หลี่ว์ซู่ได้ยินเสียงเคาะประตูดังลั่นบ้านก็ไม่ค่อยพอใจ เขาไปเปิดประตูและเห็นเฉินจู่อานและคนอื่น ๆ ยืนตระหง่านอยู่ที่หน้าประตู หลี่ว์ซู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมเหรอ เกิดอะไรขึ้น”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เดินเข้าไปเดินดูรอบๆ บ้านด้วยความสงสัยในทันทีแต่ก็พบว่าในบ้านมีแต่หลี่ว์ซู่อยู่คนเดียว เฉินจู่อานก็ทำหน้าตกอกตกใจ “พี่ซู่ พี่ยังถามพวกเราว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ พี่เมื่อครู่พูดอะไรอยู่ในบ้านพี่ไม่รู้เหรอ เมื่อครู่พี่พูดกับใคร ประโยคที่ว่า ‘นายก็มีวันนี้เหมือนกัน’ “
“หือ” หลี่ว์ซู่อึ้งไป เขาพูดด้วสัญชาตญาณจิตหยั่งรู้แต่ไม่คิดว่ากายหยาบของเขาจะพูดออกมาด้วย ดูท่าวันหลังต้องระวังขึ้นอีก แต่ตอนนี้หลี่ว์ซู่กำลังอารมณ์ดี เขาอธิบายอย่างร่าเริง “ไม่เป็นไร พวกนายคิดมากไปแล้ว ไม่เกี่ยวกับพวกนาย จริงซิ อาจารย์พวกเรามาแล้วหรือยัง”
เฉินจู่อานและคนอื่น ๆ จ้องหน้ากัน และหลี่ว์ซู่เองไปโรงเรียนก็เหมือนเดินละเมอไป จิตใจแทบไม่อยู่กัโรงเรียนเลย
“พี่ซู่ พี่ซ่อนอะไรพวกเราหรือเปล่า” เฉินจู่อานถาม” ช่วงนี้พี่เหมือนกับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีอะไรหรือเปล่า”
หลี่ว์ซู่อดทนอธิบาย “ฉันบอกนายไม่ได้”
[ได้รับแต้มจากเฉินจู่อาน +199!]
ทุกคนต่างรู้ดีว่าระดับของหลี่ว์ซู่สูงกว่าพวกเขา จึงได้รับข้อมูลมากกว่าพวกเขา ดังนั้นสิ่งที่หลี่ว์ซู่ทำหมู่นี้นี้อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถให้รู้ได้ แต่ปัญหาคือก่อนหน้าหลี่ว์ซู่ดูเร่งรีบร้อนใจอะไรอยู่เหมือนเฝ้ารอทำอะไรซักอย่าง วันๆ ไป วิทยาลัยลั่วเสินแล้วก็กลับบ้านบางครั้ง เฉินจู่อานเองก็รู้สึกว่าเขาพูดอะไรไปเหมือนหลี่ว์ซู่ไม่ได้ฟังที่เขาพูดด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้มันต่างกัน พวกเขารู้สึกว่าจิตใจหลี่ว์ซู่กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ดูกลับบรรลุเรื่องที่ปรารถนาเอาไว้
ซึ่งหลี่ว์ซู่ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ตอนนั้นทุ่มแรงไปเยอะเพื่อให้เขาไปต่างประเทศ พอกลับมาการสอบก็เสร็จสิ้นแล้วยังไม่ให้เขาเรียนเสริมอีก
แล้วยังให้เขาเป็นนักศึกษาไม่รับหน่วยกิตแล้วให้สาขาวิจัยสายพันธุ์วิทยาลัยลั่วเสินกลายเป็นทีมจับสัตว์ป่ากลายพันธุ์อีก
แค้นนี้ไม่มีทางลืมเด็ดขาด!
ดังนั้นพอหลี่ว์ซู่เห็นว่าเขาสามารถขยายเขตแดนของตราแผ่นดินได้อย่างรวดเร็ว เรื่องแรกที่เขาคิดคือจะจัดการอันตรายที่ซ่อนอยู่ของปัญหาสัตว์กลายพันธุ์ได้อย่างไรและในวินาทีต่อมาก็คิดจะกวนประสาทเนี่ยถิง
ผู้บำเพ็ญทุกคนต้องการพลังจิตวิญญาณแม้แต่การฝึกดาบของเนี่ยถิงก็ต้องให้วิถีดาบผสานกับโลก จนสุดท้ายพลังจิตถ่ายเข้าสู่ร่าง
ดังนั้น… ขอแค่หลี่ว์ซู่ควบคุมตราแผ่นดิน ตรอกหลิวไห่ที่เมืองหลวงก็ถือว่าไร้ประโยชน์แล้ว
แต่หลี่ว์เสี่ยวซู่ก็ไม่คิดจะใจไม้ไส้ระกำ ขอแค่เนี่ยถิงยอมขอโทษเขา …แม้มันจะไม่น่าเป็นไปได้ เนี่ยถิงเป็นหัวหน้าของเครือข่ายฟ้าดินจะให้เขาขอโทษคงเป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตามหลี่ว์ซู่เป็นผู้ชนะในตอนนี้ ผู้ชนะจะต้องเมตตาต่อผู้แพ้มากหน่อยใช่ไหม ขอแค่เนี่ยถิงยกเลิกสถานะนักศึกษาไม่รับหน่วยกิตของเขาหรือเลิกหาเรื่องให้เขาทั้งวี่ทั้งวัน หลี่ว์ซู่ก็ใจกว้างให้อภัยได้
หลี่ว์ซู่คิดแล้วก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่คนเดียว เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวที่อยู่ข้างๆ เห็นเขาหัวเราะแบบนี้ก็รู้สึกเสียวสันหลัง มันเรื่องอะไรกันแน่ หลี่ว์ซู่เป็นบ้าแล้วจริงๆ เหรอ!
คราวนี้ หลี่ว์ซู่ดูที่ข้อมูลคะแนนก็เห็นว่าเนี่ยถิงให้คะแนนอารมณ์ด้านลบกับเขาหลายครั้งเลย ถึงจะเป็นจำนวนไม่มากเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ต่อให้แต้มเดียวเขาก็รู้สึกว่าได้ระบายอารมณ์
ก่อนหน้านี้ หลี่ว์ซู่เคยคิดว่าจะขยายเขตแดนไปจนถึงต่างประเทศทางเหนือหรือทางใต้ไปเลย ในแง่หนึ่งถ้าหากอยากได้รับอารมณ์ด้านลบจำนวนมากๆ ก็ต้องขยายพื้นที่เป็นวงกว้าง ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ไม่มีทางทำได้ในเวลาสั้นๆ
และพูดตามตรง หลี่ว์ซู่รู้ว่าอารมณ์ด้านลบจะหาเมื่อไหร่ก็ได้แต่เรื่องกวนประสาทเนี่ยถิงมันรอไม่ได้จริง … จะรอช้าไม่ได้!
หลี่ว์ซู่ไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก “โอเค ฉันมีเรื่องต้องทำ พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยเรื่องนี้กับวิทยาลัย”
…
ตรอกหลิวไห่ ณ เมืองหลวง สือเสวจิ้นนอนเอนหลังอยู่บนเก้าอี้เอน ใช้หนังสือเย็บเล่มด้วยผูกแบบโบราณปิดหน้าไว้เหมือนกำลังหลับอยู่แต่ร่างที่สั่นอยู่ตลอดเวลาของเขาทำให้รู้ว่าเขากำลังหัวเราะร่าอยู่
ห่าวจื้อเชาเห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาไม่เหมาะที่จะอยู่ต่อจึงตัดสินใจขอตัวออกมา ตอนนี้เขายุ่งกับงานประจำวันมากมาย เขารู้หลายเรื่องที่คนอื่นไม่ควรรู้ แม้กระทั่งรู้ว่าคนที่ฆ่าทาคาชิมะ ทาอิรัตสึคือหลี่ว์ซู่
ในตอนแรกทุกคนคิดว่าวัยรุ่นคนนี้มีความสามารถ แต่ใครจะคิดว่าเด็กคนนี้จะเติบโตมาจนถึงจุดที่เขาอยู่ในทุกวันนี้
เรื่องบาดหมางระหว่างบิ๊กเบิ้ม ใช่คนอย่างเขาจะมาแทรกเหรอ ไม่มีทางแน่นอน
เมื่อห่าวจื้อเชาออกไปแล้ว เนี่ยถิงจึงหันไปมองสือเสวจิ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ตลกนักหรือไง”
“จะแค้นกันไปถึงเมื่อใดเล่า” สือเสวจิ้นรู้ว่าปิดไม่อยู่จึงหยิบหนังสือลง “ที่จริงฉันคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะทำเรื่องแบบนี้ในครั้งแรกที่ได้เรียนรู้การทำงานของ ตราแผ่นดิน … ฮ่าๆๆๆ! “
“อ่านหนังสือไปซะ! ” เนี่ยถิงสีหน้าเคร่งขรึม “นายอ่าน ‘ตำราเป่ยโต่ว’ มาเป็นปีแล้วและยังไม่จบอีกนะ! “
[ได้รับแต้มจากเนี่ยถิง +499!]
สือเสวจิ้น ไม่เล่นตาม “นายอย่าโกรธเขาแล้วมาลงที่ฉัน… “
“ตราแผ่นดินตกอยู่ในมือของเขามันช่างเสียเปล่าจริงๆ! ” เนี่ยถิงพูดอย่างเย็นชา
“แต่มันเป็นสิ่งที่เขาได้มาจากความสามารถของเขาเอง ตอนนั้นพวกเรารู้ว่าตราแผ่นดินตกเป็นของเขา นายก็พูดเองว่า เขาเอามาด้วยความสามารถ ก็ให้เขาไป” สือเสวจิ้นพูดด้วยรอยยิ้ม “หรือนายจะเอากลับมา”
เนี่ยถิงหน้านิ่งไม่พูดอะไร เรื่องเอากลับมามันทำไม่ได้อยู่แล้ว มันไม่ใช่หลักการของเขาแต่เรื่องนี้ …คิดอย่างไรมันก็น่าโกรธ!
เห็นได้ชัดว่าสามารถใช้ตราแผ่นดินไปลดถอนพลังจิตวิญญาณหรือรวบรวมพลังจิตวิญญาณไปไว้ซักที่หนึ่ง ถ้าทำแบบนี้ก็จะลดภัยจากสัตว์กลายพันธุ์ทางเมืองลั่วเฉิงลงได้ แต่หลี่ว์ซู่กลับอดทนกว่าสองอาทิตย์เพื่อขยายเขตแดนตราแผ่นดินมาจนถึงพื้นที่ของพวกเขาก็เพื่อตัดพลังจิตวิญญาณของบ้านนี้!
ประสาทหรือเปล่า!
[ได้รับแต้มจากเนี่ยถิง +399!]
ในตอนนี้เนี่ยถิงก็รู้สึกว่าพลังจิตวิญญาณคืนกลับมา มันเรื่องอะไรกัน
เนี่ยถิงไม่ได้เป็นผู้มีร่างกายสัมผัสรู้ แต่ความต่างของการมีและไม่มีพลังจิตวิญญาณมันต่างกันมากซึ่งหมายถึงว่าสามารถบำเพ็ญได้หรือไม่ได้ ชัดเจนและตรงไปตรงมา
ดังนั้นเนี่ยถิงจึงยังสงสัยอยู่ หรือว่าเจ้าหลี่ว์ซู่นั้นกลัวอีกแล้วเหรอ
จากนั้น พลังจิตวิญญาณก็หายไปอีก
พลังจิตวิญญาณนั้นมีและหายไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่เคยมีมาก่อน
เนี่ยถิงเลิกคิ้วสูงขึ้น จะเล่นอย่างนี้ ไม่จบไม่สิ้นใช่ไหม!
[ได้รับแต้มจากเนี่ยถิง +777!]