ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 737 ความลึกลับของหลัวหนาน

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” จางเยี่ยนเฟิงเห็นว่าหลี่ว์ซู่ใจลอยไป เขาไม่รู้ว่าตัวจริงของหลี่ว์ซู่เป็นใคร เขาก็ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าหลี่ว์ซู่ตกใจแค่ไหนที่เข้ามาเห็นรูปของหลัวหนานแบบนี้

 

 

ฐานนี้สร้างขึ้นโดยการนำอาคารชั่วคราวสามอาคารมาเรียงต่อกันเป็นสามเหลี่ยม มีเครื่องทำความร้อนแบบเติมเชื้อเพลิงอยู่ พื้นที่บริเวณหนึ่งมีกล่องใส่อาหารกระป๋องวางเรียงอยู่อย่างเป็นระเบียบ

 

 

หลี่ว์ซู่ส่ายหน้า “ในฐานะที่คุณมีประสบการณ์เรื่องนี้ ลองประมาณได้ไหมครับว่าสถานที่นี้ถูกทิ้งร้างมานานแค่ไหนแล้ว”

 

 

“บอกไม่ได้หรอก” จางเยี่ยนเฟิงตอบ “ปกติแล้วในสถานที่ที่คุ้นเคยจะบอกได้ง่ายกว่า แค่ดูจำนวนฝุ่นก็บอกได้แล้วว่าถูกทิ้งร้างมานานแค่ไหน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่นี่น่ะสิ ก็เลยไม่มีข้อมูลมากพอ”

 

 

“เดี๋ยวนะครับ รอผมตรงนี้นะ” หลี่ว์ซู่พูดจบก็เดินเข้าไปในอาคารชั่วคราว

 

 

“นายไม่กลัวเหรอว่าหวังเจ๋อจะไปถึงก่อน” จางเยี่ยนเฟิงถามอย่าไม่มั่นใจ

 

 

“เขาจะพาพวกเราไปตายแน่ครับ” หลี่ว์ซู่พูดเสียงเรียบ

 

 

จางเยี่ยนเฟิงตกตะลึง ตอนแรกที่หลี่ว์ซู่เข้าร่วมกลุ่มมาด้วยเขาก็รู้แล้วว่าหลี่ว์ซู่อยากจะไปที่หุบเขามรณะ ถ้าเขาเป็นคนธรรมดาจางเยี่ยนเฟิงก็คงไม่คิดอะไรมาก แต่เห็นได้ชัดว่าหลี่ว์ซู่ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเล็งเป้าหมายมาที่หุบเขามรณะโดยเฉพาะ เขารู้อะไรมากกว่าจางเยี่ยนเฟิงแน่ๆ

 

 

น่าจะมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้น ชายหนุ่มอย่างหลี่ว์ซู่ถึงได้มาที่นี่

 

 

หลี่ว์ซู่เปิดลิ้นชักทั้งหมดในอาคารชั่วคราวนี้ออกดูหวังใจว่าจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง เขาเจอสมุดบันทึกการสำรวจ แต่เนื้อหาก็ไม่ได้สำคัญอะไร ดูเหมือนว่าคนในฐานจะไม่ได้รับคำสั่งให้เข้าไปในหุบเขามรณะ แต่พวกเขาต้องมาสังเกตสัตว์กลายพันธุ์ที่นี่แทน

 

 

หลี่ว์ซู่มองดูวันที่พวกนี้ วันที่ล่าสุดที่ปรากฏคือสี่เดือนที่แล้ว

 

 

หลังจากนั้นทุกอย่างก็หายไปหมด ยกเว้นหลัวหนาน

 

 

หลี่ว์ซู่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมา “เราพักกันที่นี่เถอะครับ ผมมีบางอย่างจะต้องทำ”

 

 

มีแสงสีน้ำเงินกะพริบบนภูเขาคุนหลุนจากที่ไกลๆ ภูเขาสีดำทั้งหมดเป็นเหมือนหุบเหวนรก

 

 

ตอนแรกหลี่ว์ซู่ก็อยากจะเดินเข้าภูเขาไปตอนกลางคืนเพื่อไปดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่เขาก็ต้องหยุดความคิดนั้นไว้ก่อนเมื่อมาเจอเรื่องหลัวหนาน เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ก่อน

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่เจอป้ายพนักงานของหลัวหนานที่นี่ ในรูปนั้นมีกลุ่มคนกว่า 20 คนอยู่ หลี่ว์ซู่ยังไม่อยากฟันธงเลยว่าหลัวหนานเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ C ที่ถูกให้มาประจำที่นี่หรือเปล่า ถ้าเขาต้องไปทำงานในที่ทุรกันดารเหมือนคนอื่นๆ ก็คงจะสมเหตุสมผลดีแล้วที่เขาไปอยู่ในรูปนั้นด้วย หลี่ว์ซู่เก็บรูปลงในตราแผ่นดินเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเห็นมัน

 

 

จางเยี่ยนเฟิงไม่ได้ถามอะไรหลี่ว์ซู่ต่อ เขาเดินไปเปิดเครื่องทำความร้อน และข้างๆ ที่ทำความร้อนก็มีเครื่องปั่นไฟอยู่ ตอนนี้ก็เป็นช่วงปลายเดือนมิถุนายนแล้ว แต่เนื่องจากระดับความสูงของภูเขา เลยทำให้อากาศหนาวเย็นมากโดยเฉพาะตอนกลางคืน

 

 

หิมะกำลังก่อตัวขึ้นมาบนภูเขาคุนหลุน อยู่ๆ ข้างนอกก็มีหิมะก็ตกลงมา

 

 

อุณหภูมิในอาคารนี้ค่อยๆ อุ่นขึ้นมา ฐานเล็กก็เหมือนเป็นบ้านหลังเล็กที่อบอุ่น ทุกคนรู้สึกโล่งใจ

 

 

หลี่ว์ซู่ยืนอยู่ตรงประตูของอาคารชั่วคราว เขาจ้องมองไปที่ภูเขาคุนหลุนอย่างใจลอย ทุกคนเริ่มจะเอาเสื้อโค้ทออกมาใส่แล้ว สามีของหวังเยี่ยนขอโทษขอโพยหวังเยี่ยนไม่หยุด แต่เธอก็ไม่คิดจะรับคำขอโทษนั้น หลังจากที่ถูกปล่อยให้อยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาเธอก็ยังใจเสียอยู่ไม่น้อย

 

 

จางเยี่ยนเฟิงเอากาน้ำมาต้มน้ำบนเครื่องทำความร้อน บนที่สูงขนาดนี้ทำให้จุดเดือดของน้ำต่ำมาก ในสถานการณ์ปกติถ้าต้มน้ำให้ได้ 70 องศาเซลเซียสก็จะฆ่าแบคทีเรียส่วนใหญ่ได้แล้ว ซึ่งจะต้องต้มน้ำนานกว่า 20 นาทีเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ทนต่อความร้อน แต่ในที่ทุรกันดารแบบนี้ก็ไม่มีใครสนใจเรื่องนั้นมากกันเท่าไหร่

 

 

จางเยี่ยนเฟิงส่งแก้วน้ำร้อนให้หลี่ว์ซู่ เขามองไปที่แสงสีน้ำเงินที่ส่องสว่างในป่าแล้วถอนหายใจ “สวยจังนะ ครั้งแรกที่มาปีนเขาฉันตามเพื่อนมา ตอนนั้นเป็นครั้งแรกเลยที่เห็นท้องฟ้ากว้างใหญ่ในป่าแบบนี้ จากนั้นฉันก็รู้ว่านี่แหละที่ของฉัน ถ้าเป็นที่อื่นก็ไม่มีทางได้เห็นหิมะในเดือนมิถุนายนหรอก ถ้าเอาเหล้ามาก็คงดีนะ แหม พูดเสียเป็นกวีเลย กลางคืนกำลังย่ำเข้ามาและหิมะกำลังโปรยปราย สหายเอ๋ย จงมาร่ำสุรากับข้าสักถ้วย… [1] เอ ท่อนต่อไปว่ายังไงนะ”

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไปสองวินาทีก่อนตอบ “เมาแล้วขับ กลับไม่ถึงบ้านหรือเปล่าครับ”

 

 

[ได้รับแต้มจากจางเยี่ยนเฟิง +666]

 

 

จางเยี่ยนเฟิงสำลัก เขาถามกลับทันที “แล้วทำไมนายต้องหยุดไปสองวินาทีก่อนตอบทุกทีเลย”

 

 

“ก็ผมจะต้องใช้ความสามารถของผมภายในสองวินาทีไงครับ” หลี่ว์ซู่พูดขณะมองทอดออกไปโดยไม่หันหลังกลับ สีหน้าของเขาเย็นชาอย่างกับหิมะ

 

 

[ได้รับแต้มจากจางเยี่ยนเฟิง +66]

 

 

จางเยี่ยนเฟิงเริ่มรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ งั้นที่ทำให้คนอื่นอับอายขายหน้าก็เป็นความสามารถของนายงั้นสินะ!

 

 

หลี่ว์ซู่หันขวับมามองจางเยี่ยนเฟิง “คุณน่าจะมีโทรศัพท์สัญญาณดาวเทียมติดตัวอยู่ใช่ไหมครับ”

 

 

นักปีนเขาที่มาบ่อยๆ มักจะมีโทรศัพท์สัญญาณดาวเทียมอยู่ จางเยี่ยนเฟิงก็เลยหยิบออกมาจากกระเป๋าใบเล็กของเขาแล้วยื่นให้หลี่ว์ซู่ หลี่ว์ซู่เดินออกไปเพื่อไปโทรศัพท์

 

 

จางเยี่ยนเฟิงร่วมมือกับหลี่ว์ซู่มาตั้งแต่ที่พวกเขาไปเจอหมียักษ์ เขารู้สึกว่าหลี่ว์ซู่เป็นคนลึกลับมาก แล้วชายหนุ่มลึกลับอย่างเขาก็ควรค่าแก่การลงทุน

 

 

แต่เขาไม่แน่ใจเลยว่าชายหนุ่มคนนี้มาจากไหนกันแน่

 

 

หลี่ว์ซู่เดินกลับเอาโทรศัพท์สัญญาณดาวเทียมมาคืนให้จางเยี่ยนเฟิง “เราจะอยู่กันที่นี่สองวันเพื่อรอให้เพื่อนร่วมทีมของผมมา”

 

 

จางเยี่ยนเฟิงอึ้ง “เพื่อนๆ ของนายอยู่ใกล้ๆ งั้นเหรอ”

 

 

“เปล่าครับ พวกเขาอยู่กันที่เมืองหลวงของจังหวัดชิงโจว” หลี่ว์ซู่ตอบ

 

 

“งั้นพวกเขาก็ต้องใช้เวลาห้าถึงหกวันกว่าจะมาถึงนี่นั่นแหละ” จางเยี่ยนเฟิงคำนวณระยะทาง พวกเขาต้องเดินผ่านทะเลทรายคู่มู่คู่หลี่เป็นเวลาสี่วัน และต้องใช้เวลาห้าวันกว่าจะมาถึงที่นี่ ถึงกลุ่มเพื่อนของหลี่ว์ซู่จะเป็นผู้บำเพ็ญทั้งหมดก็เถอะ ยังไงก็ต้องใช้เวลาหกวัน

 

 

“ไม่หรอกครับ สองวันก็พอแล้ว” หลี่ว์ซู่พูดอย่างมั่นใจ ราวกับว่าเขาไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยว่าเพื่อนร่วมทีมของเขาจะไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้ภายในสองวัน

 

 

พวกเขาแข็งแกร่งมากขนาดไหนนะ

 

 

จางเยี่ยนเฟิงที่คิดว่าหลี่ว์ซู่เป็นคนลึกลับ ตอนนี้เขาเริ่มจะรู้สึกแล้วว่าเขาอาจจะดูถูกความสามารถของหลี่ว์ซู่มากไป!

 

 

ทันใดนั้นก็มีใครบางคนเดินออกมาถาม “เราจะทำอะไรต่อจากนี้เหรอ”

 

 

“เราจะหยุดพักสัก 3 วัน ที่นี่มีอาหารกระป๋องให้กิน ดูวันหมดอายุแล้วยังอีกนาน เรามีเชื้อเพลิงเติมไฟฟ้าด้วย” จางเยี่ยนเฟิงตอบ

 

 

“ทำไมเราไม่กลับทางเดิมล่ะ จะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ทำไม” หวังเยี่ยนที่ยืนอยู่นอกประตูพูดเสริมขึ้นมา

 

 

“คุณกลับไปเองเลยก็ได้” หลี่ว์ซู่อย่างสงบ “ไม่มีใครรั้งคุณไว้นะครับ”

 

 

จากนั้นเขาก็เดินออกไปทางภูเขาคุนหลุน ก่อนเขากลับเขาก็บอกกับจางเยี่ยนเฟิงเอาไว้ “ผมจะไปเดินเล่นเสียหน่อย อย่าตามมานะครับ ไม่ใช่ที่ที่คุณจะไปเดินเล่นได้หรอก”

 

 

จางเยี่ยนเฟิงไม่ได้ว่าอะไร เขารู้ว่าขืนตามหลี่ว์ซู่ไปก็เหนื่อยเปล่าๆ ถึงเขาอยากจะพึ่งพาหลี่ว์ซู่แต่เขาก็ไม่สามารถฝากทั้งชีวิตของเขาไว้ในมือหลี่ว์ซู่ได้

 

 

 

 

——

 

 

[1] บทกวีโดยนักกวีชาวจีนชื่อไป๋จวีอี้

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset