พวกเขารอหลี่ว์ซู่มารับช่วงการฆ่านี้ต่ออยู่แล้ว ยกตัวอย่างว่าพวกเขาจะสู้อย่างเอาเป็นเอาตายข้างหลี่ว์ซู่ ไม่ว่าเขาจะบาดเจ็บแค่ไหน เฉินจู่อานก็อยากจะตะโกนออกไปว่า ‘เฉินจู่อานอยู่นี่แล้ว ใครอยากจะเข้ามาสู้กับฉันบ้าง’ แต่ตอนนี้เขาทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะพวกเขาไม่มีอย่างอื่นจะทำกันแล้ว…
ทันใดนั้นวิญญาณกระบี่เล็กๆ ก็ปรากฏอยู่หน้าซาตาน!
ซาตานค้อมโค้งตัวลงเหมือนกับกุ้งที่สุกแล้ว โอ๊ย…
เมื่อหลี่ว์ซู่เห็นแบบนั้นเขาเองก็ตกใจเหมือนกัน งั้นวิญญาณกระบี่ตัวนี้ก็ชอบโจมตีเป้าคนอื่นใช่ไหมเนี่ย เฉินจู่อานมองหลี่ว์ซู่ด้วยความตกใจ เราตกใจได้ แต่พี่ซู่ไม่ควรเป็นคนที่ควรจะมาตกใจในสถานการณ์นี้นะ!
ดีแล้ว เขาไม่ต้องคนคนนี้เรียกว่าซาตานอีกแล้ว น่าจะเรียกเขาว่าขันทีแทน แน่ล่ะว่าหลี่ว์ซู่ยังจะต้องดูว่าวิญญาณกระบี่นี้จะแข็งแกร่งได้มากแค่ไหน ถ้ามันแข็งแกร่งมากกว่านี้หลี่ว์ซู่ก็คงจะนำหน้าการต่อสู้ได้ไปอีกเลยล่ะ
หลังจากเหตุการณ์ประหลาดนี้สมาชิกของดังเคอร์ก็รีบเข้ามาก่อตัวและปกป้องซาตานอย่างรวดเร็ว พวกเขาถอยกลับไปที่ชายฝั่ง สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากองค์กรอื่นๆ ก็คือความสามัคคีและประสิทธิภาพในการประสานงานการโจมตีนี่แหละ
สมาชิกของคาร์เทลเข้ามารวมตัวกันแล้ว แต่หลี่ว์ซู่เริ่มไม่อยากจะสู้ต่อไป เฉินจู่อานมองดูหลี่ว์ซู่อย่างระมัดระวัง เขาควรจะยิ้มออกมาแต่เขากลับทำหน้าเรียบเฉย
“พี่ซู่ งานแต่งผ่านไปด้วยดีหรือเปล่าครับ” เฉินจู่อานเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดี
หลี่ว์ซู่เอนตัวไปที่ประตูโบสถ์แล้วตอบ “เราไม่ได้แต่งงานกันหรอก เลิกกันไปก่อน”
เฉินจู่อานไม่เข้าใจ เมื่อกี้ยังเป็นงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อยู่เลย แต่ตอนนี้เลิกกันแล้วเนี่ยนะ เขานึกไปถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเขามาเมื่อก่อนแล้วก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “อย่างที่คิดไว้เลยว่ารักแรกของพี่ต้องเกี่ยวอะไรกับการบำเพ็ญแน่ ๆ”
“รักแรกไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการบำเพ็ญหรอก แต่เป็นโสดน่ะใช่แน่ๆ” หลี่ว์ซู่ตอบอย่างใจเย็น
[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน +666!]
ทำไมพวกเขาถึงมาพูดเรื่องนี้กันได้ล่ะเนี่ย
เฉินจู่อานมองแผ่นเหล็กบนมือหลี่ว์ซู่แล้วหัวใจเขาก็เกือบหยุดเต้น แผ่นเหล็กนั้นธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อหลี่ว์ซู่ใส่มันแล้วมันก็เหมือนเป็นแหวนที่เต็มไปด้วยความทรงจำเลย
เขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นอ่อนแอแค่ไหนตอนที่หลี่ว์ซู่อุ้มเธอไป
เฉินจู่อานรู้สึกว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของหลี่ว์ซู่ เขาทำใจเย็นแล้วปลอบเขาเบาๆ
“ความรู้สึกเราก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ ผมคบกับตู้เซวี่ยเหมยได้เจ็ดวันก่อนเลิกกันเพราะผมยังไม่รู้จักคำพูดที่ว่า ‘อะไรที่ฟังดูมีเหตุผลเป็นจริงเสมอ และสิ่งที่เป็นความจริงก็เป็นสิ่งที่มีเหตุผล’ เฮเกิลเป็นคนพูดไว้น่ะครับ หลังจากนั้นเธอก็เลิกกับผมไป”
หลี่ว์ซู่หันกลับไปมองเฉินจู่อาน เขาเงียบไปเล็กน้อย “หลู่ซวิ่นเป็นคนพูดไม่ใช่เหรอ”
[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน +666!]
ทันใดนั้นต้นไม้บนถนนของโอลเบียก็แตกหน่อใหม่ ถนนก็เต็มไปด้วยความเขียวขจี
เหมือนกับว่าต้นไม้พวกนั้นจะร่วมเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ด้วย หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย เมื่อใครบางคนพบเห็นต้นไม้ที่ตายไปแล้ว เทศบาลก็ควรจะเอามาเปลี่ยนสิ ตอนนี้มันงอกออกมาใหม่แล้ว ต้นมะนาวนั้นเริ่มจะออกดอกออกมา
ทั้งเมืองก็เต็มไปด้วยดอกไม้บาน หลี่ว์ซู่รู้ว่าทั้งหมดนี่เกิดขึ้นได้อย่างไร
เขาอดมองกลับไปที่โบสถ์ไม่ได้ พวกนี้เป็นการเบิกเนตรสวรรค์ที่เกิดขึ้นเมื่อมีคนเลื่อนขั้นป็นระดับ A นี่!
ผู้หญิงที่อยู่ในโบสถ์ลอยออกมาแล้วบินจากไป เมื่อเธอผ่านประตูออกมาหลี่ว์ซู่ก็ต้องมองข้ามไป เขายังมีแสงแห่งความหวังอยู่ในใจ
แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ผ่านเขาไปเหมือนกับว่าเขาไม่ได้มีความสำคัญไปกว่าคนอื่นๆ ในฝูงชนเลย
แต่คอรัลก็หยุดแล้วลอยอยู่ตรงหน้าหลี่ว์ซู่ เธอจ้องหลี่ว์ซู่แล้วถามออกมา “เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า”
เฉินจู่อานที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาอ้าปากค้าง เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ถึงจะทะเลาะกันแต่ก็ไม่ควรจะทำเป็นไม่รู้จักกันเลยไม่ใช่เหรอ
หลี่ว์ซู่หัวเราะแต่ไม่ได้ตอบคอรัลกลับไป เขารู้สึกเจ็บจี๊ดๆ อยู่ในอก
คอรัลคิดแล้วก็พูดอีก “เธอหล่อดีนะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้หล่อขนาดนั้นก็เถอะ”
คอรัลบินจากไปในทางเหนือ เธอต้องไปช่วยใครบางคน
หลี่ว์ซู่รู้สึกโดดเดี่ยวอยู่หน้าโบสถ์ เขามองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอยแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ
เขาหันมาหัวเราะกับเฉินจู่อานอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “ปะ กลับบ้านกันเถอะ”
เฉินจู่อานเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น หลี่ว์ซู่ไม่ได้รู้สึกดีแน่ๆ เขารีบตอบหลี่ว์ซู่แล้วปลอบเขา “อย่าคิดมาเลยนะครับ ผมคงเป็นคนป่วยที่ป่วยเป็นโรคเดียวกับพี่แหละ ผมเลยรู้สึกเห็นใจพี่มาก ชะตาของเราก็น่าเศร้าเหมือนๆ กันเลยล่ะครับ”
“ไม่นะ ชะตาของนายน่ะน่าเศร้ากว่าของฉันอีก” หลี่ว์ซู่ส่ายหัว
[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน +666!]
นี่ผมพยายามจะปลอบพี่อยู่นะ! เฉินจู่อานอึ้งมาก
แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกออกว่าหลี่ว์ซู่ก็เป็นหลี่ว์ซู่อยู่วันยังค่ำ เขาไม่กลัวหรอกว่าโลกนี้จะทำกับเขาอย่างไร เขาก็คงยังจะเผชิญหน้ากับโลกนี้ต่อไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนั่นแหละ
ถ้าเขาเกิดใหม่หลี่ว์ซู่ก็คงจะตัดสินใจแบบเดิม จนกว่าโลกนี้จะถึงจุดจบและไม่มีแสงส่องสว่างในโลกนี้อีกต่อไป
ธนบัตรใบละห้าสิบหยวนนั้นก็คงจะลอยไปตามแม่น้ำแห่งกาลเวลา
บางคนตัดสินใจที่จะใช้มันในขณะที่คนอื่นตัดสินใจจะฉีกมันออก ถ้ามีใครใช้เงินนั้นไปก็คงจะมีความสุขขึ้นมานิดหนึ่งล่ะมั้ง แต่หลี่ว์ซู่ไม่เคยจะเสียใจกับสิ่งที่ตัดสินใจไปเลย
ลูกพี่ลูกน้องของคอรัลที่นอนอยู่บนพื้นหันไปมองเขตแดนของเมืองทางเหนือ น้ำฝนกระเซ็นบนพื้นโลกโดยที่ด้านข้างของถนนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเล็กน้อย
แล้วเขาก็ต้องอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ “ไม่นะ ฉันหลับสนิทไปเลย! ใครจะรู้ว่าฟรานเชสโก้จะมาเมื่อไหร่กันเนี่ย!”
พวกเขาต่อสู้ไปถึงสองวันสองคืน และทั้งสองฝ่ายก็เหนื่อยเต็มที ขนาดฟรานเชสโก้เองก็ยังไม่อยากจะผ่านพวกเขาไปเลย
แต่หลังจากที่พวกเขาสู้กันเสร็จแล้วพวกเขาก็ไม่มีแรงจะลุกขึ้นมากันแล้ว!
คอรัลตอนนี้ไม่สนกฏฟิสิกส์ใดๆ แล้ว เธอร่อนลงมาหยุดข้างๆ ลูกพี่ลูกน้องของเธอ “เป็นอะไรไหม”
ลูกพี่ลูกน้องของคอรัลมองเธอ ไม่ใช่แค่คอรัลจะไม่ได้รับอันตรายอะไรเท่านั้นนะ แต่เธอยังเลื่อนขั้นไปเป็นระดับ A อีกด้วย เขาดีใจเป็นอย่างมาก “ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร! ฟรานเชสโก้สู้ฉันไม่ได้หรอก!”
สมาชิกของกลุ่มเทวาเงียบไป ทันใดนั้นลูกพี่ลูกน้องของคอรัลก็เห็นมือของเธอ เขาตกตะลึงไป “แล้วแผ่นเหล็กนี้มาอยู่บนนิ้วเธอได้อย่างไรเนี่ย”
คอรัลยกมือขึ้นมาดูแผ่นเหล็กนั้น เธอไม่รู้ว่าเธอไปสวมมันตอนไหน เธอแค่อยากจะสวมมันไปอย่างนั้น
เธอให้ค่าแผ่นเหล็กนี้อย่างมาก ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมีความสำคัญกับเธอขนาดนั้น
คอรัลถามกลับ “แผ่นเหล็กนี้ไม่สวยเหรอ มันดูแตกต่างจากอันอื่นๆ นะ”
ลูกพี่ลูกน้องของคอรัลเกือบคิดว่าคอรัลไข้ขึ้นให้แล้วสิ แผ่นเหล็กนี้มันแตกต่างจากอันอื่นอย่างไรเนี่ย