ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 698 กระบี่แสงสายฟ้า 800 เล่ม

หลี่ว์ซู่พาคอรัลออกไปในสายฝน เหมือนกับว่าเขากำลังจับมือคู่ของเขาเข้าไปในงานเลี้ยงและมีพรมแดงปูไว้ให้ เว้นเสียแต่ว่าพรมแดงที่ว่านั่นเป็นเลือดที่ไหลนอง

 

 

เลือดสดๆ ไหลลงมาจากประตูรถไฟ ข้างหลังหลี่ว์ซู่และคอรัลมีศพของนักฆ่ามากว่าสิบคนกองอยู่

 

 

นี่มันเป็นค่ำคืนของปิศาจจริงๆ พวกปิศาจเองก็อาจจะเสียหน้าเองก็ได้ที่ไม่มีความสามารถในการทำให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้เหมือนที่พวกเขาทำ

 

 

ตอนนี้มีเสียงซ่าๆ อยู่เหนือหัวของพวกเขา และมีแสงเจิดจ้าส่องลงมาที่พวกเขาเหมือนเป็นไฟสปอตไลท์บนเวที หลี่ว์ซู่มองขึ้นไปข้างบนแล้วพูดว่า “เอาจริงเหรอเนี่ย พวกเขาถึงกับเอาเฮลิคอปเตอร์มาด้วยเลย”

 

 

เขายกมือขึ้นและด้ายสีเทาเหล่านั้นก็ยกตัวสูงขึ้นในสายฝน ทันใดนั้นก็เกิดรูเจาะบนเฮลิคอปเตอร์ไปทั่วกว่าสามสิบหกรู ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ส่งเสียงบาดแก้วหูและพยายามยื้อต่อไม้ยอมดับ แต่ดึงเวลาไปก็ไร้ประโยชน์ ทางฝั่งขวาของเฮลิคอปเตอร์ติดไฟขึ้นมาอย่างฉับพลัน และยักษ์ใหญ่ตัวนี้ก็เอียงไปข้างๆ จนถลาลงมาตามแรงโน้มถ่วง

 

 

เทคโนโลยีแบบนี้ทำอะไรผู้บำเพ็ญระดับ B ไม่ได้หรอก เพราะมันมีจุดอ่อนมากเกินไป

 

 

ตลอดเวลามานี่หลี่ว์ซู่ใช้ความสามารถธาตุน้ำของตัวเองปกป้องคอรัลจากฝนมาตลอด เขาไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของเธอเสียหายแม้แต่นิดเดียว หลี่ว์ซู่ดีใจที่คนขี้แพ้อย่างเขาได้มีโอกาสปกป้องเทพีผู้เป็นความใฝ่ฝันของผู้ชายหลายๆ คนในวันนี้ เขาเป็นอัศวินของเธออย่างเต็มตัวแล้ว

 

 

พวกสมาชิกแก่นความเชื่อยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นร้อยๆ คน พวกเขาดึงกระบี่ออกมาไขว้กันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไร้ที่ติ สายฝนที่ตกลงมาทำให้เหมือนมีสายน้ำสายเล็กๆ ไหลลงมาจากกระบี่

 

 

“พวกมันมากันเยอะมากเลย” หลี่ว์ซู่ถอนหายใจ “รู้ไหมมีเรื่องน่าสนุกเกิดขึ้นตอนฉันไปเจอระดับ B สองคนโดยบังเอิญที่แอฟริกาด้วย”

 

 

คอรัลได้ยินแล้วก็สนอกสนใจ เธอเอียงคอถาม “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

 

 

“ตอนสู้กันน่ะ สองคนนั้นร่วมงานกันอย่างน่าทึ่งมากๆ ผู้มีพลังธาตุโลหะจะเป็นคนโจมตี และผู้มีพลังสายพละกำลังจะเป็นคนป้องกัน พวกเขาเข้าขากันดีมากๆ ฉันล่ะชื่นชมเลย มิน่าล่ะที่พวกเขามีความกล้าจะมาฆ่าราชันฟ้าได้ ผู้มีพลังธาตุโลหะจะเคลื่อนไหวไปไหนตามใจได้ และผู้มีพลังสายพละกำลังจะคอยปกป้องเขาอยู่อย่างนั้น” หลี่ว์ซู่บอก

 

 

“แล้วยังไงล่ะ” คอรัลยังไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อ

 

 

“ฉันหมายถึงว่า” หลี่ว์ซู่สูดหายใจเข้าลึกและสีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นมา “เธอไปสนุกให้เต็มที่เลย เดี๋ยวฉันจะปกป้องเธอไว้เอง”

 

 

การปกป้องของคอรัลปกติแล้วจะใช้หุ่นอัศวินสองตัว แต่ทั้งสองตัวยังบาดเจ็บจากแผลจากรอยแยกบนกุงเนียร์อยู่ และการฟื้นฟูของคอรัลก็เป็นไปอย่างช้าๆ ด้วย

 

 

พวกเขาจะต้องเสริมกำลังของตัวเองจากพลังของคอรัล แต่คอรัลเองก็ต้องเอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อน

 

 

ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เพราะเธอมีหลี่ว์ซู่แล้วนี่นา

 

 

ด้ายทั้งสามสิบหกเส้นของกระบี่เฉวียอินกลับมาจากบนฟ้าแล้ว หลี่ว์ซู่รวบรวมด้ายพวกนั้นให้หมุนเหมือนกำแพงกระบี่เพื่อปกป้องคอรัลที่อยู่ตรงกลางแทนที่จะส่งมันขึ้นฟ้าไปอีกรอบ

 

 

หลี่ว์ซู่ดึงกระบี่เฉิงอิ่งออกมาจากตราแผ่นดิน เขายืนอยู่หน้าคอรัลด้วยความมั่นคง

 

 

หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกชื่นชมพวกฮีโร่ในซีรีส์ที่ฉายในโทรทัศน์เหมือนกันนะ พวกเขาดูน่าทึ่งมากๆ แต่เขาไม่เคยอยากจะเป็นแบบพวกยอดมนุษย์พวกนั้นเลย เพราะเขาไม่อยากจะช่วยให้โลกรอดพ้นจากอันตรายอะไรทั้งนั้น

 

 

เขาก็แค่เป็นผู้ชายน่ารำคาญคนหนึ่งที่ขายไข่ต้มและเต้าหู้เหม็นเท่านั้น และการกวนประสาทคนอื่นก็เหมือนจะเป็นพรสวรรค์ของเขา นี่อาจจะฟังดูตลก แต่เขาอาจจะกลายเป็นปิศาจในอีกวันหนึ่งก็ได้ เพราะชื่อเสียงของปิศาจนั้นถูกสร้างจากชีวิตและโครงกระดูกของมนุษย์

 

 

พวกคนบนรถไฟคนอื่นๆ ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากการฆ่าฆาตรกรพวกนั้น พวกเขามองออกมาจากหน้าต่างอย่างตื่นเต้น หญิงชราคนเดิมตะโกนมาให้กำลังใจหลี่ว์ซู่ “เธอเป็นเด็กดีนะ ปกป้องเธอให้ดีล่ะ!”

 

 

หลี่ว์ซู่หันไปแล้วโบกมือให้กับเพื่อนๆ ของเขาที่เพิ่งเจอบนรถไฟ คอรัลเห็นฉากนั้นก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจไปหมด

 

 

“ฉันจะบอกความจริงให้นะหลี่ว์ซู่ เธอเป็นพรที่ฉันขอมาตลอดเลย” คอรัลพูดออกมาเบาๆ หลี่ว์ซู่ฟังแล้วก็งง ๆ

 

 

“เธอพูดเรื่องอะไรน่ะ”

 

 

“ปีที่แล้วฉันโยนเหรียญขอพรที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ฉันขอไปว่าให้พระเจ้าส่งฮีโร่มาให้ฉันหน่อย แล้วเธอก็มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันนี่แหละ” คอรัลบอกยิ้มๆ

 

 

“เป็นครั้งแรกที่ได้ยินอะไรแบบนี้เลยนะเนี่ย จะตอบกลับยังไงดีล่ะ” หลี่ว์ซู่เขินหน้าแดง

 

 

“คนโง่” คอรัลแกล้งทำเป็นโกรธ เธอพึมพำออกไป

 

 

หลี่ว์ซู่ยิ้มตอบให้เธอ เขาไม่อยากเป็นฮีโร่ให้กับโลกนี้เลย แต่ถ้าเป็นฮีโร่ของเธอก็พอได้อยู่

 

 

พูดกันตรงๆ แล้วเขารู้สึกถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในการเป็นฮีโร่เลย ทันใดนั้นฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก็เหมือนมีอะไรบางอย่างน่ากลัวซ่อนไว้อยู่ เมื่อมองดูใกล้ๆ แล้วก็เห็นเป็นสายฟ้า แต่ไม่ใช่สายฟ้าที่มาจากบนฟ้า

 

 

มันเป็นพายุฝนกระบี่ที่มากับสายฟ้าของคอรัล กระบี่สายฟ้าทั้งแปดร้อยเล่ม โฉบตัดผ่านม่านสายฝนอย่างกับเครื่องเกี่ยวข้าวขนาดใหญ่ และพวกคนที่อยู่ข้างล่างก็เป็นต้นข้าวที่กำลังถูกเก็บเกี่ยว

 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงโหยหวนไปทั่วสนามต่อสู้ หยดฝนตกลงมาจากฟ้าไปโดนสมาชิกคนหนึ่งของแก่นความเชื่อ แต่มันไม่ได้หยดลงผิวหนังแบบหยดฝนทั่วไป มันกลับโจมตีเข้าไปในไหล่ของคนคนนั้น เจาะผ่านกระดูกและเนื้อของเขา

 

 

ถ้ามันตกลงบนหัวของเขาจะเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ…

 

 

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนทหารมากมาย แต่พวกผู้บำเพ็ญระดับ D ไม่ได้ติดเกราะวิญญาณชี่ไว้เพื่อป้องกันจากโจมตีของกระบี่ ทหารพวกนั้นก็เลยล้มลงบนพื้นทีละคน เลือดของพวกเขาผสมเข้าไปกับน้ำฝนจนไหลไปตามรางรถไฟ

 

 

ตอนนี้มีเสียงฝีเท้าวุ่นวายเต็มไปทั่วในสายฝน คนนำทัพคือระดับ B สองคน และมีกลุ่มคนอีกสิบคนพุ่งเข้ามาหาหลี่ว์ซู่ เขาไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย และถือกระบี่เฉิงอิ่งไว้รอปกป้องคอรัลอยู่อย่างนั้น

 

 

ร่างกายของเขาเตรียมพร้อมต่อสู้กับศัตรูและตอบสนองตามความต้องการของเขาอย่างแท้จริง กล้ามเนื้อทุกมัดของเขาแข็งแกร่งอย่างกับเหล็กกล้า

 

 

คอรัลปล่อยสายฟ้าออกมาและมันวิ่งไปทั่วท้องฟ้าและส่องสว่างไปทั่ว จากนั้นสายฟ้าก็ฟาดลงมาบนพื้นโลกอย่างกับหอก และพร้อมที่จะทำลายทุกอย่างให้แตกเป็นเสี่ยงๆ!

 

 

แต่เมื่อปล่อยสายฟ้าออกมาคอรัลก็เกือบจะได้ยินเสียงแตกบนกุงเนียร์ในร่างของเธอ เธอตัดสินใจจะไม่ใช้กุงเนียร์ ไม่ใช่เพราะว่าเธอกลัวตาย แต่ว่าเธออยากใช้เวลาที่มีคุณค่านี้กับหลี่ว์ซู่ให้นานที่สุด

 

 

แต่เธอดูเหมือนจะดูถูกความสามารถของหลี่ว์ซู่ไปหน่อย คอรัลคิดมาเสมอว่าชายหนุ่มคนนี้นั้นแข็งแกร่งมากพอ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งมากกว่าที่เธอคิดไว้เยอะมาก

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset