ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 767 ความหมายของพลัง

เมื่อตอนที่หลี่ว์ซู่ถูกฟ้าผ่า เนี่ยถิงก็โทรมาบอกว่าเขาได้ยินว่าถูกฟ้าผ่า เขาเป็นถึงผู้มีอำนาจสูงสุดของเครือข่ายฟ้าดินโทรมาเพื่อพูดเรื่องแค่นี้ ว่างมากเลยเหรอ

 

 

หลี่ว์ซู่เก็บแค้นนี้เอาไว้นานแล้ว แล้วเขาเป็นคนที่ไม่จำความแค้นเหรอ นั่นไม่ใช่เขา

 

 

ที่จริงตอนนั้นเนี่ยถิงโทรมาเพื่ออยากถามรายละเอียดของการลงทัณฑ์จากสวรรค์ แต่ว่า ณ ตอนนั้นเขาดันไม่พูดออกไปเลยกลายเป็นโทรไปเยาะเย้ย

 

 

แล้วในครั้งนี้ก็ถึงคราวที่หลี่ว์ซู่ได้ล้างแค้นซะที เขารู้สึกเหมือนกับได้เลื่อนพลังเข้าสู่ขั้นเสินฉังจิ้งอย่างไงอย่างนั้นเลย

 

 

ตอนนี้เอง เฉินจู่อานที่อยู่ห้องข้างๆ เดินมายืมของพวกเขา เพราะของในห้องเขาเก่ามากและไม่เปลี่ยนใหม่ซะที ดังนั้นเฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวมักจะมายืมของที่นี่บ่อยๆ

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองเฉินจู่อานหน้านิ่งๆ “เมื่อไหร่พวกนายจะเปลี่ยนของใช้ที่บ้านใหม่ซะที ฉันบอกก่อนว่าห้องนั้นฉันยืมให้นายอยู่ ถ้าปู่เขากลับมาแล้วพวกนายต้องออกนะ”

 

 

“ได้ๆๆ ” เฉินจู่อานพยักหน้าตกลง พวกเขาอยู่ที่นี่ก็สบายใจดี เสี่ยวอวี๋ก็จัดสวนลานบ้านของสองบ้านนี้ซะสวยเชียว ถึงบ้านจะมีพื้นที่เล็กไปหน่อยแต่จะไปเช่าที่ไหนที่ได้สภาพแวดล้อมแบบนี้

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ทางบ้านไม่ให้เงินพวกเขาใช้ ถ้าพูดสวยๆ คือเป็นการฝึกฝนพวกเขา ด้วยเงินเดือนจากเครือข่ายฟ้าดินที่เขาได้ไม่พอเช่าบ้านดีๆ อยู่

 

 

แล้วอยู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็พูดขึ้นมาด้วยความเริงร่าว่า “เจ้าอ้วนอยู่กินข้าวด้วยกันซิ เรียกชิวเฉี่ยวมาด้วย! “

 

 

เฉินจู่อานกลับทำเสียงเลิ่กลั่ก “พี่ซู่ ฉันทำอะไรผิดเหรอ”

 

 

“พูดอะไรอย่างนั้น” หลี่ว์ซู่ทำหน้าเข้ม “ก็ให้พวกนายมากินข้าวด้วยกัน วันนี้ฉันอารมณ์ดี ทำอะไรอร่อยๆ ให้พวกนายกินไง! “

 

 

พูดเสร็จหลี่ว์ซู่ก็ออกไปจ่ายตลาด เฉินจู่อานมองหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ด้วยความตกใจ “นานๆ ทีพี่ซู่จะชวนกินข้าว มีอะไรน่าดีใจเหรอ”

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่พอใจ “นายมีสิทธิ์อะไรไปพูดถึงหลี่ว์ซู่แบบนี้ คิดว่ากำลังพูดกับใครอยู่”

 

 

[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน +199!]

 

 

เฉินจู่อานเข้าใจเสียที ไม่ว่าหลี่ว์ซู่จะประสาทแค่ไหน ยังไงหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็จะยืนอยู่ข้างเสมอ

 

 

“เดี๋ยวก่อนนะ” อยู่ๆ เขาก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ “เรื่องที่ทำให้พี่ซู่ดีใจได้ขนาดนี้จะมีเรื่องอะไรซะอีก พระเจ้า เขาไม่หาเรื่องผ.อ.เนี่ยอีกแล้วเหรอ”

 

 

เรื่องแค่นี้เอาหัวแม่เท้าคิดก็รู้คำตอบ เดาจากที่สองอาทิตย์นี้หลี่ว์ซู่ไปกวนเนี่ยถิงเอาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างหลี่ว์ซู่ กับเนี่ยถิง

 

 

เฉินจู่อานเดินเหม่อกลับไปที่ห้องตัวเองแล้วเห็นเฉิงชิวเฉี่ยว เฉิงชิวเฉี่ยวเห็นก็ขนลุกซู่เลย “พี่จู่อาน ยังไงพี่ต้องหาแฟนได้ ฉันไม่ได้เป็นเกย์นะ! “

 

 

เฉินจู่อานพูดด้วยใบหน้าเศร้า “นายรู้เรื่องอะไร ฉันจะบอกให้ สาขาวิจัยสายพันธุ์ของเรา … น่าจะเจอเรื่องเข้าแล้ว”

 

 

ในขณะนี้ เหตุการณ์ที่เนี่ยถิงก้าวขึ้นสู่หลังระดับ A เป็นเรื่องที่โจษจันไปทั่วโลกแห่งการบำเพ็ญ หลายคนคิดว่าระดับ A เป็นขีดจำกัดของมนุษย์ ผลคือมีคนใช้ดาบฟันทำลายการลงทัณฑ์จากสวรรค์มาบอกทุกคนว่า ระดับ A ไม่ใช่จุดสิ้นสุด

 

 

ความรู้สึกนี้ช่างน่าตกใจจริงๆ และพลังระดับใหม่ถูกประกาศโดยเครือข่ายฟ้าดิน เสินฉังจิ้ง

 

 

ตัวอักษรจีนเพียงสามตัว ไม่รู้ว่าพอแปลภาษาต่างประเทศจะมีกี่ตัวอักษร แต่ไม่ว่าจะมากเท่าไหร่ก็ต้องแปล

 

 

ก่อนหน้านี้แบ่งระดับเป็น A B C D E F ตอนนี้จู่ๆ มีภาษาจีนโผล่ออกมาหลังตัวอัลฟาเบ็ตก็รู้สึกแปลกๆ มันเหมือนกับการไปเล่นรถบัมเปอร์ที่สวนสนุกแล้วได้นั่งรถที่เป็นรถไฟเหาะ มันคนละประเภทกันเลย

 

 

แต่สิ่งนี้ ยอมรับได้ก็ยอมรับไป ยอมรับไม่ได้ก็ต้องรับให้ได้ ที่ก่อนหน้านี้เรียกระดับพลังเป็น A B C D E F เพราะตอนนั้นมูลนิธิแข็งแกร่งที่สุดและเป็นผู้ประกาศเรื่องนี้ก่อน

 

 

แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เนี่ยถิงเป็นคนแรกที่ขึ้นสู่เสินฉังจิ้ง เขาอยากจะนิยามคำยังไงก็ได้ เขาบอกว่าระดับพลังอันนี้ใช้ชื่อภาษาจีนก็หมายถึงต้องใช้ภาษาจีนเป็นมาตรฐาน

 

 

ก็เหมือนกับตอนนั้นที่เฉินไป๋หลี่ขอให้เปลี่ยนระดับพลังเป็น ก ข ค ง สิ่งที่ทุกคนต้องการทำลายคือ “การทำเป็นนานาชาติ” เพื่อสร้างสิ่งของและมาตรฐานของชาติตนเอง

 

 

มีบางคนสื่อสารแล้วไม่มีภาษาอังกฤษลงไปซักคำสองคำในประโยคมันไม่ค่อยถนัด ถ้าหากคุณไม่สามารถอธิบายคำศัพท์นั้นได้ก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าเพื่อแสร้งทำเก่ง นั้นฟังดูแล้วก็ปัญญาอ่อน

 

 

เนี่ยถิงใช้ภาษาจีนมานิยามความหมายของเสินฉังจิ้งก็เพื่อบอกทั้งโลกรู้ว่าตอนนี้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็คือเครือข่ายฟ้าดิน!

 

 

ในขณะนั้น สมาชิกของเครือข่ายฟ้าดินที่ซ่อนตัวทำปฏิบัติการลับอยู่ที่ต่างประเทศ เมื่อพวกเขาเห็นคำนิยามของระดับใหม่ที่ใช้ภาษาจีนหรือแปลจากภาษาจีนก็รู้สึกฮึกเหิมใจ

 

 

บางคนสีหน้าดูสงบแต่พอถึงยามดึกดื่นต้องนอนแล้วคิดถึงเรื่องนี้ก็ทำเอาตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ บางคนถึงขั้นร้องไห้ตื้นตันใจ

 

 

นี่เป็นความหมายและสัญลักษณ์อย่างหนึ่งไม่ใช่ว่าตั้งชื่อนี้แล้วมันยอดเยี่ยมอะไร

 

 

พวกเขาเต็มใจห่างบ้านห่างเมืองไปเผชิญภันยตรายที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ใช่เพียงเพื่อความศรัทธาในใจของพวกเขาหรอกเหรอ

 

 

ทานิกุชิ บันไดที่เคยช่วยหลี่ว์ซู่ตอนอยู่ที่กลุ่มทวยเทพนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเงียบๆ ตอนนี้เธอเป็นพนักงานของบริษัทในเครือกลุ่มทวยเทพ

 

 

เมื่อข่าวมาถึงทานิกุชิ บันได เขามองไปนอกหน้าต่างเงียบ ๆ จู่ๆ ก็อยากไปที่เยี่ยมหลุมศพพ่อเขา เพื่อเล่าข่าวนี้ให้กับอีกฝ่าย

 

 

สิ่งที่พวกเขายืนหยัดไม่ใช่ไร้ความหมาย

 

 

บ้านในตรอกหลิวไห่ในเมืองหลวงกำลังสร้างขึ้นมาใหม่ สือเสวจิ้นยืนอยู่บนซากปรักหักพังด้วยใบหน้าเศร้าโศกและสั่งการคนงาน “ช่างก่ออิฐ อย่าโดนต้นวอลนัทนั้นนะ ทำงานดีๆ หน่อย”

 

 

ในเวลานี้ เนี่ยถิงซ่อนตัวอยู่ในฐานใต้ดินที่ตรอกหลิงจิ้งและไม่ได้กลับไปที่บ้านในตรอกหลิวไห่

 

 

หนึ่งไม่อยากฟังสือเสวจิ้นบ่น สองคือเขาไม่อยากห่วงเรื่องการสร้างใหม่นี้ มีเรื่องเครือข่ายฟ้าดินอีกมากที่ต้องทำ…

 

 

สือเสวจิ้นรู้สึกเสียใจมาตลอด หลี่ว์ซู่และเนี่ยถิงต่างกวนประสาทใส่กัน สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นเขาที่ต้องมาเก็บกวาดปัญหา มันเพื่ออะไรกัน

 

 

[ได้แต้มจาก สือเสวจิ้น +399!]

 

 

แต่ต่อนนี้เนี่ยถิงต้องการที่เงียบๆ เพื่อทำให้พลังของเขามั่นคง ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องปรับปรุงแผนการของเครือข่ายฟ้าดินใหม่ ไม่ได้หมายความว่าเครือข่ายฟ้าดินแข็งแกร่งแล้ว ในแง่ของพลังนั้นแข็งแกร่งเป็นที่แน่นอน องค์กรใหญ่อื่นๆ ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเครือข่ายฟ้าดินง่ายๆ

 

 

ก่อนหน้า พวกนั้นต้องการอาศัยจังหวะที่เนี่ยถิงปะทุพลังและอ่อนแอลง กำจัดเนี่ยถิงแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ตอนนี้ได้แต่ขอร้องเครือข่ายฟ้าดินจะไม่ชำระบัญชีกับพวกเขาเร็วเกินไป

 

 

แต่มีแค่สือเสวจิ้นเท่านั้นที่รู้ว่าเนี่ยถิงไม่สามารถลงมือได้อีกแล้ว!

 

 

เรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดของความลับ ก็เหมือนดั่งที่ปรมาจารย์หุ่นเชิดเคยบอกไว้ว่ายอดฝีมือระดับ A ต่อสู้กับจะยิ่งทำให้โลกยิ่งอ่อนแอลง และหลังจากที่เนี่ยถิงเข้าสู่เสินฉังจิ้งแล้ว โลกยิ่งรองรับพลังของเขาไว้ไม่ไหวอีกแล้ว

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset