ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 764 พิชิตการลงทัณฑ์จากสวรรค์

หลี่ว์ซู่ใช้เวลาตั้งนานสองอาทิตย์เต็มๆ แต่ละวันเขาไม่กินไม่นอน เอาแต่รีบขยายเขตแดนของตราแผ่นดินไปให้ถึงเมืองหลวงเร็วๆ ในช่วงเวลานั้น หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าแต่ละวันมีเวลาไม่พอใช้ กระทั่งยังรู้สึกว่าพลังดวงดาวมีไม่พออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 

 

แล้วเขายุ่งอยู่เกือบสองอาทิตย์เพื่อช่วยให้เนี่ยถิงปะทุพลังเนี่ยเหรอ

 

 

เรื่องบ้าอะไรกัน อยู่ก็จะปะทุแบบนี้เลยเหรอ

 

 

ตามที่สือเสวจิ้นพูดไว้เนี่ยถิงต้องการใช้พลังของตนฝึกหักล้างทำลายผนึกกั้นพลังจิตวิญญาณของตราแผ่นดิน แต่ตราแผ่นดินมีพลังที่ร้ายกาจมาก เนี่ยถิงใช้พลังสุดแรงเกิดของตนแยกบ้านขนาดพื้นที่ห้าร้อยตารางเมตรในตรอกหลิวไห่ให้หลุดออกจากพลังควบคุมของตราแผ่นดิน

 

 

ส่วนเนี่ยถิงที่ระยะนี้ไม่สามารถปะทุพลังได้นั้นก็เพราะยังเดินไม่ถูกหนทาง ไม่มีคำชี้แนะจากคนรุ่นก่อน ใครไปรู้ว่าหลังจากปะทุระดับ A ไปแล้วจะเป็นเช่นไร ทุกคนไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะปะทุด้วยวิธีอะไร

 

 

เนี่ยถิงเอาแต่เสาะหาคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาตลอดแต่ก็หาไม่เจอ

 

 

คราวนี้ ตราแผ่นดินมีพลังที่กล้าแกร่งมาก เป็นของวิเศษที่สร้างขึ้นตามกฎธรรมชาติดั้งเดิมของโลก เท่ากับเนี่ยถิงคิดต่อกรกับพลังธรรมชาติ แต่ก็ฝืนสู้ไปจนเนี่ยถิงตระหนักรู้ความหมายที่แท้จริงของการปะทุระดับ A

 

 

ระดับ B นั้นเป็นขั้นแรกในการสื่อสารกับธรรมชาติ ส่วนระดับ A นั้นคือผู้ที่สามารถผสานพลังเข้ากับธรรมชาติได้ทุกช่วงขณะหายใจ

 

 

แล้วเหนือระดับ A คืออะไร เหตุใดจึงก่อให้เกิดการลงทัณฑ์จากสวรรค์

 

 

ในช่วงเวลานี้เองที่เนี่ยถิงกระจ่างในทันทีว่าที่แท้เหนือระดับ A นั้นการสร้างพลังของตนที่อยู่นอกเหนือกฎธรรมชาติของโลก ใช้ร่างของตนเข้าใกล้พลังต้นกำเนิดเป็นวิธีที่ต่อต้านชะตาชีวิตจึงนำมาสู่การลงโทษตามเจตจำนงของสวรรค์!

 

 

นี่คือการเปลี่ยนแปลงจากยืมพลังภายนอกไปสู่พลังแห่งความสำเร็จของตนเองซึ่งไม่สอดคล้องกับเจตจำนงของสวรรค์ ดังนั้นภัยพิบัติจึงเกิดขึ้น

 

 

ก่อนหน้านั้นไม่มีใครรู้ว่าวิธีปะทุพลังของระดับ A ซึ่งเหมือนกับการเผชิญหน้ากับการผ่านด่านเกม ไม่มีใครรู้วิธีผ่านแม้กระทั่งไม่รู้ว่าควรจะเดินไปทางไหน

 

 

เมื่อเนี่ยถิงสับสนอยู่ๆ หลี่ว์ซู่ดันไปชี้ทางให้เขาซึ่งเขาก็ฝ่าผ่านไปได้…

 

 

หลี่ว์ซู่พึมพำ “เจ้านี้มันน่าปวดหัวจริงๆ … “

 

 

ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกเหมือนกับตอนที่เขางัดข้อกับหลิวหลี่ ในใจมีอยู่เรื่องเดียว อีกฝ่ายน่าปวดหัวจริงๆ!

 

 

ตอนนั้น หลิวหลี่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าหลี่ว์ซู่ปะทุพลังได้ยังไงจากนั้นก็เริ่มสงสัยในชีวิต

 

 

ตอนนี้หลี่ว์ซู่ก็คิดยังก็ไม่เข้าใจได้ว่า เนี่ยถิงแค่ทลายอาคมพลังของตราแผ่นดินก็ปะทุพลังซะอย่างนั้น ก้าวไปอีกขั้นสู่จุดสุดยอดของพลังการต่อสู้ของมนุษย์ แล้วหลี่ว์ซู่ก็เริ่มสงสัยในชีวิต

 

 

กลับมาเรื่องจริงจังก่อน หลี่ว์ซู่รีบให้สือเสวจิ้นอธิบายรายละเอียดทั้งหมดตอนที่เผชิญกับการลงทัณฑ์จากสวรรค์ ถึงเขาจะมีเรื่องขัดใจกับดนี่ยถิงแต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าเนี่ยถิงจะถูกการลงทัณฑ์จากสวรรค์ลงโทษ

 

 

เนี่ยถิงเป็นกระดูกสันหลังของเครือข่ายฟ้าดิน ถ้าเขาล้มไป เสาหลักทางจิตวิญญาณของเครือข่ายฟ้าดินก็เหมือนกับล้มไปครึ่งหนึ่ง

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นหลี่ว์ซู่รู้ดีว่าการขัดใจกันระหว่างเขาสองคนไม่ได้เป็นเพราะไปขัดแย้งกับเรื่องต้องห้ามของอีกฝ่าย ขัดใจก็ส่วนขัดใจแต่ทุกคนจำกัดวงเอาไว้แคบๆ

 

 

สือเสวจิ้นวางสายไปเงียบๆ แล้วโทรหาเนี่ยถิงเพื่อบอกต่อข้อความ ก่อนหน้านี้เขาให้เนี่ยถิงถามหลี่ว์ซู่แต่เขาตอบกลับมาว่า “ได้ยินว่านายถูกฟ้าผ่า” พูดประชดหลี่ว์ซู่ไป ตอนนี้กลายเป็นเขาต้องยุ่งวุ่นวายแล้วบ้านตัวเองก็พังลงไปอีก

 

 

ใครไปหาเรื่องกับใครไว้เหรอ

 

 

สือเสวจิ้นดูๆ แล้ว เนี่ยถิงและหลี่ว์ซู่น่าปวดหัวทั้งคู่!

 

 

[ได้รับแต้มจากสือเสวจิ้น, +399!]

 

 

ตอนนี้เนี่ยถิงบินอยู่เหนือทุ่งหญ้าทางตอนเหนือซึ่งเป็นพื้นที่ไร้ผู้คนอาศัยในระยะทางหนึ่งร้อยลี้

 

 

เสื้อคลุมดำสะบัดดังตามแรงลัม เมฆฝนฟ้าคะนองบนท้องฟ้าลอยไล่ตามเนี่ยถิงมาจากเมืองหลวง ก้อนเมฆหนาทึบดำทะมึนนั้นเหมือนกำลังสะสมพลังที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินเอาไว้

 

 

แต่เนี่ยถิงก็ไม่ไหวติงเพียงแค่ยืนหลับตานิ่งตั้งสมาธิอยู่กลางท้องฟ้า

 

 

การลงทัณฑ์จากสวรรค์ดูยังไม่มา ส่วนจิตดาบในตัวเนี่ยถิงก็แข็งแกร่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ สัตว์ที่อยู่ในรัศมีร้อยลี้ต่างตกใจและหลบหนีกันไป ความกดดันของเมฆพายุฟ้าคะนองดูเหมือนจะทำให้ทุกสิ่งหวาดกลัวและให้เวลาพวกมันหลบหนีออกไปจากที่นี่

 

 

สัตว์ทั้งหมดหนีออกไปด้วยสัญชาตญาณตื่นตัวมีเพียงเนี่ยถิงเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่เดิม หากมีคนเข้ามาในบริเวณนั้นก็จะได้ยินเสียงดึงดาบยาวออกจากฝักดังชัด เมฆนั่นคือพลังจากธรรมชาตที่แท้จริง ส่วนเสียงดาบนั่นเป็นเสียงผสานของศิลปะการต่อสู้ของเนี่ยถิง

 

 

หลายชั่วโมงผ่านไป มีจุดดำๆ ลอยมาแต่ไกล เมื่อเข้ามาใกล้จึงพบว่าพวกนั้นคือยอดฝีมือระดับ A ที่มีเพียงไม่กี่ท่านบนโลกนี้

 

 

หลี่เสียนอี เฉินไป๋หลี่ อวิ๋นอี่ หู่จื๋อ หัวหน้าบาทหลวง นักบุญ

 

 

หลี่เสียนอีที่ผมเคราปลิวสยายและเฉินไป๋หลี่ยืนอยู่ใกล้ๆ กัน ส่วนอวอิ๋นอี่ หู่จื๋ออยู่ด้วยกันและทั้งสองคนใส่ชุดคลุมดำและนำหุ่นเชิดเหล็กกล้ามาด้วยซึ่งพวกมันก็ดูท่าทางน่าเกรงขาม

 

 

นักบุญเป็นคนผิวขาวในชุดผ้าลินินเรียบง่าย สายตาของเขาจ้องมองไปยังเนี่ยถิงอย่างใจเย็น

 

 

ส่วนหัวหน้าบาทหลวงดูจะแก่ลงไปมากแต่เฉินไป๋หลี่ หลี่เสียนอีกลับไม่ดูแก่ลงและยังหนุ่มขึ้นด้วย แม้แต่เนี่ยถิงก็ดูอ่อนเยาว์ลงเรื่อยๆ เหมือนวัยรุ่นนี่เป็นปฏิกิริยาที่อายุขัยเพิ่มสูงขึ้นหลังจากที่กลไลของตัวเองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งแต่ทางหัวหน้าบาทหลวงกลับต่างออกไป เขาดูชราลงซึ่งดูผิดปกติมาก

 

 

ที่จริงในใจยอดฝีมือระดับ A ต่างก็ดูถูกหัวหน้าบาทหลวงเพราะอีกฝ่ายเหมือนจะไม่ได้ใช้พลังของตนเองเลื่อนระดับเป็นระดับ A ตามปกติ ใช้เล่ห์กลบนวิถีอันยิ่งใหญ่นี้ไม่ถือว่ามีความสามารถอะไร

 

 

ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของดวงดาวจึงรู้ว่าบางคนกำลังปะทุระดับ A จึงรีบมาสังเกตดู ทุกคนต่างติดอยู่ที่คอขวด หาหนทางไม่เจอ ตอนนี้มีผู้พบแล้วแน่นอนว่าจะต้องมาให้เห็นกับตา

 

 

อุปสรรคที่อยู่ชั้นบนสุดของโลกถูกทำลายลง บางทีหลังจากเนี่ยถิงแล้วก็อาจจะมีคนปะทุพลังได้อีก

 

 

แน่นอนว่าบรรดานักบุญ หัวหน้าบาทหลวงและปรมาจารย์หุ่นเชิดอาจมีจุดประสงค์อื่น เช่นทำลายหนทางการเลื่อนระดับของเนี่ยถิง

 

 

และเมื่อเนี่ยถิงทำลายคอขวดนั่นได้ก็หมายความว่าโลกแห่งการบำเพ็ญจะเปลี่ยนไปอีกครั้งและเครือข่ายฟ้าดินก็จะกลายเป็นสิ่งที่อยู่เหนือทุกองค์กรอย่างแท้จริงในทันทีนี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากเห็น!

 

 

เพราะไม่มีใครรู้ว่าหลังจากเนี่ยถิงขึ้นไปอีกระดับจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน!

 

 

เนี่ยถิงยืนปิดตาอยู่ เขาห้อมล้อมไปด้วยยอดฝีมือระดับ A ทั้งหกคน เหมือนกับไม่มีอะไรกับเขาเลย ร่างกายยังคงยืนตระหง่านอยู่ภายใต้เมฆฝนฟ้าคะนอง

 

 

ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าเข้าไปใต้เมฆฝนนั้นและโจมตีใส่เนี่ยถิง บรรยากาศเหมือนหยุดนิ่งทุกอย่าง มีเพียงเสียงดาบของ เนี่ยถิงที่ดังชัดแม้จะยังไม่ออกจากฝักซักที ดาบเล่มนั้นเหมือนจะปล่อยออกไปทุกเมื่อแต่กลับเหมือนรออะไรอยู่บางอย่าง

 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดังสนั่นบนท้องฟ้าและสายฟ้าสีม่วงก็ฟาดลงมาเป็นเส้นคดเคี้ยวด้วยความเร็ว เมฆนั้นอยู่ห่างจากตัวเนี่ยถิงอยู่หลายกิโลเมตรแต่สายฟ้าเส้นนั้นกลับฟาดลงมาถึงเขาได้ในพริบตา!

 

 

เสียงดาบปะทะดังลั่นสนั่น ทุกคนต่างหวาดหวั่นในใจ หัวหน้าบาทหลวงที่ดูสงบมาตลอดก็เงยหน้าขึ้นและเห็นดาบของเนี่ยถิงฟันดาบเข้าใส่สายฟ้าฟาดนั้น

 

 

พลังดาบที่สะสมเอาไว้เนิ่นนานที่เสมือนใส่จิตวิญญาณทั้งหมดที่เนี่ยถิงมีลงไป เสมือนกำลังฟันตัดเวลาที่มีมาแต่โบราณกาลออก ราวกับเป็นราชันแห่งดาบลงมาจุติ!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset