ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 692 หนีตามกันไป

หลี่ว์ชู่ยืนอยู่ข้างล่างแล้วกวักมือเรียกคอรัล สมาชิกกลุ่มเทวาคิดกันว่าหมอนี่คิดว่าเจ้าแห่งทวยเทพของกลุ่มเทวาเป็นใครกัน คิดเหรอว่าเธอจะลงไปหาเพราะนายกวักมือเรียก ทำไมไม่ขึ้นมาหาเธอด้วยตัวเองล่ะ

 

 

แต่คอรัลก็รีบวิ่งลงไปเร็วอย่างกับสายลม…

 

 

[ได้แต้มจากบริดเจ็ต ฮัดสัน +666!]

 

 

คอรัลวิ่งลงไปตามบันไดวนแล้วชายกระโปรงของเธอก็ลอยพลิ้วล้อลมลงไปขณะวิ่ง เธอดูราวกับเป็นนางฟ้าที่กำลังอารมณ์ดี

 

 

สุดท้ายเธอก็มายืนอยู่ข้างหน้าหลี่ว์ชู่ แขนบางๆ นั้นจับกระโปรงที่พลิ้วลมไว้ อย่างกับว่าชายกระโปรงจะสามารถสื่อถึงอารมณ์ที่อ่อนไหวและตื่นเต้นของเธอได้

 

 

คอรัลคิดไปว่าเธอควรจะเล่นตัวแล้วให้หลี่ว์ชู่ตามหาเธอมาดีไหมนะ เขาอยากจะชวนเธอออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกหรือเปล่า หรือจะชวนไปดูหนังกินข้าว ว่ากันว่าพวกผู้ชายมีเคล็ดลับที่จะขอผู้หญิงออกไปเดตด้วยสินะ แต่เธอคงออกไปนอนค้างคืนข้างนอกไม่ได้หรอก…

 

 

เธอคิดไปอย่างรวดเร็ว แต่คำพูดที่ออกมานั้นมีไม่กี่คำเท่านั้น

 

 

“หลี่ว์ชู่ ทำไมมาที่นี่ได้ล่ะ” แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องมาที่พวกเขาสองคน เงาของพวกเขาทอดยาวออกไปเรื่อยๆ จนมันดูเหมือนว่าได้เข้ามาบรรจบกัน หลี่ว์ชู่เลยพยายามพูดออกมา

 

 

“ฉันมั่นใจว่าพวกแก่นความเชื่อเห็นเล็งเป้าหมายที่เธออยู่ เธอรู้ใช่ไหม” แล้วหน้าของคอรัลก็เจื่อนลงทันที

 

 

“พวกเราก็พอเดาได้ แต่จำได้ว่านักบุญกับหัวหน้าบาทหลวงต่างบาดเจ็บหนักทั้งคู่นี่ ก็คงมีแค่ระดับ B ที่มากัน พวกเขาคงไม่มากันเพราะฉันหรอก อีกอย่างฉันก็ต้องการต้นไม้แห่งโลกมากๆ ด้วย”

 

 

“เธอเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าต้นไม้แห่งโลกน่าจะเป็นของปลอม หรือไม่มันอาจจะไม่มีเลยก็ได้” หลี่ว์ชู่พูด “ถ้ามันเอามาไว้ล่อเธอมาที่นี่เท่านั้นล่ะ”

 

 

“ก็เคยคิดอยู่เหมือนกัน” คอรัลพูดสเสียงเรียบ “แต่ฉันไม่มีทางเลือกน่ะ”

 

 

“ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้น” หลี่ว์ชู่รู้ว่าสถานการณ์น่าจะแย่กว่าที่เขาคิดไว้ ผลล้างไขกระดูกของเขาคงช่วยอะไรไม่ได้มาก ถ้าช่วยได้จริงแล้วคอรัลคงไม่พูดแบบนี้หรอก

 

 

“ไม่มีอะไรหรอก” คอรัลหัวเราะ เธอกำลังชั่งใจว่าจะบอกหลี่ว์ชู่ดีหรือเปล่า สุดท้ายแล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะไม่บอก ทำไมจะต้องให้คนอื่นๆ มาทนกับโชคชะตาร้ายๆ ของเธอด้วย เธอยิ้มตอบ “ก็แค่กลุ่มเทวาอยากได้ต้นไม้แห่งโลกมากน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”

 

 

หลี่ว์ชู่ได้ยินแล้วก็เงียบไปนาน “พวกดังเคอร์จากเยอรมันนี พวกเพลดจ์จากอังกฤษ พวกเรคยาจากไอซ์แลนด์ พวกหัตถ์ดำจากอิตาลี พวกแก่นความเชื่อ ขนาดพวกทหารรับจ้างหลายๆ กลุ่มยังมาที่นี่เลย พวกเขาไม่เห็นว่ามีต้นไม้แห่งโลกเพียงต้นเดียวในซาร์ดิเนียหรอกนะ มันมีสองต้น นั่นรวมถึงที่เธอมีต้นไม้นั่นอยู่ด้วย ที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้วนะ”

 

 

คอรัลก้มหน้าและเงียบไป ทำไมพวกกลุ่มเทวาที่อยู่ในยุโรปเองกลับไม่เห็นสิ่งที่หลี่ว์ชู่เห็นกันนะ ตอนแรกคนก็สงสัยกันอยู่แล้วว่านี่อาจจะเป็นการหลอกลวง ท้ายที่สุดแล้วต้นไม้แห่งโลกจะไม่สูญเสียพลังจิตวิญญาณแม้ในช่วงยุคพลังทั้งหมดถูกใช้จนหมดไปแล้ว แต่ทำไมถึงไม่มีข่าวเกี่ยวกับต้นไม้แห่งโลกมาก่อนเลยนะ

 

 

แต่คอรัลบอกไปเองว่าเธอไม่มีทางเลือกนี่ พวกเขาก็ต้องเสี่ยงกันหน่อย

 

 

พวกสมาชิกกลุ่มเทวาเข้ามารวมตัวกันที่หน้าต่างโรงแรมแล้วมองดูพวกเขา

 

 

“อะไรวะนั่น ทำไมฉันมองไอ้หมอนั่นแล้วก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเลยนะ”

 

 

“เออ ฉันก็เหมือนกัน อยากจะวิ่งลงไปอัดมันให้เละเลย”

 

 

“เราลงไปข้างล่างกันไหม”

 

 

“ไม่ดีหรอก เจ้าแห่งทวยเทพจะโกรธเอา ฉันว่ามันยังโอเคอยู่ เรายังดูพวกเขาพูดคุยกันไปตรงประตูนี้ได้ ไม่เหมือนเมื่อคืนที่พวกเขาหายไปไหนไม่รู้”

 

 

“จริง” คนหนึ่งตอบขึ้นมาหลังจากหยุดคิดไป “คุยกันเฉยๆ ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่มันไม่ลักพาตัวเธอแล้วหนีไปน่ะนะ”

 

 

ตอนนั้นเองหลี่ว์ชู่ก็คิดไตร่ตรองจนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ คอรัลเองก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาเหมือนกัน หลี่ว์ชู่พูดขึ้นมาว่า “มากับฉันเถอะ ถึงฉันไม่รู้ว่าจะไปไหน แต่ฉันปล่อยเธออยู่ในที่อันตรายแบบนี้ไม่ได้ กลุ่มต่างๆ เริ่มมากระจุกกันแล้ว เธอน่ะ…”

 

 

ก่อนเขาจะพูดจบ คอรัลก็ส่งยิ้มที่แสนบริสุทธิ์และไร้เดียงสาอย่างกับโลมากลับมาให้เขา “ได้สิ”

 

 

หลี่ว์ชู่อึ้งไปเลย เขากำลังคิดหาวิธีโน้มน้าวใจคอรัลอยู่แต่เธอกลับตอบตกลงมาก่อนแล้วซะอย่างนั้น

 

 

“จริงๆ แล้วนายไม่ต้องโน้มน้าวฉันเลยนะ ฉันยอมไปกับนายอยู่แล้วขอแค่นายบอกมา ฉันไม่สนหรอกว่าเราจะไปไหนกัน” คอรัลตอบยิ้มๆ

 

 

โลกนี้มันทั้งหลอกหลวงและแสนเย็นชา

 

 

ผู้คนต้องพบเจอกับการโกหกกัน การวางแผนตลบหลังกัน สงครามและการนองเลือดมีอยู่ทุกที่ คนมกมายไม่รู้ว่าควรเลือกใช้ชีวิตอย่างไร

 

 

มีทั้งผู้คนที่หยุดยืนดูเมื่อกลางคืนกำลังมาถึง

 

 

มีทั้งผู้คนที่มองไม่เห็นแล้วว่าชีวิตของตัวเองได้ประสบความสำเร็จในชีวิตตามที่คาดหวังไว้หรือเปล่า

 

 

มีทั้งผู้คนที่เลือกจะพูดความจริงในวันเมษาหน้าโง่เท่านั้น

 

 

แต่ในทุกๆ ช่วงเวลาที่กล่าวมา ทั้งหลี่ว์ชู่และคอรัลก็ต่างจริงใจกับสิงที่ตัวเองตั้งใจจะท่ามกลางโลกที่วุ่นวายนี้ พวกเขาได้พูดออกมาตามที่ใจรู้สึกจริงๆ

 

 

หลี่ว์ชู่จึงพูดออกมา “ตามฉันมานะ” และคอรัลก็ทำตามนั้น

 

 

พวกสมาชิกกลุ่มเทวาในโรงแรมอึ้งไปตามๆ กัน พวกเขาไม่รู้เลยว่าหลี่ว์ชู่พูดอะไรกับคอรัล พวกเขาก็ได้แต่มองทั้งสองคนจากไปเท่านั้น

 

 

“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน! จะไปไหนกันน่ะ!”

 

 

“นี่เขาลักพาตัวเจ้าห่วงทวยเทพไปเลยเหรอ”

 

 

“เขาลักพาตัวเธอไปต่อหน้าพวกเราเลยเนี่ยนะ!”

 

 

พวกคนมีอายุในกลุ่มเทวาพูดไม่ออกกันเลย พวกเขาเพิ่งพูดกันหยกๆ ว่าให้คุยกันเฉยๆ ดีแล้ว เพราะพวกเขาจะได้จับตาดูได้ แต่กลายเป็นว่าคอรัลถูกลักพาตัวไปเสียอย่างนั้น

 

 

พวกเขารู้สึกว่าสถานการณ์นี้มันคงไม่ได้รับมือไม่ได้ง่ายๆ อย่างการลักพาตัวไปแค่วันหรือสองวันหรอก

 

 

“ทำอะไรกันอยู่ล่ะ รีบตามพวกเขาไปสิ!” ทั้งกลุ่มก็รีบวิ่งตามไปจับพวกเขา หลายๆ คนเปิดหน้าต่างเพื่อกระโดดออกไปเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อพวกเขาลงมาข้างล่างก็ไม่เจอใครสักคนแล้ว…

 

 

“ไอ้คนบาป!”

 

 

[ได้แต้มจากบริดเจ็ต ฮัดสัน +666!]

 

 

เรือสำราญขนาดใหญ่กำลังล่องไปในทะเล พวกเขากกำลังจะไปถึงเมืองอัมสเตอร์ดัมในฮอลแลนด์ แต่นั่นก็ไม่ใช่จุดหมายที่กลุ่มของเครือข่ายฟ้าดินจะไปถึง พวกเขาต้องขึ้นไปต่อเรือสำราญจากฮอลแลนด์ไปที่ซาร์ดิเนีย เป็นเส้นทางที่กำหนดขึ้นมาเองด้วย เลยทำให้ราคาสูงมาก

 

 

เฉินจู่อานใส่กางเกงในตัวใหญ่และทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้บนดาดฟ้าเรือ เขาแอบมองผู้หญิงสวยๆ ที่สระว่ายน้ำผ่านแว่นกันแดด เขามีหยุดมองบ้างเป็นบางที เพราะไม่อย่างนั้นก็คงจะกระอักกระอ่วนน่าดูถ้ามีคนจับได้ขึ้นมา…

 

 

ข้างๆ เขามีเพื่อนที่ร่วมการเดินทางนี้อยู่สามคนคือ เฉาชิงฉือ เฉิงชิวเฉี่ยว และหันโหยวที่เป็นสมาชิกใหม่

 

 

“ตั้งแต่เข้าเครือข่ายฟ้าดินมานี่ฉันก็ไม่เคยโดนมอบหมายภารกิจไหนที่สบายขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย” เฉินจู่อานหัวเราะชอบใจ “เราไม่ได้อะไรมากจากภารกิจแบบนี้หรอก เอามาให้ฉันอีกสักสิบภารกิจซิ!”

 

 

เฉาชิงฉือที่อยู่ในชุดสะอาดเรียบร้อยมองมาที่เขาแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เฉินจู่อานรู้สึกได้ถึงจิตสังหารขณะที่เธอจ้องมาเขาเลยรีบหุบปาก

 

 

ทันใดนั้นโทรศัพท์เฉพาะกิจของพวกเขาก็ดังขึ้นมา แต่ละคนปลดล็อกโทรศัพท์ของตัวเองเพื่อดูข้อมูลใหม่ หลังจากนั้นไม่นานเฉินจู่อานก็อึ้งไป

 

 

“หายไปงั้นเหรอ หมายความว่ายังไงน่ะ ถ้าเข้าใจไม่ผิด หัวหน้ากลุ่มของเราทิ้งเราไปก่อนที่เราจะไปเจอเขาอีกใช่ไหมเนี่ย!”

 

 

[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน….]

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset