ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 738 บ้าคลั่ง

“เขาทำตั้งใจเรื่องง่ายๆ ให้เป็นเรื่องลึกลับเลยนะเนี่ย” หวังเยี่ยนกระซิบ เธอไม่กล้าจะพูดออกมาเสียงดังเพราะเกรงว่าหลี่ว์ซู่จะได้ยินเธอเข้า แต่ทุกคนกลับได้ยินหมดแล้ว หวังเจ๋อทิ้งกลุ่มไป และคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าจะกลับกันไปเอง พวกเขาจะขอหวังพึ่งชายหนุ่มลึกลับคนนี้ไปก่อนแล้วกัน พวกเขากล้าจะบ่นและโมโหกันลับหลังเท่านั้น แต่พวกเขาไม่กล้าตั้งคำถามกับเขาตรงๆ หรอก  

 

 

พวกเขาสงสัยกันเล็กน้อย ทำไมจางเยี่ยนเฟิงถึงได้ทำตามชายหนุ่มคนนี้กันแน่นะ ขนาดผู้บำเพ็ญลับที่หายไปคนนั้นยังเป็นระดับ D เลย ตอนนั้นหลี่ว์ซู่ไม่ได้วิ่งหนีหมีไปกับพวกเขาด้วยเหรอ  

 

 

อย่างน้อยเครื่องอำนวยความสะดวกที่ฐานนี้ก็มีครบครัน ถึงหิมะจะตกหนักข้างนอกแต่ข้างในนี้อุ่นมาก ทุกคนเลยได้แต่รอ  

 

 

หลี่ว์ซู่ออกไปเดินตรวจตราทุกวัน แต่เขาไม่เจอหวังเจ๋อเลย เหมือนกับว่าคืนนั้นหวังเจ๋อได้หายตัวไปในอากาศอย่างนั้น  

 

 

หลังจากมาถึงที่ฐานนี้ได้สามวัน จางเยี่ยนเฟิงตื่นขึ้นมาและจ้องไปทางที่พวกเขามา เหมือนกับว่าเขากำลังรออะไรบางอย่างเงียบๆ อยู่  

 

 

หลี่ว์ซู่บอกว่าสมาชิกทีมของเขาจะมาถึงในวันนี้ จางเยี่ยนเฟิงอยากจะรู้ว่าหลี่ว์ซู่แค่พูดโอ้อวดเท่านั้นหรือเปล่า ถ้าพวกเขามาถึงวันนี้จริงๆ เขาก็จะรู้ได้ว่าหลี่ว์ซู่นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน  

 

 

หวังเยี่ยนและคนอื่นๆ ติดอยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว พวกเขาไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และไปไหนไม่ได้ พวกเขาเจอสำรับไพ่เล่นโป๊กเกอร์แต่มีไพ่กว่าสิบใบหายไป แล้วพวกเขาจะเล่นไพ่กันได้อย่างไรล่ะ  

 

 

พวกเขาว่าจะใช้กระดาษมาแทนไพ่ที่หายไป แต่จะเล่นแบบนั้นก็คงไม่ได้ เพราะทุกคนรู้แล้วว่าไพ่ที่หายไปคือใบไหนบ้าง แต่พอผ่านไปหนึ่งวันพวกเขาก็เล่นกันจนได้ ดีกว่าไม่มีอะไรทำล่ะนะ แต่พวกเขากลับไม่เจอกระดาษที่ฐานนี้เลยสักแผ่น!  

 

 

“เมื่อไหร่เราจะได้กลับไปสักทีเนี่ย” ใครคนหนึ่งบ่น “จะบ้าตายอยู่แล้วนะ!”  

 

 

หลี่ว์ซู่หยุดคิดไปพักหนึ่ง “อยากให้ผมเล่าเรื่องไหมครับ”  

 

 

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องเลย…” อีกคนรีบหยุดหลี่ว์ซู่ทันที  

 

 

หลี่ว์ซู่มองทุกคนแล้วหยุดไปสองวินาที จากนั้นเขาก็เอาไพ่เล่นโป๊กเกอร์ออกมาจากกระเป๋าของเขา “พวกคุณอยากจะซื้อไพ่ที่หายไปไหมครับ ใบละ 100 หยวน”  

 

 

[ได้รับแต้มจากจางเยี่ยนเฟิง +666]  

 

 

[ได้รับแต้มจากหวังเยี่ยน +666]  

 

 

[ได้รับแต้มจากหลี่คัง…]  

 

 

ทุกคนงงไปเลย ก่อนหน้านี้หลี่ว์ซู่ก็เป็นคนมาเจอฐานนี้เป็นคนแรก เขาก็อาจจะเอาไพ่ทั้งสำรับไปตอนมาเจอก็ได้ แล้วเขาจะหยิบไพ่ไปไม่กี่ใบก่อนที่จะเอาไพ่ที่เหลือวางไว้ทำไม  

 

 

นายทำอะไรอยู่กันแน่เนี่ย มนุษย์ทั่วไปจะหาทางหาเงินบ้าบอแบบนี้ได้ด้วยเหรอ!  

 

 

ทุกคนเลยพยายามต่อราคากับหลี่ว์ซู่อยู่นาน สุดท้ายพวกเขาก็ต้องซื้อไพ่ที่หายไปคืนมาใบละ 88 หยวน หลี่ว์ซู่เก็บเงินที่ได้เข้ากระเป๋าและหันไปพูดกับจางเยี่ยนเฟิง “เดี๋ยวผมขอออกไปเดินตรวจดูก่อนนะครับ”  

 

 

จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้ารับอย่างมึนงง เขาจำได้ว่าพอดื่มกับหวังเจ๋อแล้วหวังเจ๋อบอกเขาว่าได้ไปทำศัตรูคนหนึ่งโกรธมากที่แผ่นดินใหญ่ คนคนนั้นก็คือท่านที่เคารพซึ่งเป็นคนที่ผู้บำเพ็ญลับต่างสรรเสริญ  

 

 

ตอนนั้นหวังเจ๋อเอาศิลาวิญญาณของท่านที่เคารพมาเม็ดหนึ่ง เขาใช้ศิลาวิญญาณนั้นมาเป็นทุนเพื่อซื้อทรัพยากรการบำเพ็ญจากต่างประเทศเพื่อให้แข็งแกร่งได้ขนาดทุกวันนี้ และเขาก็ไม่กล้ากลับไปที่แผ่นดินใหญ่อีกเลย  

 

 

หวังเจ๋อบอกว่าท่านที่เคารพใจดีมาก และเขาก็เป็นโจรที่มีคุณธรรม และเขาก็มีฝีปากร้ายที่ทำให้คนอื่นเสียอารมณ์ได้อยู่บ่อยๆ  

 

 

จางเยี่ยนเฟิงอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ช่างเหมือนท่านที่เคารพเสียจริง  

 

 

หลี่ว์ซู่เดินออกไป และจางเยี่ยนเฟิงก็เก็บกวาดอาหารกระป๋องอยู่แถวๆ ประตู การมาปีนเขาในครั้งนี้ต่างจากที่มาครั้งก่อนๆ เขาต้องรวบรวมและจัดทรัพยากรที่พวกเขาสามารถเอาไปใช้ได้  

 

 

ตอนนั้นเองจางเยี่ยนเฟิงก็เห็นว่ามีจุดสีดำๆ หลายจุดกำลังวิ่งมาทางพวกเขาด้วยความเร็วสูงจากที่ไกลๆ ตอนแรกจางเยี่ยนเฟิงก็คิดว่าเป็นพวกสัตว์ที่จะเข้ามาโจมตี แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น  

 

 

จุดดำๆ พวกนั้นคือมนุษย์ พวกเขาใส่เสื้อกันฝนสีดำและกำลังวิ่งมาทางฐาน จางเยี่ยนเฟิงเคยเห็นเสื้อกันฝนแบบนี้มาก่อน มันเป็นเครื่องแต่งกายของคนที่มาจากเครือข่ายฟ้าดิน!  

 

 

จางเยี่ยนเฟิงอึ้ง ทีมของหลี่ว์ซู่มาถึงได้ทันเวลาจริงๆ เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะรู้ว่าหลี่ว์ซู่คือใคร ก่อนหน้านี้เขาก็แอบเดาไว้อยู่แล้ว แต่ก็หยุดคิดไป  

 

 

เครือข่ายฟ้าดินมีสถานะที่ค่อนข้างสูงอยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญ จางเยี่ยนเฟิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะได้เดินทางกับผู้เชี่ยวชาญจากเครือข่ายฟ้าดินแบบนี้  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และคนอื่นๆ กำลังวิ่งไป พวกเขาเตะหิมะข้างหลังด้วยความเร็วขณะกำลังวิ่ง เหมือนกับเป็นฉากในหนัง  

 

 

กลุ่มคนในฐานก็ออกมาดูฉากนี้เช่นกัน พอพวกเขาเดินออกจากฐานมาดู หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และคนอื่นๆ ก็มาถึงที่ประตูฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  

 

 

เฉาชิงฉือสังเกตดูรอบๆ อย่างใจเย็น เธอซ่อนมือใส่ไว้ใต้เสื้อกันฝน ถ้าหลี่ว์ซู่อยู่นี่ด้วยก็ต้องเห็นว่าเนี่ยถิงชอบทำแบบนี้เหมือนกัน มือที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อกันฝนนั้นกำลังถือมีดอยู่แน่ๆ  

 

 

เฉาชิงฉือเห็นว่าเนี่ยถิงเป็นอาจารย์ของเธออย่างเป็นทางการแล้ว  

 

 

หวังเยี่ยนถามขึ้นมา “พวกคุณคือ…”  

 

 

ที่เสื้อกันฝนมีสัญลักษณ์ของเครือข่ายฟ้าดินอยู่ แต่พวกเขาไม่ค่อยแน่ใจ  

 

 

เฉาชิงฉือและเฉินจู่อานไม่ได้พูดอะไร พวกเขามองหลี่ว์เสี่ยวอวี๋แทน ผู้คนเหล่านี้ประหลาดใจมากที่เห็นสมาชิกที่เด็กที่สุดในทีมเป็นคนพูดแทนคนอื่นๆ กระทั่งหลัวหนานก็ไม่ได้ขัดเธอเหมือนกัน  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ถามกลับอย่างเย็นชา “ป้าคะ หลี่ว์ซู่อยู่ไหนคะ”  

 

 

[ได้รับแต้มจากหวังเยี่ยน +666]  

 

 

จางเยี่ยนเฟิงพูด “พวกเธอเป็นสมาชิกกลุ่มของเขางั้นเหรอ เขาเดินไปที่ประตูสู่นรกเพื่อไปตรวจดูสถานการณ์น่ะ เขาน่าจะกลับมาในอีกสองชั่วโมงนะ”  

 

 

แล้วเฉาชิงฉือก็โพล่งขึ้นมา “ฝูงหมาป่ากำลังมุ่งหน้ามาค่ะ”  

 

 

ทุกคนมองไปรอบๆ หมาป่างั้นเหรอ ไม่เห็นจะมีสักตัว  

 

 

ภูเขารอบๆ ฐานถูกปกคลุมด้วยหิมะหนา ทุกอย่างกลายเป็นสีขาวหมด หลังจากหนึ่งนาทีผ่านไปก็มีคนบางคนเห็นหมาป่ามาทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ พวกมันกำลังมุ่งหน้ามาทางฐาน  

 

 

หวังเยี่ยนและคนอื่นๆ กลัวกันมาก พวกเขารีบวิ่งเข้าไปในอาคารชั่วคราว จางเยี่ยนเฟิงหยิบเอามีดมาพร้อมต่อสู้  

 

 

“มี 42 ตัว” เฉาชิงฉือพูด  

 

 

หมาป่าฝูงนั้นค่อยๆ ล้อมพวกเขา เหมือนกับว่ามันรู้ตัวแล้วว่าจะชนะ พวกคนที่อยู่ในอาคารชั่วคราวมองออกมาจากหน้าต่างและเห็นว่าฝูงหมาป่ากำลังใกล้เข้ามาหาพวกเขา แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และคนอื่นๆ กลับไม่มีสัญญาณว่าจะเคลื่อนไหวกันเลย  

 

 

ฝูงหมาป่าเข้ามาในรัศมีสิบเมตรรอบฐาน พวกมันดูกลัวกันมากและอยากจะหนีไปเต็มแก่แล้ว ทันใดนั้นเองพวกมันก็มองไปทางหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ และเดินมานอนหงายแอ้งแม้งตรงหน้า  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ใจเย็นมาก เธอควบคุมเจ้าหมูพยศ เจ้าเหมียวใหญ่ และเจ้ากระรอกมาแล้ว หมาป่าพวกนี้ยังไม่ถึงระดับ D เลยด้วยซ้ำ เลยเป็นของกล้วยๆ สำหรับเธอ  

 

 

“เราจะใช้ตัวอย่างกลุ่มนี้ได้อีกนานเลยล่ะ” เฉินจู่อานพูดอย่างเริงร่า  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset