ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 710 การเริ่มต้นใหม่

เสียงน้ำหยดก็ดูเหมือนจะจางหายไปในพื้นที่ที่เงียบสงบและมืดมิดนี้ ไม่มีลมหรือไม่มีเสียงอื่นนอกจากเสียงน้ำ

 

 

นี่เป็นเหมือนอีกโลกหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าวุ่นวาย

 

 

และมีคนพูดขึ้นมาอย่างไร้อารมณ์ “ฉันรู้ว่าคุณได้ยินฉันอาร์เคน ตอบฉันมานะ”

 

 

“ฮ่าฮ่า ไม่เจอกันมานานแล้วนะคลาวด์อี” เสียงตอบรับดังมาจากที่ไหนสักแห่งในความมืด

 

 

“พยัคฆ์จื๋อกับฉันพยายามจะเรียกคุณมาในปี 2018 หลายครั้งแล้วนะ ทำไมคุณไม่ตอบเรา”

 

 

“จะให้ฉันตอบไปได้ยังไงในเมื่อคนพวกนั้นตายไปในการต่อสู้ตั้งหลายคนแล้ว” อาร์เคนพยายามจะปกป้องตัวเอง

 

 

“งั้นคุณตายเหรอ” เสียงของคลาวด์อีเย็นเยียบ

 

 

“แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณไม่ใช่กบฏ” เสียงของอาร์เคนเริ่มจะโกรธเกรี้ยวเมื่อถูกถามเช่นนั้น “ทำไมเราถึงโดนเปิดโปงในปีนั้น แล้วทำไมชิ่งอู๋และคนอื่นๆ ถึงตายไปตอนซุ่มโจมตีล่ะ ตอนนี้ก็มีปรมาจารย์หุ่นเชิดแค่สามคนที่รอดชีวิตมาจากทั้งหมดเจ็ดคน ไม่เธอก็พยัคฆ์จื๋อนั่นแหละที่ทรยศเรา ไหนบอกมาสิว่าความสงสัยของฉันมันไม่จริงหรือเปล่า”

 

 

“ไม่มีคนทรยศในหมู่ปรมาจารย์หุ่นเชิดหรอก” เสียงของคลาวด์อีเยือกเย็นอย่างกับน้ำแข็ง คำพูดของเธอชัดเจนและมั่นใจราวกับว่ามันเป็นความเชื่อทางศาสนาที่ไม่สั่นคลอน

 

 

“ฮ่าๆ” อาร์เคนหัวเราะออกมา “ฉันไม่แน่ใจนักหรอก เมื่อก่อนฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว”

 

 

คลาวด์อีดูจะใจเย็นลงแล้ว “เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างเองแหละเราจะอดทนรอการกลับมาอันรุ่งโรจน์ของราชาของเรา”

 

 

“งั้นเธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ” อาร์เคนถามยิ้มๆ “อย่ามาแสร้งว่าไม่ได้อยู่ที่นี่นะพยัคฆ์จื๋อ ใครจะหลบสัมผัสดำมืดของฉันได้”

 

 

แล้วชายวัยกลางคนก็หัวเราะออกมาในความมืดจากนั้นก็ปรากฏตัวออกมา เขาไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น

 

 

คลาวด์อีพูดเสียงเย็นอีกรอบ “ทำไมคุณถึงไม่หยุดราชาตอนเขาเอาต้นไม้แห่งโลกไปให้คนอื่นล่ะ คุณเป็นถึงผู้รักษาต้นไม้นี้นะ คุณอยู่ข้างต้นไม้ในตอนนั้นหรือเปล่า”

 

 

“เธอก็รู้ว่าฉันไปหยุดอะไรในโลกนั้นไม่ได้ ฉันจะต้องพึ่งพาจิตหยั่งรู้ของฉันเพื่อมาที่นี่ นอกจากนี้ฉันยังได้พูดคุยกับเขาด้วย” อาร์เคนตอบเสียงเริงร่า “ราชาองค์ใหม่กำลังจะถือกำเนิดขึ้น และยุคใหม่กำลังจะเริ่มในไม่ช้า ทุกคนภายใต้บัลลังก์นั้นเป็นคนขี้เกียจกันทั้งนั้น อย่างไรก็ตามราชาองค์ใหม่นั้นค่อนข้างแปลกประหลาดอยู่เหมือนกัน”

 

 

“เห็นด้วยเลยล่ะครับ ราชาของเราเป็นคนที่ไม่เหมือนใครเลย แต่พูดก็พูดเถอะว่าผมชอบแบบนี้เหมือนกันนะ” พยัคฆ์จื่อออกความเห็นด้วยเสียงหัวเราะ

 

 

“ฉันจะถามอีกรอบว่าทำไมคุณไม่หยุดเขา!” คลาวด์อีตะโกนออกมาด้วยความโกรธจัด พยัคฆ์จื๋อที่อยู่ข้างๆ ได้ยินก็เงียบไปเลย

 

 

อาร์เคนเงียบไปนาน “ใครบอกว่าฉันไม่ได้หยุดเขาล่ะ แต่ราชาตัดสินใจไปแล้วไม่ว่าฉันจะย้ำไปแค่ไหน อีกอย่างทำไมจะต้องโกรธขนาดนี้ด้วย ต้นไม้แห่งโลกเป็นสมบัติของราชาของเรานะ เขาจะเอากลับมาจากเด็กผู้หญิงคนนั้นเมื่อไหร่ก็ได้”

 

 

“ต้นไม้แห่งโลกไม่ได้อยู่ในการควบคุมของราชาแล้ว” คลาวด์อีหัวเราะเสียงเย็น “ต้องขอบคุณการเตือนของคุณเลยนะเนี่ยที่ราชารู้ได้ว่าต้นไม้แห่งโลกจะรักษาเด็กคนนั้นได้ แล้วคุณเป็นอะไรมากไหมอาร์เคน คิดจะหลอกเราง่ายๆ แบบนั้นน่ะเหรอ”

 

 

“ราชาแสดงเจตจำนงที่แน่นอนของเขาแล้ว แน่นอนว่าฉันต้องรับใช้เขาตามความต้องการของเขาสิ” อาร์เคนอธิบาย”

 

 

“แล้วทำไมคุณถึงต้องไปปิดผนึกความทรงจำของเด็กคนนั้นด้วย ให้ความหวังเธองั้นเหรอ” เสียงของคลาวด์อีเย็นเยียบจนน่าขนลุก จิตสังหารของเธอเกือบจะเติมเต็มที่นี่ไปหมด

 

 

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าอารมณ์ของเธอแข็งแกร่งมากจนเธอสามารถเปิดรอยแตกบนตราประทับของฉันได้ เธอถามว่าทำไมฉันถึงไปปิดผนึกความทรงจำของเด็กคนนั้นงั้นเหรอ เราจะปล่อยให้ราชาไปมีความรู้สึกแบบนั้นกับคนอื่นได้ยังไง จะปล่อยให้คนที่ควบคุมอารมณ์ได้ทั้งหมดไปมีความรู้สึกที่แท้จริงได้ยังไง!” อาร์เคนตะโกน “คลาวด์อี เธอลืมไปแล้วเหรอว่าราชาองค์เก่าของทวยเทพตายไปแล้ว ตอบมาสิว่าทั้งฉันหรือเธอไม่ได้ไปหยุดเขา แล้วเธอไปปกป้องเขาได้เหรอคลาวด์อี ส่วนพยัคฆ์จื๋อ แกมันเป็นคนบาป ไปลงนรกทั้งสองคนเลยไป!”

 

 

ผ่านไปสักพักคลาวด์อีก็พูดขึ้นมา “อย่าติดกับอดีตไปเลยอาร์เคน คุณบ้าไปแล้ว”

 

 

“บอกมาสิว่าว่าจะให้ลืมไปได้ยังไง!” อาร์เคนดูเหมือนจะบ้าไปแล้วเนื่องจากความโมโห “ราชาไม่ต้องการอารมณ์! นั่นคือสิ่งสกปรกที่ไร้ประโยชน์!”

 

 

“ถ้าราชาไม่ต้องการอารมณ์ทำไมเราให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อเขาล่ะ” คลาวด์อีพูดอย่างใจเย็น “ราชาแสดงถึงเจตจำนงเด็ดขาดของเขาแล้ว มันเรื่องของเขาเอง แต่หน้าที่ของเราคือรับใช้เขาและตายแทนเขาเมื่อจำเป็น จำสิ่งนี้ไว้ ราชาต้องขึ้นสู่บัลลังก์ของเขาด้วยวิธีที่เต็มไปด้วยกระดูกและเลือด ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้ อย่ายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของราชาอีกรอบ ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าคุณเอง ฉันจะบอกราชาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในอนาคตและปล่อยให้เขาตัดสินไป”

 

 

“ฮ่าๆ ฉันคิดว่าเธอทั้งสองคนทำไปแล้วเสียอีก” อาร์เคนเยาะเย้ย “ไม่เป็นไร เราจะได้เห็นกันว่าใครเต็มใจที่จะเป็นกระดูกสันหลังให้ที่บัลลังก์ของราชาของเราจริงๆ ฉันจะฆ่าพวกเธอทั้งคู่เช่นกันถ้าเกิดทรยศขึ้นมา”

 

 

จากนั้นก็เสียงฝีเท้าห่างไกลออกไป หลังจากมีระลอกคลื่นก่อตัวในอวกาศเล็กน้อยโลกก็กลับสู่ความว่างเปล่า

 

 

 

 

เมืองหลวง บนถนนหลิวไห่

 

 

“คอรัลเลื่อนขึ้นเป็นระดับ A แล้ว” สือเสวจิ้นพูดขณะที่กำลังอ่านเอกสารในมือ

 

 

“ซาตานยังมีชีวิตอยู่ เขาทิ้งคนของตัวเองแล้วหนีไปแถมไม่ได้สนใจอะไรเลย คนเยอรมันนี่น่ากลัวจริง ๆ”

 

 

“เกาะของพวกคาร์เทลก็ยังเฉลิมฉลองไปสามวันเต็มๆ สำหรับชัยชนะที่ได้มา…”

 

 

“และหลี่ว์ซู่กับคนอื่นๆ กำลังกลับบ้านแล้ว” พอเขาพูดจบสือเสวจิ้นจึงมองเนี่ยถิง

 

 

“ครั้งนี้นายคิดผิดนะครับ นายบอกว่าดอกไม้ของหลี่ว์ซู่จะเติบโตขึ้นเมื่อเขาไม่ได้หว่าน เขาจะประสบความสำเร็จเสมอเมื่อเขาไม่ได้ตั้งใจ และเขาจะได้ผลลัพธ์อะไรบางอย่างออกมาแม้จะมีวิธีการที่ไม่น่าเชื่อถือ นายเคยพูดถูกในอดีต แต่คราวนี้ล่ะ การเป็นพันธมิตรกับพวกเทวาก็จบไปแล้ว เฉินจู่อานพูดว่าคอรัลความจำเสื่อมแล้ว และข้อมูลของเขาก็น่าจะถูกต้องด้วย”

 

 

เนี่ยถิงได้ยินแล้วก็ไม่อยากจะเปิดตาขึ้นมาเลย “ถ้าไม่ได้พูดถึงการสร้างพันธมิตรแล้ว เขาทำให้องค์กรต่างๆ ในยุโรปอ่อนแอลงไปมาก นี่ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของเราเหรอ นายรู้ไหมว่าเขาฆ่าไปได้กี่คน เกือบจะเทียบเท่ากับของฉันเลยนะ”

 

 

แล้วสือเสวจิ้นก็แก้คำพูดของเขา “นายพูดผิดอีกแล้ว เขาฆ่าไปมากกว่านายตอนยังอยู่ระดับ B อีก มากกว่าไปสองคน”

 

 

สือเสวจิ้นยกนิ้วขึ้นสองนิ้วเพื่อบอกจำนวน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทำสัญลักษณ์แห่งชัยชนะมากกว่า

 

 

ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในสวน “ราชันฟ้าเนี่ยครับ มีสายจากกลุ่มเทวามาครับ พวกเขาอยากพูดสายกับคุณในอีกสิบนาที ตอนนี้คุณว่างหรือยังครับ”

 

 

เนี่ยถิงได้ยินแล้วก็ชะงัก ทำไมถึงอยากจะคุยกับเขาในเมื่อเธอความจำเสื่อมกันนะ เขาเคยอยากจะให้หลี่ว์ซู่ไปสานสัมพันธ์กับเธอเพื่อเป็นพันธมิตรกัน แต่ใครจะไปรู้ว่าหลี่ว์ซู่จะเกือบแต่งงานกับเธอ…

 

 

สายลับคนไหนจะไปแต่งงานกับเป้าหมายกัน น่าทึ่งจริงๆ เนี่ยถิงต้องยอมรับเลย

 

 

“โอนสายมาได้” เนี่ยถิงออกคำสั่ง จากนั้นโทรศัพท์บนโต๊ะหินของเขาก็ดังหลังผ่านไปสิบนาที เขารับโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันทีเหมือนกับว่าเขาได้ยินบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อมาก ๆ

 

 

“แน่นอนสิ! เราอยากจะร่วมงานกับพวกคุณอยู่แล้ว!” จากนั้นเนี่ยถิงก็วางสายไปหลังจากที่บอกลากันอย่างสุภาพไปแล้ว

 

 

เขานวดขมับหลังจากนั้น “แปลกมาก! ต้องมีบางอย่างผิดปกติไปแน่นอน!”

 

 

“เกิดอะไรขึ้นกันครับ” สือเสวจิ้นสับสน เนี่ยถิงมองหน้าสือเสวจิ้นอย่างเงียบ ๆ

 

 

“คนโทรมาบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าแห่งทวยเทพ เขาบอกว่าเจ้าแห่งทวยเทพอยากจะมาเมืองจีนเพราะเธอบอกว่าเธอไปพบรักกับคนนอกโบสถ์มา เธอบอกว่าพวกเขาน่าจะเป็นคู่รักกันมาแต่ชาติปางก่อน เธอยังบอกอีกว่าหลังจากนั้นเธอก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเลย”

 

 

“ชาติก่อนงั้นเหรอ บ้ากันไปใหญ่แล้ว! หรือว่านี่มันจะเป็นรักแท้จริงๆ” สือเสวจิ้นใช้เวลานานกว่าจะตอบกลับมา เนี่ยถิงมองต้นวอลนัทและมีสีหน้าเครียดไปหมด

 

 

“จะเป็นความรักไปได้ยังไง นี่มันเป็นชะตาฟ้าลิขิตชัดๆ”

 

 

[ได้รับแต้มจากเนี่ยถิง +999]

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset