ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 711 คารวะฟ้าดิน

เมื่อหลี่ว์ซู่กลับไปแล้วพวกคนที่ซาร์ดิเนียก็โบกมือลาเขาที่ท่าเรือ ในการเดินทางมาครั้งนี้ เขาเป็นเพื่อนกับคนทั้งเกาะไปแล้ว

 

 

เขาจ้องมองที่ผิวน้ำอย่างสงบ ชีวิตของเขาก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เขายังคงเป็นผู้ชายปอนๆ ที่ไม่มีงานแต่งงานยิ่งใหญ่หรือมีแฟนแสนมีเสน่ห์

 

 

เฉินจู่อานกลับกลายเป็นผู้ชายที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงที่นี่ หลายๆ คนตกหลุมรักเขาเพราะความเพียรและความกล้าหาญของเขาในระหว่างการต่อสู้กับดังเคอร์

 

 

เจ้าอ้วนนี่ไม่สะทกสะท้านกับคำสารภาพของผู้หญิงได้อย่างไรในตอนที่เขากำลังโตเป็นหนุ่มแบบนี้น่ะ เขาก็ยังหยอดเล่นกับผู้หญิงพวกนี้ไป แม้จะพูดภาษาไม่ได้ก็ตาม เขายังคงมั่นใจในตัวเองไปอย่างนั้นถึงจะไม่มีอะไรคืบหน้าในความสัมพันธ์มากนัก

 

 

เมื่อเรือสำราญแล่นออกไปจากท่าเรือแล้วก็มีผู้หญิงกว่าสิบคนมาโบกมือลาเฉินจู่อานและร้องไห้กันยกใหญ่

 

 

หลี่ว์ซู่ตบหัวเฉินจู่อานไปหนึ่งทีขณะที่เฉินจู่อานกำลังปล่อยตัวตามสบาย หลี่ว์ซู่ตะโกนด่าไป “ฉันบอกให้นายหยุดจีบพวกผู้หญิงพวกนั้นไม่ใช่เหรอ”

 

 

“โอ๊ย หยุดนะครับ” เฉินจู่อานวิ่งหนีมือบนหัวเขาไป

 

 

“พวกปรมาจารย์หุ่นเชิดเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว” เฉาชิงฉือพูดขณะยืนอยู่ข้างหลี่ว์ซู่ “ระวังไว้ให้ดี นายเคยเจอทั้งสองคนในโบราณสถานเกาะช้างและลบนัวร์มาแล้ว”

 

 

หลี่ว์ซู่พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง เขาอยากจะใส่ชุดเกราะสีดำตั้งแต่อยู่ที่ซาร์ดิเนียแล้ว แต่เขาไม่กล้าจนกระทั่งวินาทีสุดท้าย

 

 

เพราะเขากลัวว่าเกราะสีดำนั้นจะส่งสัญญาณไปบอกปรมาจารย์หุ่นเชิดว่าเขาเป็นคนที่พวกเขาเจอในโบราณสถานลบนัวร์นั่นเอง

 

 

แต่หลี่ว์ซู่คิดว่าเขาไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้นหรอก เขาแค่ไม่อยากจะสร้างปัญหามากมายอีกแล้ว เขาคงจะเป็นเป้านิ่งให้กับระดับ A ทั้งสองคนมาฆ่าเขาง่าย ๆ

 

 

หลี่ว์ซู่กังวลใจมาก ทำไมต้องมีคนเก่งๆ ตั้งหลายคนอยากจะมาอัดเขาให้เละด้วยนะ หลังจากการเดินทางครั้งนี้เขาจะเป็นหนามแทงใจของหัวหน้าบาทหลวง และซาตานจะไม่ลืมความอัปยศอดสูที่เขาเจอมาอย่างแน่นอน

 

 

หลี่ว์ซู่รู้ดีถึงผลกระทบของการโจมตีของวิญญาณกระบี่ตัวเล็กๆ นั่น แต่เขาก็ยังอยากจะตั้งชื่อให้กับซาตานใหม่อยู่ มันกวนใจหลี่ว์ซู่มานานแต่เขาไม่ยอมแพ้หรอก ไม่งั้นก็จะกลายเป็นความล้มเหลวไปน่ะสิ

 

 

หลังจากที่หลี่ว์ซู่จัดการทุกอย่างแล้วเขาก็รู้สึกว่าความคิดแปลกๆ ของเขาได้กลับมาแล้ว

 

 

ในขณะนั้นเองพวกสมาชิกแก่นความเชื่อก็ทำตัวเหมือนกับเป็นงูพิษในความมืด พวกเขาแอบถอยร่นกันไปที่เมืองทางใต้หลังจากที่คอรัลเบิกเนตรสวรรค์เพื่อเลื่อนระดับเป็นระดับ A พวกเขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับคอรัลตรงๆ และตัดสินใจหลบอยู่ในปราสาทเพื่อรอดูสถานการณ์ต่อไป

 

 

หลี่ว์ซู่หันไปมองเฉิงชิวเฉี่ยวที่ได้แผลมาสิบเอ็ดแผลจากการสู้กับซาตานครั้งใหญ่ สำหรับเฉินจู่อาน เฉิงชิวเฉี่ยว และหันโหยวแล้ว พวกเขาได้แผลมากกว่าคนอื่นๆ มากๆ

 

 

เขาไม่รู้ว่าเฉาชิงฉือเลื่อนระดับเป็นระดับ B ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เขารู้ว่าคนระดับ B ในเครือข่ายฟ้ามีเยอะขึ้นแน่นอน ในยุคพลังจิตวิญญาณแบบนี้พวกเขาจะกลายเป็นแกนนำที่แท้จริงขององค์กร ซึ่งจะไม่มีปัญหาการขาดคนที่มีความสามารถเมื่อเปรียบเทียบกับทุกวันนี้แล้ว

 

 

ตอนนี้เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวก็มารวมตัวกันรอบๆ พวกเขาเหมือนกัน ทั้งสองคนมีผ้าผันแผลเต็มตัวไปหมด แต่ก็ยังดูสงบกันดีอยู่ ผู้คนมีแนวโน้มที่จะมองโลกในแง่ดีขึ้นและสงบเสงี่ยมหลังจากเผชิญกับชีวิตและความตายทุกครั้งนั่นล่ะ

 

 

เฉินจู่อานสั่งไวน์มาแก้วหนึ่งจากเด็กเสิร์ฟ “พี่ซู่ พี่กลายเป็นคนดังหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้เลยนะ ตอนนี้เราก็ปลอดภัยกันแล้ว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้ดื่มด้วยกัน เรามาดื่มกันให้หมดแก้วในคืนนี้กันเถอะ!” พูดจบแล้วเขาก็ยื่นแก้วให้หลี่ว์ซู่และเฉาชิงฉือคนละแก้ว

 

 

หลี่ว์ซู่รับแก้วมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เฉินจู่อานเลยพูดว่า “พูดอะไรหน่อยสิพี่ซู่”

 

 

เรือสำราญกำลังแล่นผ่านแอฟริกา หลี่ว์ซู่กำลังนึกเพลินๆ ว่าตอนนี้จ้าวหย่งเฉินกำลังทำอะไรอยู่นะ ตอนนี้ความรู้สึกหรือความรักของเขาก็เทียบไม่ได้กับสิ่งยากลำบากที่คนอื่นต้องเจอแล้ว เขาเลยยกแก้วในมือขึ้นมาพูด “แด่อิสระ ความตาย พระอาทิตย์ขึ้น และผู้คน…”

 

 

[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน +666!]

 

 

[ได้แต้มจากจากเฉาชิงฉือ +66!]

 

 

[ได้แต้มจากจากเฉิงชิวเฉี่ยว…]

 

 

[ได้แต้มจากจาก…]

 

 

เฉินจู่อานงงไปเลย เดี๋ยวก่อนนะพี่ซู่ ทำไมต้องแด่พระอาทิตย์ขึ้นและผู้คนด้วยล่ะ ตอนนี้มันควรจะเป็นแสงจันทร์ไม่ใช่เหรอ

 

 

แล้วหลี่ว์ซู่ก็เงียบไปสามวินาที ก่อนที่จะตบหัวเฉินจู่อาน “ก็บอกว่าให้นายหยุดจีบผู้หญิงพวกนั้นไม่ใช่เหรอ” เฉินจู่อานได้ยินแล้วก็อึ้งไปเลย

 

 

[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน +666!]

 

 

 

 

เมื่อหลี่ว์ซู่และคนอื่นๆ กลับมาถึงจีนแล้วพวกเขาก็มีคนจากเครือข่ายฟ้าดินมารับ ตั๋วเครื่องบินก็ได้ถูกตระเตรียมไว้แล้ว เฉินจู่อานอุทานอย่างตื่นเต้น “ผมไม่เคยได้รับการดูแลอย่างนี้มาก่อนเลย”

 

 

คนอื่นๆ ก็เงียบไป พวกเขาเคยทำภารกิจมาก่อน แต่การได้รับการดูแลอย่างนี้มันหายากมากๆ ไม่ว่าพวกเขาจะไปทำภารกิจเสี่ยงอันตรายมามากขนาดไหนก็เถอะ เพราฉะนั้นคำอธิบายเดียวก็คือสมาชิกในกลุ่มเปลี่ยนไปแค่คนเดียวก็ทำให้การดูแลเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้

 

 

หลี่ว์ซู่และเฉาชิงฉือจะกลับไปที่เมืองลั่ว ส่วนเฉินจู่อานจะกลับเมืองหลวงไป เฉิงชิวเฉี่ยวต้องไปที่อวี้โจว ส่วนหันโหยวต้องกลับไปที่ซูเฉิง

 

 

หลังจากที่หลี่ว์ซู่บอกลาทุกคนแล้วเขาก็ตามเฉาชิงฉือไปที่ด่านศุลกากร การเดินทางกลับไปที่เมืองลั่วราบรื่นดี จากนั้นเขาก็แยกกับเฉาชิงฉือ แล้วบอกว่าค่อยเจอกันตอนกลับไปเรียนที่วิทยาลัยเมืองลั่ว

 

 

จากนั้นหลี่ว์ซู่ค่อยมาคิดว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะกลับถึงบ้านหรือยังนะ เขาได้รับข้อความจากโยวหมิงอวี่มา [ถึงเมืองลั่วหรือยัง ราชันฟ้าเนี่ยบอกว่ามีอะไรอยากจะคุยด้วยเกี่ยวกับการเดินทางไปยุโรปครั้งนี้ เดี๋ยวฉันจะต้องเขียนบันทึกว่าตอนนี้อำนาจในยุโรปเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนแล้วจากปากคำของนาย]

 

 

[ได้ครับ ตอนนี้คุณอยู่ไหน] หลี่ว์ซู่กะจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว

 

 

[อยู่หน้าบ้านนายแล้ว]

 

 

หลี่ว์ซู่รีบกลับบ้านไปเพราะไม่อยากให้โยวหมิงอวี่รอนาน แต่พอเขาถึงบ้านก็ไม่เห็นว่ามีใครรออยู่หน้าบ้าน [คุณอยู่ไหน]

 

 

[มองขึ้นมาสิ]

 

 

หลี่ว์ซู่มองขึ้นแล้วเห็นว่ามีเสาต้นหนึ่งอยู่ โยวหมิงอวี่ถูกแขวนและแกว่งไปมาเหมือนธงชาติที่กำลังปลิว ถึงกระนั้นเขาก็ยังจับมือถือเพื่อส่งข้อความไปหาหลี่ว์ซู่อยู่

 

 

“คุณขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ไงเนี่ย” หลี่ว์ซู่เริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดี “หรือว่าเสี่ยวอวี๋กลับมาถึงบ้านแล้วเหรอ”

 

 

“เธอกลับมานานแล้ว หลังจากที่ไปหลงมาแล้วพูดภาษาอื่นไม่ได้ เธอก็เลยกลับมาสั่งให้พวกเราช่วยเธอหาว่านายไปอยู่ไหน เธอยังอยากจะเป็นราชันฟ้าด้วย แต่ว่าเราทำอย่างนั้นไม่ได้อยู่แล้ว…” โยวหมิงอวี่ตอบอย่างใจเย็น

 

 

“แล้วมันเมื่อไหร่กันครับ” หลี่ว์ซู่ชะงักไป

 

 

“ก็เมื่อฉันกลายเป็นคนติดต่อกับนายแทนจงอวี้ถังนั่นแหละ” โยวหมิงอวี่พูดยิ้มๆ

 

 

“แล้วจงอวี้ถังเขาเป็นอะไรหรือเปล่า” หลี่ว์ซู่ยังคงตกใจอยู่

 

 

“คิดว่าไงล่ะ ฉันกลายมาเป็นคนติดต่อกับนายแทนตั้งแต่นั้นมาแล้วนะ” โยวหมิงอวี่ยิ้ม

 

 

“แล้วคุณได้ทำตามที่เธอสั่งหรือเปล่า” หลี่ว์ซู่มองโยวหมิงอวี่ที่อยู่

 

 

“ลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงโดนแขวนอยู่บนนี้ ฉันคงมาคารวะฟ้าดินเล่นมั้ง” โยวหมิงอวี่ยังคงยิ้ม แต่ก็ยังมีความขุ่นเคืองผสมอยู่

 

 

[ได้แต้มจากจากเโยวหมิงอวี่ +199]

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset