ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 720 กองทัพหนูมาถึงแล้ว

“วันนี้เราจะดินข้าวเย็นอะไรกันหลี่ว์ซู่ เธอน่าจะเริ่มทำอาหารได้แล้วนะ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูด

 

 

“เสี่ยวอวี๋” หลี่ว์ซู่ไม่ได้ฟังด้วยซ้ำ เขานั่งลงบนโซฟาและคิดอะไรบางอย่างอยู่นาน “เธอว่ามีตัวอะไรที่ภูเขาจั่งไป๋ ทำไมเนี่ยถิงจะต้องทำตัวลึกลับขนาดนั้นด้วย”

 

 

“คงเป็นข้าวเย็นมั้ง” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ตอบเสียงเรียบ

 

 

[ได้แต้มจากหลี่ว์ซู่ +166]

 

 

ขณะที่หลี่ว์ซู่ทำอาหารอยู่เขาก็มองออกไปที่สวนข้างนอก แล้วเขาก็อึ้งไปเลย “เราตัดหญ้ากันไปเมื่อวานไม่ใช่เหรอ ทำไมมันสูงขึ้นมาถึงเข่าแล้วล่ะ”

 

 

นี่มันเร็วไปแล้วนะ!

 

 

“แปลกตรงไหนกัน เมื่อก่อนเราต้องรอถึงสองเดือนกว่ามะเขือเทศจะออกผล ตอนนี้รอแค่อาทิตย์เดียวเอง แถมมันยังอร่อยกว่าเดิมด้วย” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดสบายๆ

 

 

“จับตาดูเสี่ยวซยงสวี่ไว้ให้ดีๆ ถึงมันจะต้องไปกำจัดหมาแมวจรจัดแต่อย่าให้ลูกน้องมันทำตัวเตะตามาก ถ้ามีคนจับได้ว่าเรามีกองทัพหนูครอบครองอยู่ล่ะก็ เนี่ยถิงจะต้องมายึดไปแน่ๆ” หลี่ว์ซุ่พูด

 

 

ตอนนี้ทั้งโลกกำลังกังวลเรื่องสัตว์กลายพันธุ์ พวกเขาไม่แน่ใจว่าเครือข่ายฟ้าดินรู้หรือเปล่าว่าหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ทำสัญญาอะไรไว้กับเสี่ยวซยงสวี่ แต่คนธรรมดาจะต้องตกใจแน่

 

 

ทุกคนกำลังระมัดระวังตัวเอาไว้ ไม่ว่าเสี่ยวซยงสวี่จะเป็นกระรอกดีหรือไม่ดีก็ตาม ทุกคนก็ยังจะคิดว่ามันเป็นสิ่งคุกคามอย่างหนึ่ง คนธรรมดาจะยอมรับเสี่ยวซยงสวี่ก็ต่อเมื่อมันตายไปแล้วเท่านั้น

 

 

มนุษย์เก่งในการแสวงหาผลประโยชน์และวิ่งหนีออกจากอันตราย ใครอยากจะให้มีอันตรายรอบๆ ตัวกัน

 

 

“เดี๋ยวนะ ต้องมีอะไรแปลกไปแน่ๆ!” หลี่ว์ซู่เห็นปัญหาแล้ว หลังจากที่ทำบะหมี่มะเขือเทศใส่ไข่เสร็จแล้ว เขาก็เช็ดมือและเอาโทรศัพท์ออกมาเพื่อหาอะไรบางอย่างบนกระทู้มูลนิธิ

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เดินมาหาเขา “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

 

 

ทั้งสองคนกำลังดูโทรศัพท์ของหลี่ว์ซู่ และเขากำลังเลื่อนดูกระทู้ต่างๆ [สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในเมืองไม่ใช่ปลวกหรือหมาจรจัด แต่เป็นหนูต่างหาก!]

 

 

อย่างที่คิดไว้เลยว่ากระทู้กว่าหนึ่งในสามจะเกี่ยวกับอันตรายจากหนู มีคนบอกว่าอยู่ๆ หนูก็โผล่มากัดขาโต๊ะ บางคนก็ว่าหนูออกมาโจมตีผู้คน มีกระทู้หนึ่งบอกว่าหนูออกมากินแมวด้วยนะ น่ากลัวเกินไปแล้ว!

 

 

มีใครบางคนอัปโหลดรูปหนูที่โดนฆ่าตายอย่างยากลำบาก มันตัวใหญ่อย่างกับกระต่าย และมีเลือดไหลนองเต็มไปหมด

 

 

ปลวกจะมีอยู่แค่บางพื้นที่ บางที่ก็มีปลวกแต่บางที่ก็ไม่มี

 

 

สำหรับหนูนั้นต่างออกไป เมืองไหนไม่มีหนูบ้างล่ะ

 

 

มีคนถามในกระทู้ไปว่าโลกนี้กลายเป็นโลกในหนังสือที่กำลังจะล่มสลายหรือเปล่า ที่มีสัตว์ร้ายออกมาโจมตีผู้คน ตอนนี้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดก็กำลังออกมาโจมตีผู้คนแล้วใช่ไหม

 

 

หลายๆ คนออกมาสนับสนุนความเห็นนี้ เพราะทุกคนก็รู้สึกถึงอันตรายได้

 

 

แต่หลี่ว์ซู่รู้สึกว่ามันยังจะไม่เกิดขึ้นหรอก ทุกๆ สายพันธุ์มีสัญชาตญาณตามธรรมชาติของพวกมันเอง โชคร้ายที่หลายๆ สายพันธุ์ยังไม่สามารถเอาชนะสัญชาตญาณตามธรรมชาติของพวกมันได้

 

 

ถึงแม้ว่าปลวกจะฉีกกฎของเดิมของ ‘สังคม’ ของมัน แต่พวกมันก็ไม่ได้ทำร้ายมนุษย์ แต่พวกมันกลับสร้างรังที่ใหญ่กว่าเดิมและเข้าโจมตีตึกอาคารต่างๆ แทน

 

 

ยกตัวอย่างเช่น ปกติแล้ววัวจะกินหญ้า และอยู่ๆ พวกมันคงจะไม่หันมากินมนุษย์เพราะมีการเปลี่ยนแปลงนี้หรอก แต่มันจะพยายามปลดแอกตัวเองออกมาจากการควบคุมของมนุษย์แทน สัญชาตญาณของพวกมันจะวิ่งเข้าหาพื้นที่ที่มีพลังจิตวิญญาณเข้มข้นสูง เพราะนี่คือที่มาของวิวัฒนาการของพวกมันนั่นเอง มันจะไม่เหมือนกับเรื่องโลกแตกในหนังสือที่สัตว์จะมากินคนแทนหรอก พวกมันจะไม่มีวิวัฒนาการไปถึงการกินมนุษย์เป็นอาหารแน่ๆ

 

 

สัตว์พวกนี้ยังไม่ได้มีสติปัญญามากขนาดนั้น พวกมันยังไม่สามารถให้แต้มอารมณ์กับหลี่ว์ซู่ได้เลย

 

 

แต่พวกหนูเป็นสัตว์ที่แตกต่างออกไป มันเป็นสัตว์กินไม่เลือก มันกินเนื้อ เพราะฉะนั้นการโจมตีของหนูก็น่ากลัวมาก

 

 

“ฉันไม่คิดเลยว่าเราจะแก้ปัญหางูในหญ้าแบบไม่คาดคิดแบบนี้” หลี่ว์ซู่ตบหน้าผากตัวเอง “ก่อนหน้านี้ฉันเลี้ยงเสี่ยวซยงสวี่ไว้กำจัดสัตว์กลายพันธุ์ มันไปฆ่าหนูตัวที่ไม่ฟังคำสั่ง แล้วตอนนี้หนูทั้งหลายที่อยู่ใต้ดินก็ต้องฟังมันแล้ว ที่อื่นๆ อาจจะมีปัญหาเรื่องหนูกัน แต่ไม่ใช่ในเมืองลั่ว”

 

 

ถ้าไปดูข้อมูลในกระทู้มูลนิธิก็จะเห็นว่าปัญหาหนูนั้นรุนแรงมากแค่ไหน สมาชิกของเครือข่ายฟ้าดินในที่อื่นๆ จะต้องใช้ความพยายามในการกำจัดหนูไปมาก

 

 

แต่ในเมืองลั่วนี้แตกต่างออกไป หนูในเมืองลั่วมาช่วยมนุษย์กำจัดภัยคุกคามอื่นๆ ซะงั้น

 

 

ในเมื่อเหตุการณ์ได้บานปลายออกไปมากขนาดนี้แล้วผู้คนในเมืองลั่วก็ต้องเข้าไปออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง พวกเขาเข้าไปในกระทู้ของมูลนิธิแล้วบ่นว่า [หนูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ ที่บอกว่าพวกหนูฆ่าคนในพื้นที่อื่นๆ นั้นพูดเกินจริงไปหรือเปล่า ไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นในที่ที่เราอยู่เลยนะ!]

 

 

มีคนเสริมเข้าไปอีกด้วยว่า [ไร้สาระที่สุด ฉันไปมาหลายที่แล้ววันนี้ แต่ไม่มีที่ไหนมีปัญหาเรื่องหนูเลย ลองเลื่อนไปดูไทม์ไลน์ของตัวเองด้วย ถ้ามีหนูกัดคนจริงๆ ทั้งไทม์ไลน์ก็คงต้องเต็มไปด้วยข่าวนี้แล้ว]

 

 

[จริง!] มีคนหัวเราะอย่างดูถูก [ชาวเน็ตก็ชอบพูดแต่เรื่องไร้สาระ ปล่อยข่าวปลอมอยู่นั่นแหละ!]

 

 

แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ข่าวลือเสียแล้วสิ…

 

 

ในขณะที่คนอื่นกำลังยุ่งเกี่ยวกับการจัดการกับหนู แต่ในเมืองลั่วกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย ขนาดแมลงใต้ดินยังถูกหนูของเสี่ยวซยงสวี่กำจัดไปหมดแล้ว

 

 

แมลงบางตัวที่รอจะซุ่มโจมตีลูกน้องของเสี่ยวซยงสวี่ถูกทำให้บาดเจ็บไปก่อนแล้ว แต่ในเมื่อหลี่ว์ซู่เอาผลล้างไขกระดูกไปให้เสี่ยวซยงสวี่ในตอนแรก ก็ทำให้กองทัพหนูแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้มีพวกหนูที่อยู่ระดับ F ถึงสามร้อยตัวแล้ว และไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหนๆ ก็จะถูกหนูพวกนี้กำจัดไปได้ง่ายๆ

 

 

เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง พวกเขาควบคุมสายพันธุ์ที่น่ากลัวที่สุดได้แล้ว และโลกใต้ดินนั้นก็อยู่ในการควบคุมของเสี่ยวซยงสวี่

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่คิดว่าพวกเขาจะแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นได้ มีแมลงบางจำพวกที่หนีออกมาบนดิน และแมลงพวกนั้นก็ต้องมีชีวิตอยู่เช่นกัน!

 

 

ในระยะยาวแล้วก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะท้ายที่สุดแล้วแมลงจะเพิ่มจำนวนและเติบโตอย่างแข็งแกร่งในบริเวณใต้ดินเนื่องมาจากระบบบำบัดน้ำเสีย แล้วมันจะเกิดความหายนะที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ในอนาคตแน่ๆ แต่ตอนนี้พวกหนูไล่มันออกไปแล้ว ก็เลยทำให้มีปัญหา

 

 

เช้าวันต่อมาเสี่ยวซยงสวี่เอาลูกน้องของมันไปที่ระบบบำบัดน้ำเสียใต้ดินและกำจัดทั้งระบบออกไป หลังจากที่มันจัดการหมาจรจัดข้างบนพื้นเสร็จแล้วก็ไปจัดการใต้ดินต่อ เมื่อกองทัพหนูได้จัดการอะไรบางอย่างไปแล้ว ก็ไม่มีวัชพืชใบไหนกล้าจะขึ้นมาเลย

 

 

เสี่ยวซยงสวี่ขี่หนูสีเทาด้วยพลังที่น่าเกรงขาม มันสะพายกระเป๋าใบเล็กๆ ไว้บนหลังด้วย ดูน่าขันเหมือนออกมาจากหนังสือการ์ตูน

 

 

แต่เสี่ยวซยงสวี่ไม่ได้สนใจเรื่องรายละเอียดอื่นๆ หรอก มันอยากจะไปรายงานกับหลี่ว์วู่ใจจะขาดว่ามันได้พยายามอย่างสุดความสามารถเลย!

 

 

เสี่ยวซยงสวี่รู้สึกกดดันอย่างมากจากราชาปีศาจสองตัวที่บ้าน มีไม่กี่คนในประเทศนี้หรอกที่จะมีความสามารถมากขนาดนี้ แต่สองคนนี้กลับอยู่ที่บ้านเขาเสียอย่างนั้น

 

 

เมื่อเกิดความขัดแย้งหรือต้องไปสำรวจโบราณสถานที่ไหน พวกเขาก็ไม่เคยเอาเสี่ยวซยงสวี่ไปด้วยเลย พวกเขาไม่เคยรู้เรื่องพลังการต่อสู้ของมันเลย แล้วมันก็ต้องมาทำงานแปลกๆ อย่างล้างจานเสียได้

 

 

มันเป็นสิ่งมีชีวิตแสนสวยที่ออกมาจากโบราณสถานเพื่อมาอยู่บนโลกใบนี้ แต่กลับจะต้องมาเริ่มที่ระดับยากมาก เกมนี้ห่วยชะมัด!

 

 

แต่ตอนนี้มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะเมื่อเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ในเมือง เสี่ยวซยงสวี่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุด และมันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองมีค่ามาก ช่างเป็นเกียรติอะไรแบบนี้!

 

 

เสี่ยวซยงสวี่มันถึงสวนที่บ้านเร็วกว่าที่คิดไว้ และคนที่นั่งอยู่ในสวนที่บ้านของมันก็ถือว่าเป็นครอบครัวของมันทั้งหมด

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset