หลัวหนาน หลัวเป่ย งั้นเหรอ
จะบังเอิญอะไรได้ขนาดนี้ บอกตรงๆ ว่าหลี่ว์ซู่ไม่เชื่อในเรื่องบังเอิญแบบนี้หรอก หลัวหนานเลยหยิบรูปออกมาจากกระเป๋าเงินของเขาอย่างกับอ่านใจหลี่ว์ซู่ได้ “นี่ไง รูปของฉันกับน้องชาย”
หลี่ว์ซู่รับรูปมาดูอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ รูปนั้นถ่ายที่สวนแห่งหนึ่งและมีหลัวหนานในวัยหนุ่มสองคนชูสองนิ้วให้กล้อง
คาดไม่ถึงเลยนะเนี่ย เกิดบ้าอะไรขึ้นกัน คำตอบที่เขาตามหาไม่น่าจะน่าหัวเราะขนาดนี้ได้เลยนะ!
“เดี๋ยวก่อนครับ” หลี่ว์ซู่พูดหลังจากหยุดคิดวิเคราะห์บางอย่าง “ขอยืนยันหน่อย”
ทันใดนั้นเองแสงสีน้ำเงินที่ส่องมาจากประตูสู่นรกก็บานออกเหมือนกับดอกไม้ แสงที่สวยงามนั้นส่องผ่านท่ามกลางหิมะไปจนถึงฐาน
แถบแสงสีน้ำเงินพลิ้วไหวบนท้องฟ้า หลี่ว์ซู่เหลือบมองมันแวบหนึ่งก่อนจะโทรหาเนี่ยถิงด้วยโทรศัพท์สัญญาณดาวเทียม แต่เขาแปลกใจที่โทรไม่ติด เหมือนกับว่าโทรศัพท์ของเขาเสียมากกว่าเพราะสัญญาณไม่ดี
หลี่ว์ซู่หันขวับขึ้นมองบนท้องฟ้าสีน้ำเงิน เขาหันไปหาเฉินจู่อานแล้วเร่งรีบขอ “เอาโทรศัพท์ของนายมาซิ”
เฉินจู่อานควานหาโทรศัพท์ของเขาอย่างสับสนแล้วยื่นให้หลี่ว์ซู่ หลี่ว์ซู่เปิดโทรศัพท์และก็พบว่าหน้าจอเป็นสีดำทั้งหมดแม้เครื่องเปิดแล้วก็ตาม
อย่างที่คาดไว้เลยว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดจะเสียทันทีเมื่อเปิดใช้
หลี่ว์ซู่ส่งโทรศัพท์คืนให้เฉินจู่อานที่กำลังมองเขาด้วยความตกใจ “พี่ซู่ ทำไมพี่ไม่ใช้โทรศัพท์ตัวเองล่ะครับ”
“ก็เครื่องฉันไม่ใช่ของฟรีนะ” หลี่ว์ซู่ตอบอย่างใจเย็น
[ได้รับแต้มจากเฉินจู่อาน +666]
นี่มันเป็นข้อแก้ตัวแบบไหนกันเนี่ย ทำไมจะต้องมาใช้เครื่องคนอื่นแบบตั้งใจในตอนที่กำลังสงสัยว่ามีการระเบิดตัวของพลังจิตวิญญาณที่สามารถทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย!
“โทรศัพท์ของผมก็ไม่ใช่ของฟรีเหมือนกันนะพี่ซู่!” เจ้าอ้วนน้อยเถียงกลับอย่างโกรธๆ
“ไม่ต้องสนใจเรื่องจุกจิกหรอก”
[ได้รับแต้มจากเฉินจู่อาน +747]
แล้วหลี่ว์ซู่ก็แอบเสียดายเล็กน้อยที่ไม่ยังไม่ได้ยืนยันคำบอกกล่าวของหลัวหนาน เพราะการคาดเดาของเขาคงจะผิดไปหมดถ้าหลัวหนานโกหกเขา
แต่เรื่องของเรื่องก็คือหลี่ว์ซู่รู้สึกว่าชายคนนี้มีบางอย่างน่าสงสัย เขาจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
ทันใดนั้นเขาก็จำเรื่องของสัญลักษณ์ลับหยก [1] ที่เขาได้ยินครั้งก่อนได้ เรื่องมันเริ่มที่ชาวเน็ตคนหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวแปลกประหลาดลงบนกระทู้ชื่อดังโดยใช้นามแฝงว่า เสียงกระซิบ218
จากนั้นอีกคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า หิมะ_กลาง_ใจ ก็มาคอมเมนต์ต่อว่า [ไอ้ 218 ฉันจะบีบคอแกให้ตายถ้าแกขืนยังจะมาโพสต์เรื่องสัญลักษณ์ลับหยกอีกรอบ]
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็หายตัวไปจากโลกนี้
ในเวลาต่อมาชื่อของสัญลักษณ์ลับหยกก็ถูกกล่าวขึ้นต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรก ซึ่งมันก็มาพร้อมกับข่าวลือที่ตามมามากมายและก็มีภาพยนตร์ที่มีชื่อเดียวกันถูกปล่อยออกมาด้วย
เมื่อกลับมาที่ประเด็นนี้ ถ้าเรื่องของน้องชายของหลัวหนานเป็นเรื่องโกหก ฝาแฝดก็คงไม่พ้นสายตาของเครือข่ายฟ้าดินไปแน่ๆ อย่างไรก็ตามหลี่ว์ซู่เชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสัญลักษณ์ลับหยกเพราะเครือข่ายฟ้าดินจริงจังในเรื่องการจัดการสถานการณ์แบบนี้มาก
แต่หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็คงจะไม่เข้าร่วมกับเครือข่ายฟ้าดินแน่ๆ ถ้าพวกเขาไม่ถูกส่งตัวไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเมื่อตอนยังเป็นเด็กทารก
หลี่ว์ซู่เป็นคนละเอียดและเขาก็ไม่อยากจะตัดสินใจอะไรผิดๆ ในช่วงเวลาที่สำคัญ หลังจากที่เขาคิดไปสักพักเขาก็สั่งออกมา “เราจะกลับไปทางเดิม เพราะผมจะต้องไปยืนยันตัวตนที่แท้จริงของคุณก่อน”
หลัวหนานยิ้มออกมาอย่างหมดหนทาง “ฉันไม่ได้โกหกหรอกนะ ฉันมีน้องชายชื่อหลัวเป่ยจริงๆ ตอนแรกฉันลาออกจากทีมวิจัยสายพันธุ์และส่งแบบฟอร์มสมัครขอย้ายไปวิทยาลัยผู้บำเพ็ญแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าน้องชายฉันจะไปเจอเรื่องไม่ดีในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงล่ะ ฉันก็เลยไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากมาสานต่อสิ่งที่น้องชายทำไว้ให้สำเร็จนี่แหละ”
หลังจากที่เงียบไปสักพักหลี่ว์ซู่ก็ออกความเห็น “สานต่อเหรอครับ ต่อไม่ต่อยคุณเหรอ”
[ได้รับแต้มจากหลัวเป่ย +666]
[ได้รับแต้มจากหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ +177]
[ได้รับแต้มจาก…]
ทั้งกลุ่มหันไปมองหลี่ว์ซู่ด้วยความประหลาดใจ แล้วหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็หันมามองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “โอ้โห ไม่ทันตั้งตัวเลยนะเนี่ย”
แต่หลี่ว์ซู่ก็ยังเงียบเหมือนเดิม เขาไม่ได้อยากปล่อยมุกเห่ยๆ หรอก แต่เขาแค่อยากจะรู้ชื่อจริงของหลัวหนานเท่านั้นเอง ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ให้แต้มอารมณ์ใดๆ เลยในตอนที่หลี่ว์ซู่และคนอื่นๆ ถามเรื่องตัวตนที่แท้จริงของหลัวหนาน หลี่ว์ซู่ก็เลยสงสัยขึ้นมา
ถ้าเขาเป็นหลัวหนานจริงๆ เขาก็ต้องให้แต้มอารมณ์มาอย่างน้อยสัก 1-2 แต้มตอนที่เขาไม่มั่นใจแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ให้แต้มอารมณ์มา เหมือนกับว่าเขารู้อยู่แล้วอย่างนั้นแหละ
ตอนในห้องเรียนหลี่ว์ซู่ก็ได้แต้มอารมณ์ในชื่อหลัวหนานมาเหมือนกัน และเขายังเป็นหลัวหนานอยู่ แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่หลัวหนานอีกต่อไปแล้ว!
แล้วเกิดอะไรขึ้นในประตูสู่นรกกันนะ ถ้าหลัวเป่ยเข้าไปแล้วทำไมเขาถึงกลับมาได้ในขณะที่คนอื่นๆ หายตัวไป อีกอย่างเขาจะโกหกไปทำไม เขาต้องการอะไรกัน
หลี่ว์ซู่คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขามาเป็นธุระให้เนี่ยถิงในครั้งนี้ แต่นี่กลับไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกต่อไป หรือเขาจะเข้าใจเนี่ยถิงผิดไปในครั้งนี้
ดูจากสถานการณ์แล้วพวกเขาน่าจะถูกหลัวหนานและหลัวเป่ยล่อลวงมาที่นี่มากกว่า ไม่ใช่เนี่ยถิงหรอก
อย่างไรก็ตามหลี่ว์ซู่ก็ยืนยันที่จะไม่ขอรับคำกล่าวโทษใดๆ เพราะเขาอยากจะโยงเรื่องนี้ไปถึงการที่เขาเป็นนักเรียนที่ไม่ได้รับหน่วยกิต เรื่องนี้มันง่ายเกินกว่าที่จะเป็นเรื่องบังเอิญไปได้!
หลัวเป่ยพูดยิ้มๆ “หรือนายจะไปตรวจดูท่อนเหล็กแถวๆ ด้านขวาของอาคารชั่วคราวก็ได้นะ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเคยไปสลักชื่อตัวเองกันไว้ที่นั่นตอนเบื่อๆ เมื่อนานมาแล้ว เจ้าหน้าที่คนใหม่ๆ ที่มาจะได้เห็นว่าพวกเขาเคยอยู่ที่นี่มาก่อน ชื่อของน้องชายฉันก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน”
แล้วเฉินจู่อานก็รีบไปตรวจดูทันที จากนั้นเขาก็ตะโกนกลับมา “พี่ซู่ มีชื่อว่าหลัวเป่ยอยู่จริงๆ ”
จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็ยืนยันได้ว่าหลัวเป่ยได้รอดชีวิตมาด้วยเหตุผลบางอย่าง ในขณะที่ทั้งทีมหายไปพร้อมกับฐานการสำรวจ และตอนนี้หลัวเป่ยก็พยายามจะพาพวกเขาไปสู่หุบเขามรณะ
หลี่ว์ซู่แยกเขี้ยวยิ้ม “เข้าใจแล้วครับ ขอโทษที่เข้าใจผิดไป อย่าถือสากันเลยนะครับ ทำตัวระมัดระวังก็ไม่ใช่เรื่องผิดนี่ครับ เอาล่ะ เรามุ่งหน้าไปทางหุบเขามรณะกันเถอะ”
หลัวเป่ยตอบกลับ “ฉันเข้าใจเรื่องที่นายสงสัยน่า ฉันไม่ไปบังคับนายในเรื่องนี้มากหรอก ถ้าเป็นฉันเองก็คงทำเหมือนกัน เครือข่ายฟ้าดินต้องการคนละเอียดรอบคอบแบบนายนี่แหละ”
“ฮ่าๆ ดีแล้วล่ะครับที่คุณไม่ถือสาอะไร” หลี่ว์ซู่ตอบ จากนั้นเขาก็นำทุกคนเดินไปที่หุบเขามรณะ ก่อนหน้านั้นเขาเหลือบมองหลี่ว์เสี่ยวอวี๋แต่เธอกลับเงียบ
ตอนนั้นเอง หลี่ว์ซู่ก็สงสัยว่ามีความลึกลับอะไรซ่อนอยู่ในหุบเขามรณะ
และหลัวเป่ยกำลังจะพาพวกเขาไปไหนกันแน่
——
[1] เป็นหนึ่งในความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีน มีการค้นพบจี้หยกรูปปลา ในปี 1950-1960 ที่ลบนัวร์ กล่าวกันว่ามีพลังในการโคลนนิ่งคนสองคนโดยที่จะมีความทรงจำเหมือนกันทุกประการ