ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 741 แผนการของหลี่ว์ซู่

ภูเขาคุนหลุนสีดำถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวดูสวยงามมาก

 

 

หลี่ว์ซู่นำทางไปที่หุบเขามรณะ หวังเยี่ยนและคนอื่นๆ เดินตามพวกเขามา “ถ้าพวกนายไปแล้วเราจะทำอะไรกันล่ะ”

 

 

ไม่มีใครรู้สึกปลอดภัยเลย เขาเพิ่งจะบอกกับทุกคนไปว่าเจ้าหน้าที่ในฐานหายไปในอากาศอย่างนั้น ใครกันจะใจเย็นได้ล่ะ!

 

 

แล้วการที่พวกเขาพาคนพวกนี้ไปที่หุบเขามรณะด้วยก็ยิ่งอันตรายกว่าเดิม

 

 

หลี่ว์ซู่คิดไปนิดหนึ่งก่อนพูดขึ้นมา “งั้นอาจารย์หลัวอยู่ปกป้องพวกเขาเถอะครับ”

 

 

[ได้รับแต้มจากหลัวเป่ย +499]

 

 

หลัวเป่ยหัวเราะ “ฉันมีประสบการณ์ในป่ามากกว่านะ ถ้าให้ฉันไปด้วยจะมีประโยชน์มากกว่า ทำไมไม่ให้เฉาชิงฉืออยู่ที่นี่ล่ะ เธอแข็งแกร่งกว่าเยอะ ถ้าให้ฉันอยู่ที่นี่พวกเราก็ยังอยู่อันตรายอยู่ดี”

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดขึ้นมา “ทำไมเราไม่กลับไปก่อนล่ะ เราเอาพวกเขาไปส่งก่อนที่จะเคลื่อนไหวต่อไปก็ได้นะ”

 

 

หลี่ว์ซู่คิดอะไรบางอย่างออก และเสี่ยวอวี๋ก็เข้าใจสายตาของหลี่ว์ซู่

 

 

ก่อนหน้านี้หลี่ว์ซู่ก็คิดไว้ว่าเขาไม่อยากเข้าไปในหุบเขามรณะเร็วเกินไป แต่เขาก็ไม่อยากบอกใครว่าเขามีความสามารถในการรู้ชื่อที่แท้จริงของคนอื่นได้ ความสามารถนี้เกี่ยวข้องกับแผนที่ดวงดาวอย่างมาก เขาได้แต้มอารมณ์และรู้ชื่อจริงของคนอื่นมาตั้งแต่เริ่มฝึกแล้ว

 

 

เขารู้ว่าประสบการณ์ชีวิตของเขานั้นคงจะไม่ง่าย จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนระแคะระคายขึ้นมาเพราะเขาเปิดเผยความสามารถพิเศษของเขาเองในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลานี้

 

 

เพราะฉะนั้นหลี่ว์ซู่ก็ไม่อยากจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของเขาออกไป และอยากจะให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นคนพูดมากกว่า หวังเยี่ยนเข้ามาทำให้เธอมีโอกาสที่จะพูดออกไปด้วย

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ก็ตระหนักได้ว่าหลัวเป่ยกลัวเฉาชิงฉือที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ B ไม่อย่างนั้นเขาจะปล่อยให้เธออยู่ที่นี่คนเดียวทำไมกันล่ะ

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดขึ้นมา “ทำไมเราไม่ไปส่งพวกเขาก่อนแล้วค่อยวกกลับมาล่ะ ก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่วันเอง สถานที่นี้อันตรายเกินไป คุณเพิ่งบอกไม่ใช่เหรอคะว่าผู้เชี่ยวชาญระดับ C ยังหายตัวไปเลย คงเป็นเพราะว่ามีคนเฝ้ายามที่นี่ไม่มากพอ ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าที่นี่อันตรายแค่ไหน”

 

 

“เสียเวลาเปล่าน่า” หลัวเป่ยพูด “เราไม่เคยเห็นแสงสีน้ำเงินบนหุบเขามรณะมาก่อนเลยนะ มันอาจจะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ถ้าเราเข้าไปสำรวจก็ได้ ถ้าเรากลับมาแล้วพลาดโอกาสนั้นไปล่ะ มันเป็นไปได้นะ ถ้าไม่อย่างนั้นหลี่ว์ซู่กับฉันไปกันสองคนก็ได้ คนที่เหลือก็อยู่ปกป้องคนที่นี่”

 

 

หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย ถ้าไม่มีใครรู้มาก่อนว่าตัวตนของหลัวเป่ยมีเรื่องแปลกๆ อยู่ เรื่องนี้ก็คงจะฟังดูดีอยู่หรอก แต่เมื่อเขารู้แล้ว และหลัวเป่ยก็ชวนหลี่ว์ซู่เข้าหุบเขามรณะไปด้วยกันเสียด้วย…

 

 

หลัวเป่ยเล็งเป้ามาที่เขาหรือเปล่านะ ทำไมล่ะ เขาเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับหลัวเป่ยออกไปเหรอ

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กำลังจะพูดขึ้นมา แต่หลี่ว์ซู่ขัดขึ้นมาเสียก่อน “ได้สิ งั้นเอาตามนี้แล้วกัน อาจารย์หลัวกับฉันจะเข้าไปดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น แล้วคนที่เหลือก็อยู่ที่นี่แหละ”

 

 

ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วหลี่ว์ซู่เลยจะเรียกหลัวเป่ยว่าอาจารย์หลัวแทน เขากลัวว่าจะหลุดปากเรียกชื่อจริงของเขาออกไป หลี่ว์ซู่เก่งเรื่องรายละเอียดเล็กน้อยแบบนี้อยู่แล้ว

 

 

หวังเยี่ยนและคนอื่นๆ ถอนหายใจออกมา พวกเขาเห็นแล้วว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋แข็งแกร่งมากแค่ไหน เมื่อมีผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ปกป้องพวกเขาก็รู้สึกปลอดภัยขึ้น

 

 

พวกเขาเบาใจลง แต่เฉินจู่อานและคนอื่นๆ กลับไม่รู้สึกอย่างนั้น เฉินจู่อานรีบพูดออกไป “พี่ซู่ ผมจะตามพี่ไปด้วย! คนอื่นๆ อยู่นี่ก็น่าจะพอแล้ว!”

 

 

หวังเยี่ยนและคนที่เหลือรีบออกหน้า ถ้าเฉินจู่อานอยู่ที่นี่อีกคน ก็หมายความว่าจะมีคนปกป้องพวกเขาเพิ่มขึ้นไปอีก

 

 

“หยุดเขาสิ อย่าให้เขาไปด้วยนะ”

 

 

ทันใดนั้นก็มีคนกระซิบ “อย่าทำมากเรื่องเลย เจ้าอ้วนนี่ดูไม่ค่อยแข็งแกร่งมากเท่าไหร่อยู่แล้ว ถ้าเขาอยากไปก็ให้เขาไปเถอะ”

 

 

เฉินจู่อานพูดไม่ออกเลยจริงๆ

 

 

ถึงแม้ว่าการได้ยินของผู้บำเพ็ญจะไม่ได้ดีมากอะไรขนาดนั้น แต่มันก็ดีกว่าคนทั่วไปแน่ๆ มาพูดนินทาคนที่อยู่ข้างๆ ว่าไม่แข็งแกร่งนี่มันถูกต้องแล้วเหรอ

 

 

หลี่ว์ซู่พูดอย่างใจเย็น “จู่อาน อยู่นี่แล้วปกป้องพวกเขาเถอะ”

 

 

“ฮ่าๆ” เฉินจู่อานหัวเราะเสียงเย็น “ผมไม่ปกป้องพวกเขาหรอก! คนพวกนี้ก็เหมือนปรสิต! ทำไมผมจะต้องปกป้องพวกเขาด้วย ให้ผมไปเถอะนะพี่ซู่!”

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ

 

 

ทำไมต้องหาเรื่องในช่วงเวลาสำคัญตลอดเลยนะ หลี่ว์ซู่เริ่มปวดหัวแล้ว

 

 

“งั้นก็เอาเฉินจู่อานไปด้วย” หลัวหนานยิ้ม “เสี่ยวอวี๋ ชิงฉือ และก็ชิวเฉี่ยว อยู่นี่ก็พอแล้ว”

 

 

จากนั้นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็พูดออกมาเสียงเย็น “หนูไม่ได้อนุญาตให้คุณเรียกหนูว่าเสี่ยวอวี๋นะคะ อย่ามาตีสนิทด้วยหน่อยเลย”

 

 

[ได้รับแต้มอารมณ์จากหลัวเป่ย +199]

 

 

จางเยี่ยนเฟิงเพิ่งจะเคยเห็นความสัมพันธ์อาจารย์กับลูกศิษย์อย่างนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต…

 

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดอย่างใจเย็น เขาไม่สามารถปฏิเสธหลัวเป่ยอีกครั้งได้อีกแล้ว นั่นจะมากเกินไป เขาไม่หวังให้เฉินจู่อานก่อปัญหาไปมากกว่านี้ด้วย

 

 

“ได้เลย ไปกันเถอะ” หลี่ว์ซู่นำทางไปที่หุบเขามรณะ เฉินจู่อานและหลัวเป่ยเดินตามเขาไป หลัวเป่ยจะเดินตามไปเป็นคนสุดท้ายเสมอด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง

 

 

การเดินทางในภูเขาหิมะเป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยหน่ายพอควรสำหรับผู้บำเพ็ญ หิมะกองขึ้นมาจนอยู่ที่ระดับหัวเข่า และพวกเขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเหยียบอยู่บนก้อนสำลีกันกระแทก

 

 

ทั้งสามคนเดินทางมาถึงแสงสีน้ำเงินแล้ว ทันใดนั้นก็มีกรงเล็บขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นจากแสงสีน้ำเงินและพุ่งเข้ามาหาหลี่ว์ซู่ หลี่ว์ซู่หลบไม่ทันและโดนกรงเล็บขนาดยักษ์นั้นโจมตีเข้า

 

 

เฉินจู่อานพยายามจะช่วยหลี่ว์ซู่ แต่เขาก็เห็นว่าหลี่ว์ซู่ไม่มีสติอยู่กับตัวแล้ว แถมยังยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ ไม่ขยับเขยื้อน

 

 

หวือ! เฉินจู่อานได้ยินเสียงอาวุธจากด้านหลัง เขารีบหลบและใช้เกราะวิญญาณชี่เป็นตัวป้องกัน

 

 

ถึงแม้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว แต่มันก็ทิ้งแผลไว้บนซี่โครงด้านซ้ายอยู่ดี เฉินจู่อานเริ่มตื่นตระหนก “พี่ซู่ พี่ซู่ แปลกเกินไปแล้ว! ตื่นขึ้นมานะ!”

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ก็ยังยืนนิ่งๆ ต่อไปไม่ไหวติง เหมือนกับว่าเขาได้หมดสติไปแล้ว คนที่หายไปเป็นแบบนี้ด้วยไหมเนี่ย

 

 

หลัวเป่ยหัวเราะ “เรียกเขาไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก พอประมาทก็หวนเอาอะไรกลับมาไม่ได้หรอกนะ ขอโทษด้วยเฉินจู่อาน เจ้าแห่งมังกรเจาะจงเลือกเขาเป็นพิเศษเลยล่ะ ฉันเลยต้องฆ่าเขาทิ้ง”

 

 

เฉินจู่อานสะดุ้งเมื่อลมหนาวปะทะเข้ากับบาดแผล เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “ถ้าอย่างนั้น…โจมตีเขาเลย!”

 

 

เฉินจู่อานไม่เข้าใจ โจมตีหลี่ว์ซู่ยังไม่พออีกเหรอ ทำไมจะต้องมาโจมตีเขาด้วย!

 

 

ในขณะนั้นพื้นหิมะทางด้านขวาของหลัวเป่ยก็ระเบิดขึ้น แล้วหลี่ว์ซู่อีกคนหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับกระบี่เฉวียอินในมือพร้อมอย่างพร้อมรบ แต่เพราะแสงสีน้ำเงินก็เลยทำให้กระบี่เฉวียอินค่อยๆ จางไป!

 

 

หลี่ว์ซู่แอบอยู่ที่นี่มาเป็นวันแล้ว หิมะทับถมร่างเขาจนมิด ตอนที่เขาโทรหาหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นครั้งแรก เขาแยกร่างตัวเองออกมาและเดินออกจากกลุ่ม เขาสร้างตัวแทนของตัวเองขึ้นมาอย่างลับๆ!

 

 

ทุกๆ วันที่เขาบอกว่าเขาจะออกไปลาดตระเวน แต่เขาไม่ได้ไปทำอย่างนั้น และเขาก็ไม่ได้เข้าไปในหุบเขามรณะเหมือนกัน แต่เขาใช้โอกาสนั้นหลบหนีออกไปจากสายตาคนอื่นและหาที่เหมาะๆ เพื่อหาที่ซ่อน

 

 

เขาไม่กลัวหลัวเป่ย แต่เขากลัวคนที่อยู่เบื้องหลังหลัวเป่ยต่างหาก!

 

 

หลี่ว์ซู่ได้นำทางไปยังหุบเขามรณะเพื่อพาพวกเขาไปยังจุดที่เขาดักซุ่มรออยู่ เขายังอยากเห็นว่ามีอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับแสงสีน้ำเงินอีกหรือเปล่า

 

 

เขาจะได้สร้างร่างโคลนขึ้นมาเพื่อเป็นตัวรับเคราะห์ นี่คือศักยภาพที่แท้จริงของหลี่ว์ซู่ เขาแค่อยากจะดูว่า “หลัวหนาน” คนนี้วางแผนจะทำอะไร!

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่คิดว่าเฉินจู่อานจะสร้างปัญหาให้เขาขนาดนี้…

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset