หลังจากที่พูดคุยกันไปสักพักแล้วผู้มีพลังสามคนนั้นก็ตัดสินใจออกไปตรวจดูหลี่ว์ซู่ ข้อสงสัยแรกก็คือการที่เขาเลือกโรงแรมนี้ แล้วผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงคนนั้นก็ถามผู้หญิงเจ้าของโรงแรม “เมื่อกี้พูดอะไรกันเหรอครับ”
พวกเขาถามเธอเพราะว่าเห็นหลี่ว์ซู่พูดคุยกับผู้มีพลังธาตุน้ำและเธอก่อนที่จะเดินเข้ามา พวกเขาพยายามจะทำความเข้าใจกัน ผู้มีพลังธาตุน้ำเลยเป็นล่ามแปลภาษาท่ามกลางบรรยากาศแปลกๆ ที่เกิดขึ้น
พอพวกผู้มีพลังถามผู้หญิงคนนั้นเธอก็ตื่นเต้นมากและตอบกลับเป็นภาษาอิตาลี “เขาน่ะเหรอ ฉันไปเจอเขาที่ชายหาดมาวันนี้ที่เทศกาลแข่งม้ามาค่ะ! ลูกชายฉันเป็นหัวหน้านักแสดงทีมที่ชื่อว่าเคา ฉันก็เลยออกไปให้กำลังใจลูกชายของฉันค่ะ!”
เธอตบบ่าลูกชายอย่างตื่นเต้น “เขาหล่อใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆๆ จะเป็นหัวหน้านักแสดงไม่ง่ายเลยนะคะ ต้องผ่านด่านทดสอบตั้งหลายอย่าง ลูกชายฉันเรียนเก่งด้วย เขาเรียนบทเรียนระดับมหาวิทยาลัยด้วยตัวเองเลย! เขาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดด้วยล่ะค่ะ ภาษาอังกฤษก็พูดเก่ง ฉันบอกเลยนะว่าลูกฉันน่ะ…”
“เดี๋ยวก่อนนะครับ เมื่อกี้เราถามอะไรคุณไปนะ” ผู้มีพลังทั้งสามอึ้งไปเลย ผู้หญิงคนนั้นหยุดคิดนิดหนึ่ง
“โอ๊ยตายล่ะ ความจำฉันเป็นอะไรไปหมดเนี่ย ลูกชายฉันกำลังจะอายุสิบเจ็ดค่ะ…”
“เดี๋ยวครับ หยุดพูดก่อน” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงหยุดผู้หญิงคนนั้น “ผมถามว่าคุณได้ไปคุยอะไรกับคนเอเชีย-อเมริกันคนนั้นกันครับ!”
“อ๋อ… ก็ไม่มีอะไรนี่คะ” ผู้หญิงคนนั้นนึกออกจนได้ แล้วผู้มีพลังสามคนก็เกิดอยากจะอัดคนขึ้นมา…
“ขอบอกก่อนเลยนะครับว่าเราสามคนเป็นผู้มีพลัง” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงพูดขึ้นมา
“แล้วยังไงล่ะคะ ลูกชายฉันก็เป็นผู้มีพลังเหมือนกัน ขอบอกเลยนะคะว่าตอนที่เขาปะทุพลังน่ะ…” ผู้หญิงคนนั้นมองพวกเขาอย่างดูถูก
ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงคนนั้นพูดไม่ออกเลย จะพูดกับเธอให้รู้เรื่องได้ไหมเนี่ย!
“พวกเรามาจากหัตถ์ดำ” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงพูดเสียงเรียบ
“ฉันเจอชายหนุ่มเอเชีย-อเมริกาคนนั้นที่ชายฝั่ง เขายืนอยู่ใกล้ๆ กลุ่มทัวร์จากประเทศจีน แล้วฉันก็ดึงเขามาพูดด้วย…” ผู้หญิงคนนั้นตอบไปอย่างเป็นความจริง ผู้มีพลังนั้นมีทั้งดีและไม่ดี แต่พวกหัตถ์ดำในอิตาลีนั้นไม่ดีแน่นอน การกระทำหลายอย่างของพวกเขาทำให้เกิดความไม่พอใจไปอย่างกว้างขวาง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยออกมาปรากฏตัวให้เห็นแล้ว กล่าวกันว่าหัวหน้ากลุ่มโดนพ่อของคนธรรมดาคนหนึ่งดุด่าอย่างรุนแรง
การที่ลูกชายของเธอเป็นผู้มีพลังทำให้เธอจิตใจเด็ดเดี่ยว เมื่อก่อนแถวๆ นี้มีต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ในสวนของเพื่อนบ้าน และมันก็ขึ้นไปบดบังแสงของชั้นสองและชั้นสามของโรงแรม ทั้งสองฝ่ายเถียงกันอยู่นาน แต่พอลูกชายเธอปะทุพลังขึ้นมา พวกเพื่อนบ้านก็เลยตัดสินใจจ้างคนมาตัดกิ่งไม้ให้อย่างเงียบๆ …
แต่เธอใจเด็ดไปไม่ได้ตลอดหรอก จะทำอย่างนั้นกับพวกหัตถ์ดำไม่ได้
“แล้วเขาใช้หนังสือรับรองตัวตนอะไรในตอนเช็คอินล่ะ” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงถาม
“เราไม่ใช้หนังสือรับรองตัวตนกันที่นี่หรอกค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างระมัดระวัง
ในต่างประเทศก็มีบางแห่งที่ไม่ค่อยเคร่งเรื่องความปลอดภัยสาธารณะเหมือนกัน บางคนอาจจะไปเจอแมลงสาบหรือก้นบุหรี่ในห้องของโรงแรมคืนละพันดอลลาร์ก็ได้ แล้วโรงแรมเล็ก ๆ บนเกาะแบบนี้ก็ไม่ได้มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้ใช้ด้วย
ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงหยุดคิดไปนิดหนึ่งแล้วถามคนที่อยู่ข้างๆ เขา “เอาแองเจโลมา เอามาดูว่าเขาจับคลื่นพลังงานของผู้ชายคนนั้นได้หรือเปล่า”
แล้วคนคนนั้นก็เร่งออกไป ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงหันมาพูดกับผู้หญิงคนเดิม “จำไว้ว่าเราไม่เคยพูดเรื่องนี้กัน เข้าใจตรงกันนะ”
เขากำลังจะเดินขึ้นไปบนห้องแล้ว แต่ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นก็พูดออกมา “คุณยังไม่ได้จ่ายค่าประกันเลยนะคะ”
“ผมมาจากหัตถ์ดำนะ” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงหยุดแล้วพูดออกมา
“พวกหัตถ์ดำก็ต้องจ่ายค่าห้องค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาไปบอกคาร์เทล”
ผู้หญิงคนนั้นตอบ พอผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงได้ยินก็หัวเราะออกมา เขาหยิบเงินแล้วยื่นให้ “พวกกลุ่มอย่างคาร์เทลก็เก่งแต่ในซาร์ดิเนียเท่านั้นแหละ”
“เงินทอนคุณสิบดอลลาร์ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นตะโกนผ่านเคาน์เตอร์ตอบ
บทสนทนานั้นพลิกไปพลิกมาแต่ก็ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี ถ้าหลี่ว์ซู่อยู่ตรงนั้นด้วยเขาก็คงจะตกใจมาก ในต่างประเทศนั้นมีองค์กรของผู้บำเพ็ญอยู่หลายประเภท ทั้งแบบระรานไปทั่ว แบบชอบปกป้องคน หรือพวกกลาง ๆ ยังมีพวกที่ชอบทำวิจัยอีกเหมือนกับพวกนักวิทยาศาตร์ มีทุกรูปแบบเลยล่ะ
แต่อย่างน้อยหลี่ว์ซู่ก็รู้ว่าเขามาถูกที่แล้ว หลักฐานก็คือเขาเจอพวกผู้มีพลังหลายคนในวันเดียว
นี่มันก็คือการเล่นเกม ถ้าเดินๆ ไปแล้วไม่เจออะไรแปลกๆ ผิดปกติแล้วทางมันง่ายเกินไปล่ะก็แปลว่ามาผิดทางแน่ๆ
อีกอย่างคอรัลก็อยู่ที่นี่ด้วย
หลี่ว์ซู่มั่นใจเลยว่ามีคนอยากจะเข้าไปสู้กับคอรัล แล้วเรื่องต้นไม้แห่งโลกในตำนานนั่นน่ะ หลี่ว์ซู่ก็มีผลปะทุพลังอยู่ในมือเหมือนกัน เขาอาจจะขอซื้อบางส่วนมาก็ได้
หลี่ว์ซู่ยืนอยู่ในห้องชั้นสี่แล้วมองไปที่โรงแรมที่คอรัลอยู่ เขาเห็นเธอนั่งอยู่ในสวน เหมือนกำลังคิดอะไรอย่างหนักจนใจลอย
เมื่อมีคนบางคนเดินออกมาจากโรงแรมแล้วเธอก็ไม่ได้หันตามไป เหมือนเธอรู้อยู่แล้วว่าคือใคร เธอเลยยืดหลังนั่งตัวตรง
หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่าคนคนนั้นกับคอรัลพูดอะไรกัน แต่คนคนนั้นกำลังถือแฟ้มไว้อยู่ เขาดูเหมือนจะถามคอรัลอะไรบางอย่าง พอคอรัลพูดตอบออกไปแล้วคนคนนั้นก็เขียนลงไปในกระดาษแล้วก็เดินกลับเข้าไปในโรงแรม
หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกอย่างไรเลย เขาเห็นฉากนั้นแล้วก็คิดได้ว่าคอรัลมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเธอดึงหอกกุงเนียร์ออกมาจากร่างได้ก็แปลว่าเธอสืบสายเลือดต่อจากโอดิน และเธอก็หลายเป็นหัวหน้าของเหล่าเทพในกลุ่มเทวา
หลายๆ คนคงเฝ้าฝันถึงตำแหน่งนี้ แต่หลี่ว์ซู่คิดว่ามันออกจะใจร้ายกับคอรัลอยู่เหมือนกัน
ใครจะรู้ล่ะ อาจเป็นเพราะหลี่ว์ซู่ไม่ชอบอำนาจและชื่อเสียงก็ได้
ร่างของคอรัลโอนเอียงเล็กน้อย เธอต้องเอาแขนเล็กๆ ของเธอจับเชือกชิงช้าไว้เพื่อรักษาสมดุล มันเกิดขึ้นเร็วมากแต่ก็หยุดไปเร็วมากเหมือนกัน พอผ่านไปสองวินาทีคอรัลก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
หลี่ว์ซู่ตกใจ เกิดอะไรขึ้นกับคอรัลกันเนี่ย เขามีภาพในหัวว่าคอรัลเป็นผู้หญิงที่สดใสมาตลอด แล้วคนระดับ B ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจะเซไปได้อย่างไรกัน
แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะได้รับผลกระทบจากสายเลือดของเธอเองไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้านี่เป็นผู้บำเพ็ญธรรมดาก็คงจะหายดีภายในสองเดือนแล้ว เว้นเสียแต่ว่ามันจะเป็นการบาดเจ็บที่ไม่สามารถรักษาได้
ความแข็งแกร่งของกุงเนียร์นั้นน่ากลัวจริงๆ เมื่อเธอตั้งใจใส่กำลังในการโจมตีอย่างเกรี้ยวกราดแล้ว แม้แต่ระดับ A อย่างทาคาชิมะ ทาอิรัตสึยังไม่กล้าที่จะต่อกรกับคอรัลที่เพิ่งเลื่อนระดับเป็นระดับ B เลย
แต่ชีวิตของคอรัลและต้นไม้แห่งโลกนั้นเชื่อมต่อกัน เมื่อกุงเนียร์ร้าวไป เธอก็บาดเจ็บไปด้วย
หลี่ว์ซู่ไม่เคยเห็นภาพที่คอรัลอ่อนแอเลย รอยต้นไม้สีขาวที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันทำอะไรได้กลับปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็จางไป แต่หลี่ว์ซู่ไม่รู้สึกถึงอะไรได้เลย
และหลังจากนั้นสองวินาทีรอยที่ว่านั้นก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม