ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 697 ฆ่าปิศาจ หรือจะเป็นปิศาจเสียเอง

รถไฟที่ซาร์ดิเนียเหมือนกับเป็นไดโนเสาร์ไทแรนโนซอรัสที่ฝ่าม่านฝนเข้ามานับไม่ถ้วน ราวกับรถไฟกำลังมุ่งหน้าไปที่นรกในพายุ มันดูขัดแย้งแต่ก็สงบสุขในเวลาเดียวกัน  

 

 

ทว่าอยู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากในหูฟังของพวกนักฆ่า  

 

 

“ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นน่ะ” คนฟังลังเลที่จะตอบออกไป  

 

 

“พวกเขาสองคนเข้าไปในห้องน้ำ แล้วบางทีก็ได้ยินพวกเขาพูดกันว่า โอ๊ย โอ๊ย ออกมา ดูไม่ปกติเลยครับ…”  

 

 

คนฟังอีกฝั่งหนึ่งเงียบไป มันควรจะมีการฆ่ากันหรือทำร้ายกันสิ ทำไมถึงแบบเป็นนี้ไปได้!  

 

 

“แล้วได้เคลื่อนไหวอะไรหรือยัง” อีกฝั่งหนึ่งถามต่อ  

 

 

“เราสู้พวกเขาไม่ได้เลยครับ คู่ต่อสู้เป็นคนระดับ B แน่ๆ แล้วการโจมตีของเขาก็แปลกๆ ด้วย” ฆาตรกรคนนั้นพูด  

 

 

“ตอนนี้รถไฟอยู่ไหนแล้ว”  

 

 

“รถไฟจะไปถึงโอริสตาโนอีกยี่สิบนาที และจะไปถึงสถานีอีกสามสิบนาทีครับ”  

 

 

“พวกเราอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว พวกแก่นความเชื่อก็อยู่ที่นี่หมดเลยเหมือนกัน พอรถไฟมาถึงสถานีแล้วอยู่บนรถไฟต่อไปนั่นแหละ บอกให้ทุกคนไม่ต้องเคลื่อนไหวไปไหน และรอโจมตีพร้อมกับคนอื่น”  

 

 

…  

 

 

“แบบนี้ได้หรือเปล่า” คอรัลถามขณะที่อยู่ในห้องน้ำกับหลี่ว์ซู่  

 

 

“ขอบคุณนะ ได้แล้วล่ะ” หลี่ว์ซู่ถอนหายใจออกมา  

 

 

ขณะที่เขาพูดอยู่นั้นก็มีกระบี่แสงเล็กๆ บินออกมาจากจุดชี่ไห่เสวี่ยซาน สายฟ้าสีขาวล้อมรอบกระบี่พวกนั้นไว้ กระบี่ต้นแบบกว่าแปดร้อยเล่มในจุดชี่ไห่เสวี่ยซานก็ถูกสายฟ้านั้นล้อมรอบไว้เหมือนกัน  

 

 

เมื่อเขาเผชิญหน้ากับการลงโทษของสวรรค์ไปแล้ว ก็เหลือกระบี่ต้นแบบกว่าสามร้อยเล่มในจุดชี่ไห่เสวี่ยซานของเขาเท่านั้น แปลว่าเขาผลิตกระบี่แสงออกมาได้แค่สามร้อยเล่มเท่านั้น  

 

 

พอเขาเห็นสายฟ้าพวกนี้แล้วหลี่ว์ซู่ก็คาดว่าถ้าเขามีกระบี่ต้นแบบมากกว่าหมื่นเล่มในจุดทะเลชี่ไห่เสวี่ยซานแล้วเหมือนกับหลี่เสียนอี เขาก็คงเปลี่ยนกระบี่ต้นแบบพวกนั้นเป็นกระบี่แสงสายฟ้าได้หมด  

 

 

คอรัลไม่ได้ใช้พลังมากมายอะไรในการ ‘ชาร์จ’ หลี่ว์ซู่ แต่หลี่ว์ซู่ทำเธอประหลาดใจมาก  

 

 

คอรัลเข้าใจแล้วว่าเธอเข้าใจหลี่ว์ซู่ผิดไป หลี่ว์ซู่แค่อยากได้สายฟ้าของเธอมาเพิ่มพลังกระบี่แสงของของ เธอมองกระบี่แสงสายฟ้าเล็กๆ พวกนั้นอย่างสงสัย  

 

 

“สายฟ้าพวกนี้มาจากที่ฉันช็อตไฟฟ้าเธอไปเหรอ”  

 

 

“ถูกต้อง” หลี่ว์ซู่พูดแล้วพยักหน้ารับ  

 

 

“งั้นแปลว่ายิ่งฉันช็อตเธอไปเท่าไหร่ก็ยิ่งผลิตเยอะขึ้นเท่านั้นใช่ไหม” คอรัลถามขึ้นมา  

 

 

เธอเพิ่งคิดออก ถ้าชะตาของเธอต้องลาโลกนี้ไปจริงๆ เธอก็คงจะเอาสายฟ้าของเธอให้หลี่ว์ซู่ได้สินะ ถ้าทำแบบนั้นแล้วจะเหมือนว่าเธออยู่เคียงข้างเขาตลอดไปใช่ไหมล่ะ  

 

 

คอรัลกำลังจะช็อตไฟฟ้าไปที่หลี่ว์ซู่อีกรอบหนึ่ง แต่หลี่ว์ซู่หยุดเธอไว้ก่อน “พอแล้วล่ะ พอแล้ว…”  

 

 

พวกเขากำลังจะถึงที่โอริสตาโนกันแล้ว ต้องเตรียมตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  

 

 

หลี่ว์ซู่พาคอรัลกลับมานั่งที่ เขาเพิ่งสังเกตว่าบรรยากาศรอบๆ ดูแปลกไป  

 

 

ผู้ชายที่เล่นกีตาร์เริ่มหัวเราะออกมาเสียงดัง “เป็นคนหนุ่มสาวนี่ดีจังเลยนะ…”  

 

 

หญิงชราก็หัวเราะออกมาเหมือนกัน พวกเขาทำเหมือนกับไม่ใส่ใจพวกนักฆ่าข้างนอกเลย แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามีคนที่มีจิตใจอำมหิตรออยู่ที่สถานี  

 

 

พวกเขากำลังจะถึงที่สถานีในอีกสิบนาทีข้างหน้าแล้ว รถไฟที่มุ่งหน้าไปนรกนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ  

 

 

แล้วรถไฟก็ค่อยๆ ลดความเร็วเพื่อจอดที่สถานี เสียงประกาศเป็นภาษาอิตาลีที่มีน้ำเสียงสุภาพดังขึ้นไปทั่วขบวนรถไฟ  

 

 

“สวัสดีค่ะท่านผู้โดยสาร สถานีนี้ถือโอริสตาโน สถานีปลายทาง ขอให้เที่ยวอย่างสนุกนะคะ”  

 

 

หลี่ว์ซู่มองออกไปนอกหน้าต่าง มีป่ามืดอยู่ข้างนอกและมีร่างของคนหลายคนยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน เขามองแล้วถามคอรัลยิ้มๆ “พร้อมหรือยัง”  

 

 

เธอยิ้มตอบแล้วพยักหน้า  

 

 

ถ้าโลกข้างนอกรถไฟเป็นนรกขุมที่ลึกที่สุด พวกเขาก็จะบดขยี้นรกขุมนี้ไปด้วยกัน  

 

 

พวกนักฆ่าเริ่มหลีกทางให้พวกเขาสองคน พวกนักฆ่าพวกนี้ได้รับคำสั่งมาว่าไม่ต้องหยุดพวกเขาไว้และรอคำสั่งอยู่ในรถไฟนี้ แต่ด้ายสีเทาจากกระบี่เฉวียอินอยู่ๆ ก็เคลื่อนไหวและเจาะทะลุไปในหัวใจของพวกฆาตรกร  

 

 

สำหรับหลี่ว์ซู่แล้ว ความรู้สึกและความทรงจำดีๆ ได้หายไปเรียบร้อย เขาเตรียมตัวที่จะฆ่าพวกปิศาจหรือเป็นปิศาจในสายตาของคนอื่นเสียเอง  

 

 

ในขณะที่พื้นดินบนถนนของเมืองทางใต้มีเลือดปะปนอยู่ในฝนที่ตกลงมาอย่างหนักแบบไม่น่าพิสมัย  

 

 

ลูกพี่ลูกน้องของคอรัลกำลังโกรธและยืนอยู่ตรงกลางถนนอย่างหมดแรง เลือดของเขาไหลออกมาจากแขนและขามารวมกันที่ปลายนิ้ว ก่อนจะหยดลงบนพื้นทีละหยด ทีละหยด  

 

 

ส่วนสมาชิกกลุ่มเทวาข้างหลังเขาก็กำลังเจ็บหนักเหมือนกัน การต่อสู้มาถึงจุดจบแล้ว ทุกคนเตรียมตัวจะเสียสละทุกอย่างและทำมันให้ดีที่สุด  

 

 

ฟรานเชสโก้ที่กำลังยืนอยู่ตรงข้ามเขาก็ดิ้นรนอย่างหนักอยู่เช่นกัน เสื้อคลุมสีขาวของเขาขาดวิ่น และแขนซ้ายของเขาแทบจะไม่มีแรงแล้ว  

 

 

พวกเทวาปกติแล้วจะเป็นพวกใจดีและสุภาพ แต่ก็ไม่มีใครดูถูกความสามารถของพวกเขาเลย พวกเขามีสัญชาติญาณการต่อสู้ของไททันและความแข็งแกร่งอยู่ในสายเลือด  

 

 

ฟรานเขสโก้หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “คิดเหรอว่ามาถ่วงเวลาฉันไว้อย่างนี้แล้วจะช่วยพวกนั้นได้ ทั้งยุโรปจ้องจะฆ่าพวกเขาทั้งนั้น คิดว่าไอ้หนุ่มนั่นจะปกป้องเธอได้อีกนานเท่าไหร่กัน โอริสตาโนกลายเป็นนรกหมดแล้ว พวกเขาเดินเข้าไปติดกับชัดๆ”  

 

 

ลูกพี่ลูกน้องของคอรัลยักไหล่ แต่ก็ไม่ได้เห็นชัดเจนเท่าไหร่เนื่องจากเขาขยับแขนอีกข้างไม่ได้ มันดูน่าตลกมากกว่า “แล้วคิดบ้างไหมว่าแกเสียกำลังคนไปกี่คน ฉันเห็นพวกคนหนุ่มๆ ที่เกาะช้างมารอบหนึ่งแล้ว ไม่ใช่แค่แกที่ดูถูกเขาคนเดียวหรอก ทั้งโลกก็ดูถูกเขาเหมือนกัน”  

 

 

“หลีกไป” ฟรานเชสโก้พูดเสียงเย็น แล้วลูกพี่ลูกน้องของคอรัลก็ดูจะหมดหนทางแล้ว  

 

 

“จะต้องให้บอกอีกกี่รอบ…” เขากัดฟันแน่น “วันนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้ใครผ่านไปได้หรอก!” เขาต้องค่อยๆ หายใจในระหว่างการพูดนั้น  

 

 

ฟรานเชสโก้มองดูนาฬิกาข้อมือแพงๆ ที่ตกแต่งอย่างประณีตรุ่นขายจำนวนจำกัดของตัวเอง เขาหัวเราะออกมา “ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำให้แกได้ยินข่าวร้ายที่สุดแบบไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”  

 

 

ในขณะที่พูดนั้นเขาก็หยิบเอาโทรศัพท์ออกมาโทรหาคนของแก่นความเชื่อที่รับผิดชอบในโอริสตาโน แต่ไม่มีใครรับโทรศัพท์เลย ฟรานเชสโก้เริ่มจะมีลางสังหรณ์ไม่ดีเสียแล้ว  

 

 

“โทรไม่ติดเหรอ” ลูกพี่ลูกน้องของคอรัลฉีกยิ้ม “ฉันว่าฉันรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น”  

 

 

“เกิดอะไรล่ะ” ฟรานเชสโก้มองกลับอย่างน่ากลัว  

 

 

“ก็สัญญาณในโลงศพมันไม่ค่อยมีน่ะสิ ฮ่าๆๆ …แค่กๆๆ” ลูกพี่ลูกน้องของคอรัลและคนอื่นๆ จากกลุ่มเทวาหัวเราะกับมุกตลกร้ายนั้น พวกเขาหัวเราะเยอะจนกระทั่งไอออกมาเป็นเลือด  

 

 

ฟรานเชสโก้ยืนอยู่ในสายฝนแล้วดึงกระบี่ออกมา กระบี่ก่อนหน้านี้ของเขาถูกหลี่ว์ซู่ขโมยไป แต่กลุ่มแก่นความเชื่อไม่เคยขาดอาวุธหรอก เขาเห็นแล้วว่ากลุ่มเทวาจะสู้จนกระทั่งตัวตาย  

 

 

“จะมาไร้สาระกันอยู่ทำไมล่ะ” ลูกพี่ลูกน้องของคอรัลไอเป็นเลือดออกมาอีกรอบแล้วเขาก็ถ่มมันลงพื้น “มาสู้กันให้จบไปเลยในครั้งเดียวดีกว่า!”  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset