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

กระบี่เฉวียอินโผล่ออกมาจากแผนที่ดวงดาวระดับสาม ถ้าจะพูดให้ชัดๆ ก็คือกระบี่เฉวียอินนั้นเป็นเหมือนหนามที่เต็มไปด้วยรอยแตกมากกว่าจะเป็นกระบี่ธรรมดา

 

 

เมื่อดูใกล้ๆ แล้วเส้นพวกนั้นกลับไม่ใช่รอยแตก กระบี่เฉวียอินประกอบไปด้วยด้ายบางๆ สามสิบหกเส้นถักทอเข้าด้วยกันอย่างละเอียดลออเป็นระเบียบ เมื่อหลี่ว์ซู่เรียกกระบี่เฉวียอินมา มันก็ถอดแยกชิ้นส่วนออกอย่างสวยงามและบินเข้าไปในแผนที่ดวงดาวของเขา

 

 

ทันใดนั้นความเศร้าก็เกาะกินหัวใจกรีเออร์ก่อนที่เขาจะได้เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆ น้ำตาของเขาก็ไหลออกมา

 

 

หมาจรจัดที่กำลังคุ้ยหาอาหารที่ถังขยะใกล้ๆ อยู่ๆ ก็หมอบลงและส่งเสียงสะอื้นไห้

 

 

ผู้คนที่หลับใหลอยู่ในบริเวณนั้นก็ตื่นมาร้องห่มร้องไห้เหมือนกัน ทั่วพื้นที่นี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้าในขณะที่หลี่ว์ซู่กำลังเลื่อนระดับ ตอนที่หลี่ว์ซู่เปิดจุดชี่ไห่เสวี่ยซานออกก็มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นเหมือนกัน และมันก็กำลังเกิดขึ้นอีกครั้งตอนที่เขาปลดล็อกแผนที่ดวงดาวขั้นที่สาม

 

 

ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกอพยพกันไปแล้วหลังจากการต่อสู้กับ EO ในตอนบ่ายที่ผ่านมา ดังนั้นก็เลยไม่มีคนเห็นเหตุการณ์มากนัก

 

 

กรีเออร์ประหลาดใจมาก สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นี้คล้ายกับเบิกเนตรสวรรค์เมื่อมีคนเลื่อนขึ้นเป็นระดับ A!

 

 

แล้วกระบี่เฉวียอินก็บินออกมาเงียบๆ จากแผนที่ดวงดาวของหลี่ว์ซู่ มันเกือบจะผสมเข้ากับสายฝนในยามเย็นเลยทีเดียว

 

 

ตามความสามารถและพลังแล้ว กรีเออร์สามารถเห็นสิ่งรอบตัวผ่านเม็ดฝนได้ แต่ตอนนี้เขากลับเสียการควบคุมฝนไปอย่างสิ้นเชิง

 

 

สายฝนหลักของเขาถูกขโมยไปเรียบร้อยแล้ว ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักซึ่งเคยเป็นเวทีต่อสู้ของเขาได้กลายเป็นกรงขังเขาแล้ว

 

 

น้ำสาดกระเซ็นไปทั่ว

 

 

มีเม็ดฝนตกลงมาที่ไหล่ของกรีเออร์หยดหนึ่ง มันย้อมสีเสื้อของเขาให้กลายเป็นสีแดงทันที เขาตกใจอย่างมากที่สายฝนพวกนี้กลายเป็นสิ่งแหลมคมอย่างไม่น่าเชื่อ

 

 

หลีเสียนอีสามารถใช้ใบไม้กวัดแกว่งแทนกระบี่ได้ เพราะเขาสามารถรวมพลังกระบี่ให้มาอยู่ในใบไม้ และผู้มีพลังสายน้ำอย่างหลี่ว์ซู่ก็สามารถเปลี่ยนสายฝนให้กลายเป็นอาวุธที่จะใช้พลังกระบี่เขาได้ดีที่สุดเหมือนกัน

 

 

ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่สายฝนธรรมดา แต่เป็นกระบี่สายฝนที่เขาคิดมาเพื่อกรีเออร์โดยเฉพาะ เอาให้มันรู้สึกว่าเหมือนฟ้ากำลังถล่มลงมา

 

 

กระบี่สายฝน ชื่อเพราะขนาดนี้เชียว มาคิดๆ ดูแล้วตอนนี้หลี่ว์ซู่ชอบฝนแล้วล่ะ

 

 

คืนนี้หลี่ว์ซู่ได้เลื่อนระดับเป็นระดับ B อย่างเป็นทางการแล้ว พื้นที่รอบๆ ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรของหลี่ว์ซู่กำลังโศกเศร้าอาดูร และห่าฝนที่กำลังตกลงมาก็กลายเป็นกระบี่สายฝน

 

 

กรีเออร์ได้แต่คิดว่าคืนนี้เขาไม่น่ามาอยู่ที่นี่เลยจริงๆ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset