เมื่อหลี่ว์ซู่กลับไปแล้วพวกคนที่ซาร์ดิเนียก็โบกมือลาเขาที่ท่าเรือ ในการเดินทางมาครั้งนี้ เขาเป็นเพื่อนกับคนทั้งเกาะไปแล้ว
เขาจ้องมองที่ผิวน้ำอย่างสงบ ชีวิตของเขาก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เขายังคงเป็นผู้ชายปอนๆ ที่ไม่มีงานแต่งงานยิ่งใหญ่หรือมีแฟนแสนมีเสน่ห์
เฉินจู่อานกลับกลายเป็นผู้ชายที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงที่นี่ หลายๆ คนตกหลุมรักเขาเพราะความเพียรและความกล้าหาญของเขาในระหว่างการต่อสู้กับดังเคอร์
เจ้าอ้วนนี่ไม่สะทกสะท้านกับคำสารภาพของผู้หญิงได้อย่างไรในตอนที่เขากำลังโตเป็นหนุ่มแบบนี้น่ะ เขาก็ยังหยอดเล่นกับผู้หญิงพวกนี้ไป แม้จะพูดภาษาไม่ได้ก็ตาม เขายังคงมั่นใจในตัวเองไปอย่างนั้นถึงจะไม่มีอะไรคืบหน้าในความสัมพันธ์มากนัก
เมื่อเรือสำราญแล่นออกไปจากท่าเรือแล้วก็มีผู้หญิงกว่าสิบคนมาโบกมือลาเฉินจู่อานและร้องไห้กันยกใหญ่
หลี่ว์ซู่ตบหัวเฉินจู่อานไปหนึ่งทีขณะที่เฉินจู่อานกำลังปล่อยตัวตามสบาย หลี่ว์ซู่ตะโกนด่าไป “ฉันบอกให้นายหยุดจีบพวกผู้หญิงพวกนั้นไม่ใช่เหรอ”
“โอ๊ย หยุดนะครับ” เฉินจู่อานวิ่งหนีมือบนหัวเขาไป
“พวกปรมาจารย์หุ่นเชิดเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว” เฉาชิงฉือพูดขณะยืนอยู่ข้างหลี่ว์ซู่ “ระวังไว้ให้ดี นายเคยเจอทั้งสองคนในโบราณสถานเกาะช้างและลบนัวร์มาแล้ว”
หลี่ว์ซู่พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง เขาอยากจะใส่ชุดเกราะสีดำตั้งแต่อยู่ที่ซาร์ดิเนียแล้ว แต่เขาไม่กล้าจนกระทั่งวินาทีสุดท้าย
เพราะเขากลัวว่าเกราะสีดำนั้นจะส่งสัญญาณไปบอกปรมาจารย์หุ่นเชิดว่าเขาเป็นคนที่พวกเขาเจอในโบราณสถานลบนัวร์นั่นเอง
แต่หลี่ว์ซู่คิดว่าเขาไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้นหรอก เขาแค่ไม่อยากจะสร้างปัญหามากมายอีกแล้ว เขาคงจะเป็นเป้านิ่งให้กับระดับ A ทั้งสองคนมาฆ่าเขาง่าย ๆ
หลี่ว์ซู่กังวลใจมาก ทำไมต้องมีคนเก่งๆ ตั้งหลายคนอยากจะมาอัดเขาให้เละด้วยนะ หลังจากการเดินทางครั้งนี้เขาจะเป็นหนามแทงใจของหัวหน้าบาทหลวง และซาตานจะไม่ลืมความอัปยศอดสูที่เขาเจอมาอย่างแน่นอน
หลี่ว์ซู่รู้ดีถึงผลกระทบของการโจมตีของวิญญาณกระบี่ตัวเล็กๆ นั่น แต่เขาก็ยังอยากจะตั้งชื่อให้กับซาตานใหม่อยู่ มันกวนใจหลี่ว์ซู่มานานแต่เขาไม่ยอมแพ้หรอก ไม่งั้นก็จะกลายเป็นความล้มเหลวไปน่ะสิ
หลังจากที่หลี่ว์ซู่จัดการทุกอย่างแล้วเขาก็รู้สึกว่าความคิดแปลกๆ ของเขาได้กลับมาแล้ว
ในขณะนั้นเองพวกสมาชิกแก่นความเชื่อก็ทำตัวเหมือนกับเป็นงูพิษในความมืด พวกเขาแอบถอยร่นกันไปที่เมืองทางใต้หลังจากที่คอรัลเบิกเนตรสวรรค์เพื่อเลื่อนระดับเป็นระดับ A พวกเขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับคอรัลตรงๆ และตัดสินใจหลบอยู่ในปราสาทเพื่อรอดูสถานการณ์ต่อไป
หลี่ว์ซู่หันไปมองเฉิงชิวเฉี่ยวที่ได้แผลมาสิบเอ็ดแผลจากการสู้กับซาตานครั้งใหญ่ สำหรับเฉินจู่อาน เฉิงชิวเฉี่ยว และหันโหยวแล้ว พวกเขาได้แผลมากกว่าคนอื่นๆ มากๆ
เขาไม่รู้ว่าเฉาชิงฉือเลื่อนระดับเป็นระดับ B ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เขารู้ว่าคนระดับ B ในเครือข่ายฟ้ามีเยอะขึ้นแน่นอน ในยุคพลังจิตวิญญาณแบบนี้พวกเขาจะกลายเป็นแกนนำที่แท้จริงขององค์กร ซึ่งจะไม่มีปัญหาการขาดคนที่มีความสามารถเมื่อเปรียบเทียบกับทุกวันนี้แล้ว
ตอนนี้เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวก็มารวมตัวกันรอบๆ พวกเขาเหมือนกัน ทั้งสองคนมีผ้าผันแผลเต็มตัวไปหมด แต่ก็ยังดูสงบกันดีอยู่ ผู้คนมีแนวโน้มที่จะมองโลกในแง่ดีขึ้นและสงบเสงี่ยมหลังจากเผชิญกับชีวิตและความตายทุกครั้งนั่นล่ะ
เฉินจู่อานสั่งไวน์มาแก้วหนึ่งจากเด็กเสิร์ฟ “พี่ซู่ พี่กลายเป็นคนดังหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้เลยนะ ตอนนี้เราก็ปลอดภัยกันแล้ว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้ดื่มด้วยกัน เรามาดื่มกันให้หมดแก้วในคืนนี้กันเถอะ!” พูดจบแล้วเขาก็ยื่นแก้วให้หลี่ว์ซู่และเฉาชิงฉือคนละแก้ว
หลี่ว์ซู่รับแก้วมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เฉินจู่อานเลยพูดว่า “พูดอะไรหน่อยสิพี่ซู่”
เรือสำราญกำลังแล่นผ่านแอฟริกา หลี่ว์ซู่กำลังนึกเพลินๆ ว่าตอนนี้จ้าวหย่งเฉินกำลังทำอะไรอยู่นะ ตอนนี้ความรู้สึกหรือความรักของเขาก็เทียบไม่ได้กับสิ่งยากลำบากที่คนอื่นต้องเจอแล้ว เขาเลยยกแก้วในมือขึ้นมาพูด “แด่อิสระ ความตาย พระอาทิตย์ขึ้น และผู้คน…”
[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน +666!]
[ได้แต้มจากจากเฉาชิงฉือ +66!]
[ได้แต้มจากจากเฉิงชิวเฉี่ยว…]
[ได้แต้มจากจาก…]
เฉินจู่อานงงไปเลย เดี๋ยวก่อนนะพี่ซู่ ทำไมต้องแด่พระอาทิตย์ขึ้นและผู้คนด้วยล่ะ ตอนนี้มันควรจะเป็นแสงจันทร์ไม่ใช่เหรอ
แล้วหลี่ว์ซู่ก็เงียบไปสามวินาที ก่อนที่จะตบหัวเฉินจู่อาน “ก็บอกว่าให้นายหยุดจีบผู้หญิงพวกนั้นไม่ใช่เหรอ” เฉินจู่อานได้ยินแล้วก็อึ้งไปเลย
[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน +666!]
…
เมื่อหลี่ว์ซู่และคนอื่นๆ กลับมาถึงจีนแล้วพวกเขาก็มีคนจากเครือข่ายฟ้าดินมารับ ตั๋วเครื่องบินก็ได้ถูกตระเตรียมไว้แล้ว เฉินจู่อานอุทานอย่างตื่นเต้น “ผมไม่เคยได้รับการดูแลอย่างนี้มาก่อนเลย”
คนอื่นๆ ก็เงียบไป พวกเขาเคยทำภารกิจมาก่อน แต่การได้รับการดูแลอย่างนี้มันหายากมากๆ ไม่ว่าพวกเขาจะไปทำภารกิจเสี่ยงอันตรายมามากขนาดไหนก็เถอะ เพราฉะนั้นคำอธิบายเดียวก็คือสมาชิกในกลุ่มเปลี่ยนไปแค่คนเดียวก็ทำให้การดูแลเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้
หลี่ว์ซู่และเฉาชิงฉือจะกลับไปที่เมืองลั่ว ส่วนเฉินจู่อานจะกลับเมืองหลวงไป เฉิงชิวเฉี่ยวต้องไปที่อวี้โจว ส่วนหันโหยวต้องกลับไปที่ซูเฉิง
หลังจากที่หลี่ว์ซู่บอกลาทุกคนแล้วเขาก็ตามเฉาชิงฉือไปที่ด่านศุลกากร การเดินทางกลับไปที่เมืองลั่วราบรื่นดี จากนั้นเขาก็แยกกับเฉาชิงฉือ แล้วบอกว่าค่อยเจอกันตอนกลับไปเรียนที่วิทยาลัยเมืองลั่ว
จากนั้นหลี่ว์ซู่ค่อยมาคิดว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะกลับถึงบ้านหรือยังนะ เขาได้รับข้อความจากโยวหมิงอวี่มา [ถึงเมืองลั่วหรือยัง ราชันฟ้าเนี่ยบอกว่ามีอะไรอยากจะคุยด้วยเกี่ยวกับการเดินทางไปยุโรปครั้งนี้ เดี๋ยวฉันจะต้องเขียนบันทึกว่าตอนนี้อำนาจในยุโรปเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนแล้วจากปากคำของนาย]
[ได้ครับ ตอนนี้คุณอยู่ไหน] หลี่ว์ซู่กะจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว
[อยู่หน้าบ้านนายแล้ว]
หลี่ว์ซู่รีบกลับบ้านไปเพราะไม่อยากให้โยวหมิงอวี่รอนาน แต่พอเขาถึงบ้านก็ไม่เห็นว่ามีใครรออยู่หน้าบ้าน [คุณอยู่ไหน]
[มองขึ้นมาสิ]
หลี่ว์ซู่มองขึ้นแล้วเห็นว่ามีเสาต้นหนึ่งอยู่ โยวหมิงอวี่ถูกแขวนและแกว่งไปมาเหมือนธงชาติที่กำลังปลิว ถึงกระนั้นเขาก็ยังจับมือถือเพื่อส่งข้อความไปหาหลี่ว์ซู่อยู่
“คุณขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ไงเนี่ย” หลี่ว์ซู่เริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดี “หรือว่าเสี่ยวอวี๋กลับมาถึงบ้านแล้วเหรอ”
“เธอกลับมานานแล้ว หลังจากที่ไปหลงมาแล้วพูดภาษาอื่นไม่ได้ เธอก็เลยกลับมาสั่งให้พวกเราช่วยเธอหาว่านายไปอยู่ไหน เธอยังอยากจะเป็นราชันฟ้าด้วย แต่ว่าเราทำอย่างนั้นไม่ได้อยู่แล้ว…” โยวหมิงอวี่ตอบอย่างใจเย็น
“แล้วมันเมื่อไหร่กันครับ” หลี่ว์ซู่ชะงักไป
“ก็เมื่อฉันกลายเป็นคนติดต่อกับนายแทนจงอวี้ถังนั่นแหละ” โยวหมิงอวี่พูดยิ้มๆ
“แล้วจงอวี้ถังเขาเป็นอะไรหรือเปล่า” หลี่ว์ซู่ยังคงตกใจอยู่
“คิดว่าไงล่ะ ฉันกลายมาเป็นคนติดต่อกับนายแทนตั้งแต่นั้นมาแล้วนะ” โยวหมิงอวี่ยิ้ม
“แล้วคุณได้ทำตามที่เธอสั่งหรือเปล่า” หลี่ว์ซู่มองโยวหมิงอวี่ที่อยู่
“ลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงโดนแขวนอยู่บนนี้ ฉันคงมาคารวะฟ้าดินเล่นมั้ง” โยวหมิงอวี่ยังคงยิ้ม แต่ก็ยังมีความขุ่นเคืองผสมอยู่
[ได้แต้มจากจากเโยวหมิงอวี่ +199]