พอหลี่ว์ซู่ไล่ผู้ชายคนนั้นลงจากรถไฟแล้วเขาก็ได้รับข้อความจากโยวหมิงอวี่ทันที
[ปรมาจารย์หุ่นเชิดหยุดหัวหน้าบาทหลวงจากแก่นความเชื่อไว้ เขาหนีออกจากเมืองทางใต้ของซาร์ดิเนียไม่ได้แล้ว]
หลี่ว์ซู่ถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก ถึงเขาจะไม่รู้ว่าทำไมปรมาจารย์หุ่นเชิดถึงทำแบบนั้น แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นข่าวดีสำหรับเขาและคอรัลแล้ว
อิทธิพลของหัวหน้าบาทหลวงในยุโรปนั้นเป็นเหมือนพระอาทิตย์เหนือหัว การปรากฏตัวของเขาจะส่องสว่างไปหมด
ไม่มีใครคาดคิดว่าพยัคฆ์จื๋อนั้นได้ซุ่มดักโจมตีพระอาทิตย์อยู่ในพุ่มหญ้าของเกาะเล็กๆ ในซาร์ดิเนีย หลังจากที่ดูข้อมูลดีแล้ว หลี่ว์ซู่ก็เพิ่งเห็นว่าพยัคฆ์จื๋ออยู่ในยุโรป ส่วนคลาวด์อีอยู่ในเมืองหนานชาง
พอคิดๆ ดูแล้วตอนที่คลาวด์อีบอกว่าเธอจะฆ่าเขาในโบราณสถานลบนัวร์ เขาก็กลัวตัวสั่นไปเลย เขาไม่รู้ว่าตัวเองยังเป็นเป้าหมายในครั้งนี้อยู่หรือเปล่า เธอคงไม่รู้ว่าเขาเป็นคนไปเผชิญหน้ากับเธอในโบราณสถานลบนัวร์หรอกมั้ง
หลี่ว์ซู่ได้แต่หวังว่าเธอคงจะไม่รู้นะ…
“เธอบอกให้คนคนนั้นกระโดดออกไปจากรถไฟเหรอ” อยู่ๆ คอรัลก็ถามขึ้นมา
พอคอรัลถามมาแบบนั้นเขาก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย “ฉันทำเกินไปหรือเปล่า”
ในสายตาของหลี่ว์ซู่แล้วเธอยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงเท่านั้น ถ้าเขาทำอะไรรุนแรงไปแล้วโดนจับได้ขึ้นมา เขาก็กลัวว่าเธอจะกล่าวโทษเขา
“ไม่หรอก” เธอส่ายหัว “ถ้ามีคนตามเรามาหรือไม่ทำตามกฎ เราก็ต้องสั่งสอนพวกเขาหน่อย ถ้าพวกนั้นอยากจะมาฆ่าเรา เราก็ต้องฆ่าพวกมันทิ้งเหมือนกัน”
หลี่ว์ซู่รีบเกาหัวแก้เก้อ เขาต้องแยกคอรัลที่เป็นคนทั้งสองขั้วอารมณ์ออกจากกันโดยสิ้นเชิงให้ได้ คอรัลคนแรกเป็นเจ้าแห่งทวยเทพ และคอรัลอีกคนเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา
แต่จะแยกคนคนเดียวออกจากกันได้อย่างไรล่ะ เธอไม่ได้เป็นโรคจิตเภทเสียหน่อย และทั้งสองตัวตนก็ไม่ได้ขัดแย้งกันด้วย แต่มันกลับช่วยเธอเข้าใจว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรก็โลกรอบๆ ตัวเธอต่างหาก
อีกอย่างคอรัลก็อยู่ระดับ B ขั้นสูง จะมีใครสักกี่คนที่มาทำร้ายเธอได้ อย่างนั้นแล้วหลี่ว์ซู่เลยไม่กลัวว่าศัตรูจะมากันเยอะ แต่เขากลัวพวกปลิงดูดเลือดที่ถือมีดจ่ออยู่ในอากาศแล้วรอโจมตีต่างหาก
ทุกคนก็ต่างจับจ้องมาที่รถไฟขบวนนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่กลางถนนหรือจะรออยู่ที่ปลายทางแล้ว พวกเขาก็จะจับจ้องแบบนี้ไปแบบไม่หยุดหย่อน
“รถไฟเข้าวิลลาคริโดแล้วครับ เดี๋ยวจะไปถึงโอริสตาโนอีกสองชั่วโมง” ฟรานเชสโก้ที่ยืนอยู่ข้างหลังหัวหน้าบาทหลวงบอก “พวกเราไปถึงก่อนพวกเขาแล้วครับ”
“พวกดังเคอร์ไปอยู่ที่ไหนกันแล้วล่ะ” หัวหน้าบาทหลวงถามด้วยเสียงแก่ๆ
“พวกเขาเพิ่งมาถึงทางเหนือครับ น่าจะไปโอริสตาโนไม่ทันเวลา เพราะฉะนั้นเราต้องหากำลังคนไปที่นั่นสองคน ไม่มีพวกดังเคอร์คนไหนมีโอกาสจะโจมตีเราครับ ส่วนพวกองค์กรอื่นๆ เราก็ไม่ต้องเป็นกังวลมาก” ฟรานเชสโก้พูด “เดี๋ยวอีกสักพักผมจะไปโอริสตาโนเพื่อจบเรื่องทั้งหมด แล้วเอากุงเนียร์กลับมาให้ได้”
พยัคฆ์จื๋อทำให้ฟรานเชสโก้ไปถึงที่นั่นช้าลง ถ้าเขารีบไปตอนนี้ก็คงจะสายไปเสียแล้ว แต่ตราบใดที่ลูกน้องของเขายังพอที่จะยื้อเวลาหลี่ว์ซู่และคอรัลที่โอริสตาโนได้อยู่ เขาก็จะจัดการกับสองคนนั้นได้ง่ายๆ เมื่อเขาไปถึง
ถึงแม้ว่าจะมีข้อมูลไม่มากเกี่ยวกับหลี่ว์ซู่ แต่หลี่ว์ซู่ก็ดูไม่ได้มีความสามารถที่แข็งแกร่งอะไรนัก หลี่ว์ซู่เคยฆ่าโนกิวะ ทาเกะโนบุไป แต่แค่อาจจะฟลุคก็ได้
ตอนนี้องค์กรใหญ่ทั่วยุโรปก็รู้จักชื่อของหลี่ว์ซู่โดยทั่วกันแล้ว
“อย่าได้ประมาทศัตรูเด็ดขาด” หัวหน้าบาทหลวงพูดช้าๆ “ฟรานเชสโก้ แกมันหยิ่งผยองมากเกินไป แกต้องดูโลกนี้และดูศัตรูให้ชัดๆ”
“ครับท่านหัวหน้าบาทหลวง” ฟรานเชสโก้ก้มหัวให้เขาเล็กน้อย
“จงไปเอากุงเนียร์กลับมาให้ได้และฆ่าคอรัลทิ้งเสีย” หัวหน้าบาทหลวงตัดสินใจแล้ว “เราเป็นตัวแทนของพระเจ้าและเดินเคียงข้างมนุษย์มาตลอด แต่ตอนนี้พวกทวยเทพกลับมาปะปนอยู่กับมนุษย์ แล้วเราควรจะทำอย่างไรล่ะ”
ฟรานเชสโก้ตัวสั่นเล็กน้อย เขาจำได้ว่ามีลมหายใจที่ออกมาจากหลุมศพในสวนศักดิ์สิทธิ์ในตอนนั้น ลมหายใจนั้นได้รวมเข้ากับร่างของหัวหน้าบาทหลวงและเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้หัวหน้าบาทหลวงเลื่อนขึ้นเป็นระดับ A ได้
“คนธรรมดาคงไม่สนใจหรอก” หัวหน้าบาทหลวงถอนใจ “แต่สำหรับแล้วพวกเทวานั้นไม่ต่างอะไรกับสัตว์ประหลาดที่ครอบงำชีวิตพวกเรา แล้วเทพที่แท้จริงจะมีตัวตนอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไรกัน โลกเรารับตัวตนเช่นนี้ไม่ได้หรอก ไปฆ่าเธอเสีย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าๆ ในขณะเขากำลังพูดถึงการสังหารหมู่อยู่
“แล้วเทพกับมนุษย์จะรักกันได้หรือ” หัวหน้าบาทหลวงหัวเราะอย่างเย็นชา “ใครจะไปรู้กัน บางทีเทพอาจจะไม่มีความรู้สึกใดๆ ก็ได้ ไปเสีย ไปจัดการเรื่องให้จบเสียวันนี้”
ฟรานเชสโก้เร่งออกไป เขาขับรถไปที่เมืองโอริสตาโนกับสมาชิกทฤษฎีแห่งความเชื่อคนอื่นๆ
แต่พอพวกเขาออกไปจากเมืองได้แล้วก็ต้องหยุดลง เมื่อมีใครบางคนรีบเร่งเข้ามาจากข้างทางหลวงแล้วต่อยเต็มแรงไปที่หน้ารถ เสียงโลหะจากรถดังเอี๊ยดลั่นและยุบลงไป!
ลูกพี่ลูกน้องของคอรัลและสมาชิกคนอื่นๆ ยืนอยู่กลางถนน “กำลังจะไปที่นั่นกันอยู่เหรอ ยากหน่อยนะ เจ้าแห่งทวยเทพของเราตกหลุมรักเข้าให้แล้ว อย่าคิดไปรบกวนพวกเขาล่ะ”
จากนั้นก็มีเสียงเปาะแปะตามมา ฝนกำลังหนักลงมาจากบนฟ้า
…
“หลี่ว์ซู่…” คอรัลมองดูฝนที่ตกลงมาตรงหน้าต่าง เธอลังเลนิดหนึ่งก่อนถาม “นายเคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่า”
“ไม่เคย” หลี่ว์ซู่ส่ายหัว
“ทำไมล่ะ” คอรัลหัวเราะ “ฉันว่าต้องมีผู้หญิงหลายคนชอบนายแน่ๆ เลย ก็นายทั้งเก่งแล้วก็มีความรับผิดชอบขนาดนี้ หรือว่าพวกนั้นไม่สวยพอ ฉันสวยไหมหลี่ว์ซู่”
หลี่ว์ซู่คิดไปนิดหนึ่งแล้วสารภาพออกไป “เธอสวยมาก แต่มีใครบางคนเคยบอกฉันว่าเราตัดสินใครจากภายนอกไม่ได้หรอก เราจะต้องดูหนังหน้าของตัวเองด้วย”
“หลี่ว์ซู่ นายหล่อเหมือนกันนะ ไม่ใช่หล่อที่สุดหรอก แต่ก็หล่อพอตัว ถ้าหล่อไปกว่านี้ฉันกลัวว่าเดี๋ยวสาวๆ จะมาชอบนายมากเกินไปน่ะสิ อย่างนั้นก็คงน่ารำคาญน่าดู”
ครั้งนี้หลี่ว์ซู่นิ่งเงียบไปนาน เมื่อกี้คอรัลชมหรือด่าเขากันแน่นะ…
“ฉันชอบทำให้คนอื่นรำคาญอยู่เสมอเลยล่ะ” หลี่ว์ซู่พูดอย่างหมดหวัง “ไม่มีใครชอบฉันเลย ที่ประเทศจีนน่ะอย่างกับว่าฉันเป็นเวินเสิน [1]
อย่างนั้นแหละ ทุกๆ คนต่างเลี่ยงฉันไปหมด” คอรัลอึ้งไป
“หรือว่าเพราะนายปากจัดหรือเปล่า เอาจริงๆ ฉันอยากถามมาตลอดเลยว่าทำไมนายต้องทำอย่างนั้นด้วย”
“ลองคิดดูสิ ถ้าฉันอยู่ไปนานๆ แล้วต้องไปงานศพเพื่อนทีละคนคงเจ็บปวดน่าดูนะ แต่สำหรับพวกศัตรูแล้วฉันก็คงจะดีใจที่ได้เห็นพวกนั้นตายไปทีละคน…” หลี่ว์ซู่พูดถึงสื่งที่เคยอ่านเจอออนไลน์มาไปเรื่อย
“แล้วถ้านายตายก่อนล่ะ…” คอรัลถามอีกครั้ง
หลี่ว์ซู่อึ้งไป
ถ้าเขาตายก่อนแล้วพวกศัตรูก็คงจะจุดพลุฉลองน่ะสิ!
แล้วสีหน้าของเขาก็สลดลงทันที “รีบพูดว่า เพ่ย เพ่ย เพ่ย เร็ว”
“แปลว่าอะไรเหรอ เพ่ย เพ่ย เพ่ย” คอรัลได้ยินแล้วก็หัวเราะจนตัวสั่น
“มันจะได้ไล่ความโชคร้ายออกไป สิ่งร้ายๆ ที่เธอพูดไว้เมื่อกี้จะได้หายไปยังไงล่ะ” หลี่ว์ซู่อธิบาย
“เพ่ย เพ่ย เพ่ย เพ่ย เพ่ย เพ่ย…”
“สามทีก็พอแล้ว”
“อ้าว…”
——
[1] เทพเจ้าแห่งความเจ็บป่วยของจีน