ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 684 ความกล้าของการกระทำมาจากความสามารถที่ยอดเยี่ยม

หลี่ว์ซู่ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคอรัล แต่พอเห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วเขาก็รู้สึกไม่ดี

 

 

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! มีคนเคาะประตูห้องเขา พอเขารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังออกมาจากด้านนอกเขาก็ไม่ได้เร่งรีบไปเปิดประตูเท่าไหร่ พอเขาเปิดออกมาก็เห็นผู้ชายวัยกลางคนร่างผอมและมีผิวสีแทนยืนอยู่ข้างนอกห้อง หลี่ว์ซู่ถามไปอย่างใจเย็น

 

 

“มาหาใครครับ”

 

 

คนคนนั้นไม่ได้พูดอะไร เขาหันกลับแล้วทิ้งหลี่ว์ซู่ให้มองตามไป คนนั้นเดินลงไปข้างล่างแล้วพูดกับผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงว่า “ไม่รู้สึกถึงคลื่นพลังนะ”

 

 

“โอเค” มีพลังที่ดูแข็งแรงพยักหน้า “ขอบคุณมากครับแองเจโล”

 

 

ผู้มีพลังที่สามารถรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังนั้นจะอยู่ในตำแหน่งสูงในองค์กรต่าง ๆ เพราะความสามารถนี้ไม่ได้หากันง่ายๆ

 

 

แองเจโลพยักหน้าตอบรับแล้วเดินออกไป หลี่ว์ซู่คงเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดาจริงๆ พวกหัตถ์ดำก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ถึงเขาจะมีอะไรปกปิดไว้อยู่ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร สุดท้ายแล้วเขาก็แค่คนธรรมดา

 

 

พอพวกหัตถ์ดำเดินขึ้นไปในห้องตัวเอง ก็มีผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา

 

 

หลี่ว์ซู่นั่งอยู่ที่หน้าต่างแล้วเห็นว่ามีผู้คนเดินเข้ามา เขาปิดม่านลงอย่างเงียบเชียบและเหลือทิ้งไว้ให้เห็นเพียงช่องแคบ ๆ เท่านั้น เขาเคยเห็นคนพวกนี้มาก่อน เมื่อก่อนนั้นพวกนี้เคยตามฟรานเชสโก้

 

 

เขาค่อยๆ เปิดประตูออกไปเพื่อไปฟังว่าข้างล่างนั้นเกิดอะไรขึ้น พวกหัตถ์ดำเดินขึ้นไปแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เห็นกลุ่มแก่นความเชื่อนะ

 

 

หลี่ว์ซู่สรุปเอาเองว่าสามคนนั้นมาจากกลุ่มแก่นความเชื่อ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วก็น่าสนใจแล้วสิ ทำไมถึงมีหลายองค์กรสนใจคอรัลจัง หรือพวกคนทั้งหมดนี่รวมถึงสามคนนั้นด้วยจะอยากได้หอกกุงเนียร์กันนะ

 

 

จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็ได้รับข้อความจากโยวหมิงอวี่ [เจอพวกหัตถ์ดำจากอิตาลีมาแล้วหรือยัง พวกนั้นมาตรวจสอบนายแล้ว แต่ผู้มีพลังมีพลังที่สามารถตรวจจับคลื่นพลังได้บอกว่านายเป็นคนธรรมดา]

 

 

หลี่ว์ซู่งง เขาเคยได้ยินชื่อหัตถ์ดำมาก่อน พวกนี้เป็นองค์กรขนาดกลางในอิตาลี และหัวหน้าของกลุ่มเป็นระดับ B เขาจำอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้วเพราะไม่ได้ใส่ใจองค์กรนี้มาก

 

 

แต่โยวหมิงอวี่ก็ไม่ได้ถามหลี่ว์ซู่ว่าเขาปิดกั้นคลื่นพลังของตัวเองได้อย่างไร น่าหลานเชวี่ยเองก็มีความสามารถนี้เหมือนกัน อีกอย่างหลี่ว์ซู่ก็เคยเข้าไปในโบราณสถานมามากมาย เป็นปกติอยู่แล้วถ้าเขาจะมีความสามารถนี้

 

 

หลี่ว์ซู่ถามกลับไป [ผมมาสอดส่องดูคอรัล ผมว่าพวกหัตถ์ดำคงจะมาทำอย่างเดียวกันล่ะครับ คุณช่วยยืนยันหน่อยได้ไหม ช่วยส่งข้อมูลเกี่ยวกับพวกหัตถ์ดำมาให้ผมด้วยสิ]

 

 

หลี่ว์ซู่ตัดสินใจว่าเขาจะศึกษาเกี่ยวกับองค์กรรองๆ ของอิตาลีดูสักหน่อย

 

 

แล้วผ่านไปไม่ถึงสามชั่วโมง โยวหมิงอวี่ก็ส่งข้อมูลมาในกลางดึก ในอิตาลีไม่มีองค์กรชั้นนำ มีเพียงพวกหัตถ์ดำและพวกคาร์เทลเท่านั้น สององค์กรนี้ไม่ยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน และหัวหน้าของทั้งสองกลุ่มก็เป็นยอดฝีมือระดับ B กันทั้งคู่

 

 

พวกคาร์เทลจะเป็นพวกที่ชอบใช้อำนาจเหนือเกาะซาร์ดิเนียซึ่งและจะแตกต่างจากพวกหัตถ์ดำ พวกคาร์เทลนั้นชอบมีปฏิสัมพันธ์กับคนท้องถิ่นมาก

 

 

หลี่ว์ซู่เห็นว่าพวกเขาเหมือนจะเป็นกลุ่มของคนชนบทมากกว่า

 

 

พวกเขาไม่สนใจจะปกป้องความสงบสุขอะไร แต่จะเอาผู้มีพลังทั้งหลายออกมาจัดการแสดงในทุกๆ เทศกาล ก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกผู้มีพลังที่นี่นั้นค่อนข้างแปลกประหลาดออกไปจากที่อื่นเล็กน้อย

 

 

หรือไม่แปลกประหลาดกันนะ ใครบอกว่าผู้มีพลังจะต้องสู้กันอย่างเดียวล่ะ หลี่ว์ซู่คิดว่าการที่พวกเขาทำแบบนี้เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน

 

 

ตอนที่หัตถ์ดำเริ่มขยายอำนาจนั้นก็ทำให้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างหัตถ์ดำและคาร์เทลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หัวหน้ากลุ่มหัตถ์ดำจะต้องมาที่ซาร์ดิเนียเพื่อมาต่อสู้กับคาร์เทล แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้

 

 

ไม่ใช่แค่นั้น แต่หัวหน้าหัตถ์ดำถึงกับได้รับบาดเจ็บตรงลูกอัณฑะลูกหนึ่งของเขาด้วย มันถูกบันทึกลงไปในข้อมูลผู้ป่วยของโรงพยาบาล

 

 

หลังจากนั้นเขาก็กลับมาแก้แค้นอีกรอบ แต่ก็เอาชนะไม่สำเร็จ ทำให้เรื่องนี้ยังคงค้างคาอยู่

 

 

หัวหน้าของกลุ่มหัตถ์ดำนั้นมีอายุยี่สิบเจ็ดปี เขาชื่อว่าแพทริคและยังเป็นเสือผู้หญิงด้วย เขาชอบไปหยอกเล่นกับพวกดาราในยุคที่ยังไม่มีการปะทุพลัง ว่ากันว่าตอนที่เขาไปเจอคอรัลครั้งแรกในงานเลี้ยงเขาก็ตกตะลึงไปเลย เขาไม่สนว่าความสามารถของพวกเขาจะแตกต่างกันมากขนาดไหน แต่เขาใช้ประสบการณ์ในการจีบผู้หญิงเข้าหาคอรัล และเขาก็ให้คำมั่นไว้ด้วยว่าคอรัลจะต้องแต่งงานกับเขา…

 

 

หลังจากนั้นมาเขาก็ไม่ได้ไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นๆ อีกเลย แต่เขาก็หาทางใกล้ชิดคอรัลไม่ได้เสียที เขาต้องไปสวีเดนเพื่อไปหาเธอ แต่คอรัลไปตั้งกลุ่มเทวาเสียแล้ว

 

 

หลังจากที่คอรัลต่อสู้กับกลุ่มทวยเทพเสร็จเขาก็ชื่นชมเธอเป็นอย่างมาก เข้ากับสำนวนจีนที่ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกลับบ้านมาก็มีค่ามากกว่าได้ทองแท่งแล้ว

 

 

หลี่ว์ซู่เข้าใจแล้วล่ะ ผู้ชายคนนี้อยากเข้าไปใกล้ชิดกับคอรัลนี่เอง

 

 

แต่ว่าเขาได้รับบาดเจ็บตรงลูกอัณฑะลูกหนึ่งนี่นา ยังไม่เข็ดอีกเหรอ แถมความแข็งแกร่งถ้าเทียบกันระหว่างหัตถ์ดำและกลุ่มเทวานั้นแตกต่างมากเกินไปด้วย เขาไม่กลัวว่ากลุ่มหัตถ์ดำของตัวเองจะโดนกลุ่มเทวาจัดการเละไม่เป็นท่าเหรอ

 

 

หรือนี่จะเป็นอย่างที่ใครเขาพูดกัน ผู้ชายที่เหลืออัณฑะลูกเดียวจะกล้าบ้าบิ่นไม่กลัวใคร!

 

 

หลี่ว์ซู่ส่งข้อความหนึ่งออกไปหาโยวหมิงอวี่ [ทำไมไม่รีบบอกข้อมูลที่สำคัญขนาดนี้มาก่อนล่ะครับ!]

 

 

[มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ!] โยวหมิงอวี่ตอบกลับอย่างแปลกใจ

 

 

หลี่ว์ซู่มองออกไปแล้วเห็นขบวนรถหรูขับมาจอดนอกโรงแรมที่คอรัลอยู่ ขบวนนั้นดูจัดอย่างยิ่งใหญ่มาก

 

 

มีใครคนหนึ่งเปิดประตูรถเบนต์ลีย์ออกมา เขาสวมสูทสีขาวทั้งตัว ผมของเขาถูกเก็บเป็นเปียเส้นสั้นๆ พอหลี่ว์ซู่เห็นเขาคนนั้นก็อยากจะเข้าไปต่อยสักทีสองที เกิดไม่ชอบหน้าขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ…

 

 

ผู้หญิงอย่างคอรัลไม่มีวันชอบคนแบบนี้หรอก เขาดูขี้อวดเกินไป ทำไมจะต้องอวดรวยขนาดนี้ด้วย พวกกลุ่มเทวานั้นรวยกว่าเห็นๆ หลี่ว์ซู่บ่นอยู่ในใจ

 

 

เมื่อผู้ชายคนนั้นเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างกับว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ ก็มีผู้มีพลังธาตุดินสองคนเดินมาขวางเขาไว้ ดูเหมือนว่ากลุ่มเทวาจะไม่รับแขกวันนี้นะ

 

 

หลี่ว์ซู่เห็นว่านี่ดูน่าสนใจดีนี่ พวกผู้มีพลังธาตุดินนั้นช่วยปกปิดความลับไว้ ทำได้ดีพอควรเลยล่ะ

 

 

แล้วหัวหน้ากลุ่มหัตถ์ดำอย่างแพทริคก็คงไม่คิดว่าคนอย่างตัวเองจะเข้าไปไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ทำเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เขาหยิบกล่องใหญ่กล่องหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ผู้มีพลังธาตุดินสองคนนั้น หลังจากนั้นเขาก็กลับเข้าไปในรถแล้วจากไป

 

 

ผู้มีพลังธาตุดินสองคนนั้นเอากล่องที่เพิ่งได้รับมากลับเข้าไปในโรงแรม หลี่ว์ซู่ไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่ข้างในกล่อง แต่เขาสงสัยเหลือเกิน

 

 

จากนั้นเขาก็เห็นผู้มีพลังธาตุดินสองคนนั้นเดินออกมาอีกครั้ง พวกเขาเปิดกล่องใหญ่ ๆ ที่ดูสวยงามปราณีตนั้นออกแล้วทิ้งไว้กลางถนน ในกล่องนั้นเต็มไปด้วยกุหลาบนับไม่ถ้วน

 

 

ผู้มีพลังธาตุดินสองคนนั้นเริ่มแจกจ่ายดอกกุหลาบกับคนที่เดินผ่านไปมา พวกเขาไม่เหลือทิ้งไว้เลยสักดอก

 

 

หลี่ว์ซู่คิดว่าวิธีการจัดการดอกกุหลาบที่พวกเขาใช้นี้แปลกดีนะ แต่เขาก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับคอรัล และมีอะไรที่เขาพอจะช่วยได้บ้างหรือเปล่า

 

 

พวกสมาชิกจากกลุ่มแก่นความเชื่อเดินออกมาถึงชั้นสี่แล้ว หลี่ว์ซู่ได้ยินพวกเขาเดินเข้าไปในห้องที่ถัดไปจากห้องข้างๆ เขา น่าสนใจดีไหมล่ะ องค์กรที่แข็งแกร่งสามองค์กรพักอยู่ในโรงแรมเล็กๆ ด้วยกันรวมถึงตัวเขาเองด้วย

 

 

พวกคนของหัตถ์ดำพักอยู่ตรงกลางระหว่างหลี่ว์ซู่และกลุ่มแก่นความเชื่อนั่นเอง

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset